xs
xsm
sm
md
lg

“ศศิน” แนะ รบ.เสนอ “แม่วงก์” เป็นมรดกโลก วอน สผ.ทำงานยึดความถูกต้อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ศศิน” ย้ำเขื่อนแม่วงก์ไม่ช่วยแก้น้ำท่วม-ภัยแล้ง ไม่คุ้มต่อการทำลายหัวใจระบบนิเวศของป่าแม่วงก์ เชื่อระยะสร้าง 8 ปีทำป่าเสื่อม เสือถูกล่าหมดแน่ ไม่มีทางคุมอยู่ แนะรัฐบาลเสนอให้เป็นมรดกโลก และสร้างศูนย์วิจัยสัตว์ป่าคืนรายได้สู่ท้องถิ่น พร้อมวอน “สผ.-คชก.” ทำงานยึดหลักวิชาการ ส่วนนักการเมืองก็อย่าแทรกแซง


วันที่ 25 ก.ย. นายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าวในรายการ “คนเคาะข่าว” ทางเอเอสทีวี ว่า อุทยานแม่วงก์ติดกับห้วยขาแข้ง เชื่อมต่อไปหาคลองลาน เป็นพื้นที่กระจายตัวของเสือโคร่ง ในแง่ของการอนุรักษ์ป่านี้สมบูรณ์มาก พื้นที่ตรงที่จะสร้างเขื่อนแม่วงก์มีลำน้ำแม่เรวา ซึ่งช่วยเสริมระบบนิเวศทำให้เหยื่อของเสือเพิ่มขึ้น จำนวนเสือก็เพิ่มขึ้น ความอุดมสมบูรณ์ของป่าวัดได้จากเสือโคร่ง แล้วตอนนี้เสือก็มีแค่ที่ห้วยขาแข้ง แม่วงก์ และทุ่งใหญ่นเรศวร อย่างเขาใหญ่เห็นว่าสมบูรณ์ดีแต่ไม่มีเสือมากพอที่จะสืบพันธุ์ออกลูกแล้ว ในรายงาน EHIA ไม่บอกว่ามีเสือ บอกแต่ว่าส่วนใหญ่มีแต่สัตว์เลื้อยคลาน และเป็นป่าที่ไม่สมบูรณ์

EHIA นี้จัดทำกรอบก่อนน้ำท่วมปี 2554 ทำไปไม่ถึงปีเสร็จแล้ว 5 เล่ม ทั้งที่ติดช่วงน้ำท่วมด้วยซ้ำ ดังนั้น การศึกษาสัตว์ป่าไม่มีทางเสร็จแน่นอน มีรายงานที่ศึกษาเรื่องศักยภาพของเสือมากมายที่หน่วยงานต่างๆ เคยจัดทำไว้ก็ไม่เอาผนวกเข้าไปใน EHAI พอเอาเข้าคณะกรรมการผู้ชำนาญการ ก็ทำท่าว่าจะผ่านใน ก.ย.นี้ EHIA เคยเข้าสู่คณะกรรมการผู้ชำนาญการมาแล้วตอนปลายปี 2555 ตอนนั้นมีให้แก้หลายประเด็น โดยเฉพาะประเด็นเรื่องสัตว์ป่า ปรากฏว่าทำท่าจะยาว เลยมีการเปลี่ยนตัวคณะกรรมการผู้ชำนาญการเมื่อตอนต้นปี 2556 ช่วงที่นายปลอดประสพ มารับตำแหน่งดูเรื่องสิ่งแวดล้อม และมาพร้อมกับช่วงเร่งเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท เพราะเป็นเขื่อนเดียวในโมดูลเอ 1 ที่เริ่มทำ EHAI แล้ว

ส่วน นายปลอดประสพ สุรัสวดี สมัยเป็นอธิบดีกรมป่าไม้เมื่อปี 2542 เคยบอกไม่ให้สร้างเขื่อนแม่วงก์ แต่พอตอนนี้กลับสนับสนุน โดยอ้างว่าตอนนั้นทำเพื่อภัยแล้งมันไม่คุ้ม แต่ตอนนี้เรื่องน้ำท่วมสำคัญกว่า โมดูลเอ 1 นั้น เป็นการสร้างเขื่อนที่มีปัญหาทั้งหลายมารวมกัน แล้วรวมเขื่อนทั้งหมดที่จะสร้างตามโมดูลเอ 1 เก็บน้ำได้พันกว่าล้าน ลบ.ม.เท่านั้นเอง เพราะพื้นที่ที่จะสร้างเขื่อนใหญ่ๆมันหมดแล้ว

นายศศินกล่าวต่อว่า เขื่อนแม่วงก์เมื่อเทียบกับน้ำท่วมตอนปี 2554 ลดน้ำท่วมได้ไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ ไปเสนออยู่ในงบน้ำท่วมได้อย่างไร อยู่ในเรื่องภัยแล้งยังเข้าท่ากว่า แต่ก็อ้างว่าเพื่อภาพรวมในการคอนโทรลน้ำ 1 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่าน้ำท่วม 1 เมตร จะลดลงแค่ 1 เซนติเมตร ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับป่าที่มีศักยภาพมากพอที่จะเป็นมรดกโลกด้วยซ้ำ มันไม่คุ้ม

ตนมองว่าแรงจูงใจที่จะสร้างเขื่อนนี้ เพราะมันมีผลประโยชน์ แค่ทำท่าว่า EHIA จะผ่าน นักการเมืองท้องถิ่นก็ไปขอระเบิดหินแล้ว แกนนำที่ผลักดันก็มีธุกิจก่อสร้าง ที่น่าสนใจข้อมูลผิดๆ บอกว่าแม่วงก์เป็นแม่น้ำสายเดียวที่ไหลผ่านอำเภอลาดยาว หน้าฝนน้ำก็ท่วม หน้าแล้งก็ไม่มีน้ำ เพราะไม่เขื่อนกัก แต่ไปดูจริงๆ แล้วแม่วงก์ไม่ได้ผ่านลาดยาว สายน้ำที่ทำให้ท่วมลาดยาวคือคลองม่วงซึ่งไหลมาจากกำแพงเพชร แล้วเขื่อนไม่ได้อยู่ตรงที่แม่น้ำหลายสายผ่านทำให้ช่วยลดน้ำท่วมได้แค่ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ส่วนภัยแล้งนั้น มีพื้นที่ชลประทาน 3 แสนไร่ ทับพื้นที่ 3 จังหวัดคือ กำแพงเพชร อุทัยธานี นครสวรรค์ แล้วมีเขียนไว้ในรายงาน EHIA ว่าสามารถส่งน้ำเข้าสู่พื้นที่ชลประทานได้ 2.9 แสนไร่ ในฤดูฝน ในฤดูแล้งได้ 1.1 แสนไร่ ฟังเผินๆ ดูดี แต่ในฤดูฝนใครต้องการน้ำ ส่วนหน้าแล้ง 1 แสนไร่ เท่ากับ 1 ใน 3 เท่านั้นเอง พื้นที่ที่จะได้ประโยชน์แค่ประมาณ 2 ตำบล ไม่ใช่ 23 ตำบลแบบที่บอก

นอกจากนี้ เรื่องที่จะปลูกป่าคืน 3 เท่า ทำไมไม่เอาพื้นที่ที่จะปลูกป่า 3 เท่า มาสร้างอ่างเก็บน้ำข้างนอก เพราะอย่างไรก็ต้องเวนคืน แล้วก็ไม่มีพื้นที่ที่จะปลูกป่าปรากฏใน EHIA เลย แต่คำนวณเป็นตุเป็นตะ พอตนจี้ไปมากๆ ว่าไม่มีพื้นที่ปลูกป่า เมื่อวานนายปลอดประสพเลยบอกว่าก็ปลูกในอุทยานแม่วงก์ ซึ่งตามทีโออาร์งบปลูกป่าไร่ละ 5 พันกว่าบาท แล้วปลูกในพื้นที่ที่มีป่าอยู่แล้ว และ 3 หมื่นไร่ กินงบมันเลย แล้วที่บอกว่าลดน้ำท่วมได้ 1 เปอร์เซ็นต์ นายปลอดประสพบอกว่าแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ก็จะสร้าง ดังนั้นสิ่งที่ตนพูดถูกหมดเลย นายปลอดประสพยอมรับเอง

นายศศินกล่าวอีกว่า การที่อ้างว่าเสียพื้นที่ป่าแม่วงก์แค่ 1 เปอร์เซ็นต์ ทำไมยอมไม่ได้ นั่นก็เพราะตรงนั้นเป็นหัวใจของระบบนิเวศของป่าแม่วงก์ จะเอาเสือหรือเอาคนมันไม่เกี่ยว แต่มันเกี่ยวกับว่าคุ้มหรือเปล่า ที่จะต้องเสียเงิน 1.3 หมื่นล้าน แล้วได้น้ำแค่ 2 ตำบล ที่สำคัญติดห้วยขาแข้ง เวลาสร้างเขื่อนนาน 8 ปี ต้องเข้าไปตัดไม้ไม่เช่นนั้นน้ำเน่า ตัวไม้ตรงนี้เป็นผลประโยชน์ แล้วช่วงตัดไม้คุณค่าของป่าก็หมดเพราะคนเข้าไปอยู่เต็ม แล้วเสือมูลค่าซื้อขายกันตัวละเป็นล้าน พรานเวียดนามยังต้องมาล่าที่นี่ เพราะเหลือแค่ที่นี่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หากคนงานเข้าไป รถบรรทุกวิ่งกันขวักไขว่ จะดูแลอย่างไร 8 ปี เสือ 200 ตัวอาจหมดไปเลยก็ได้ มันคุมไม่ได้

“ถ้ารัฐบาลมีวิศัยทัศน์ เสนออุทยานแม่วงก์ให้เป็นมรดกโลกเลย ที่สวยกว่าห้วยขาแข้งด้วย แล้วให้มีการสร้างศูนย์วิจัยสัตว์ป่า เชิญฝรั่งมาดู ก็จะเป็นรายได้คืนสู่ท้องถิ่น ส่วนเรื่องน้ำก็ไปสร้างฝาย กั้นบ่อแทน”

เลขาธิการมูลนิธิสืบฯ กล่าวด้วยว่า ที่ตนประท้วง สผ. (สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) เพราะมีนักวิชาการคุณภาพดีมากอยู่เยอะ ใครจะเสนอเอาเขื่อนเข้ามาก็ได้เพราะเขาอาจหวังดี แต่ สผ.ต้องกรองให้อยู่ ยืนหยัดตามหลักวิชาการ แล้วถ้าโครงการไม่ผ่านผู้เสนอก็ต้องกลับไปคิดใหม่ อย่าแทรกแซง ส่วนตนนั้นจากการที่ผู้คนตื่นตัวจำนวนมาก ทำให้มีหวังในการเคลื่อนไหว ยังไงก็จะสู้ต่อ


กำลังโหลดความคิดเห็น