ขรก.มหาดไทยสุดงง มติ ครม.แต่งตั้งโยกย้ายตามคาด รื้อมติ ครม.เดิม 20 ส.ค.ให้ผู้ว่าฯ ประจวบ อยู่ที่เดิม ด้านผู้ว่าฯ นนทบุรี นั่งพ่อเมืองเชียงใหม่ไม่พลิก พบ 4 คนชื่อซ้ำบัญชีแรก เหตุสอบเลื่อนซี 10 แบ่งสองกลุ่มให้เหยียบเรือสองแคม รองผู้ว่าฯ บางคนคำสั่งแรกนั่งผู้ตรวจฯ วันเดียว รุ่งขึ้นคำสั่งสองนั่งเป็นผู้ว่าฯ เหน็บคนจัดโผโคตรเซียน
วันนี้ (24 ก.ย.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 24 ก.ย. 2556 ได้มีมติเห็นชอบบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 (ผู้ว่าราชการจังหวัด-ผู้ตรวจราชการกระทรวง) ของกระทรวงมหาดไทย โดยพบว่าเป็นมติ ครม.ที่ออกมาแบบมี 2 คำสั่งในวันเดียวกัน ที่สร้างความงุนงงให้กับข้าราชการกระทรวงมหาดไทยไม่น้อย โดยคำสั่งแรกเป็นมติเห็นชอบแต่งตั้งโยกย้าย “ผู้ว่าราชการจังหวัด” และ “ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย” ชุดสุดท้ายบิ๊กล็อต 23 ตำแหน่ง แบ่งเป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งขึ้นแทนตำแหน่งเกษียณ 14 ตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการ 3 ตำแหน่ง และโยกย้ายสลับเก้าอี้อีก 5 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ ลำดับที่ 1-6 เป็นการย้ายสลับข้าราชการระดับ 10 ด้วยกันเอง ในระดับผู้ว่าราชการจังหวัด ประกอบด้วย 1.นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ 2.นายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี 3.นายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม 4.นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี 5.นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย 6.นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช
ลำดับที่ 7-23 เป็นการแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งจากระดับ 9 คือรองผู้ว่าราชการจังหวัดและรองอธิบดีฯ เป็นระดับ 10 ประกอบด้วย 7.นายสุรพล วาณิชเสนี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร 8.นายเกรียงเดช เข็มทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี 9.นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม 10.นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส 11.นายอุกริช พึ่งโสภา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน 12.นายชโลธร ผาโครต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ 13.นายวิเชียร จันทรโณทัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ 14.นายสุรพล พนัสอำพล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน
15.นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี 16.นายสุวรรณ กล่าวสุนทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน 17.ว่าที่ร้อยตรี สุพีร์พัฒน์ จองพานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี 18.นายชยพล ธิติศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู 19.นายเสรี ศรีหะไตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง 20.นายชัช กิตตินภดล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ 21.นายปวิณ ชำนิประศาสน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวง 22.นายธนาคม จงจิระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็น ผู้ตรวจราชการ 23.นายทวี นริสศิริกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวง
นอกจากนี้ มติ ครม.วันเดียวกัน ยังได้เห็นชอบบัญชีรายชื่อตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ให้สลับตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด และ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เพิ่มเติม อีก 8 ตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค.เป็นต้นไป ประกอบด้วย 1.นายนินิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี 2.นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 3.นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง
4.นายวิญญู ทองสกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวง 5.นายเสรี ศรีหะไตร ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง 6.นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง 7.นายพิเชษฐ ไพบูลย์ศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวง 8.นายธนาคม จงจิระ ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบพบว่า บัญชีรายชื่อในคำสั่งที่สองที่ให้มีผล 2 ตุลาคม จะพบว่ามีชื่ออยู่ 4 คนที่ไปซ้ำกับบัญชีแรก คือ นายเสรี ศรีหะไตร ที่คำสั่งแรกขยับจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง แต่คำสั่งที่สองให้ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง คนที่ 2 นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ที่คำสั่งแรกขยับขึ้นจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวง แต่คำสั่งที่สองให้ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง คนที่ 3 คือ นายธนาคม จงจิระ ที่คำสั่งแรกขยับขึ้นจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย แต่คำสั่งที่สอง ให้ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี และคนที่ 4 คือ นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ขยับขึ้นจากรองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี แต่ในคำสั่งที่ 2 ให้โยกจากผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เท่ากับว่าบางคนอาทิ นายธนาคม จงจิระ ซึ่งคำสั่งแรกขยับขึ้นจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย แต่คำสั่งที่สอง ให้ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ก็คือไปนั่งเป็นผู้ตรวจฯ แค่วันเดียวแล้ววันรุ่งขึ้น 2 ตุลาคม ก็ไปนั่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีเลย
แหล่งข่าวจากกระทรวงมหาดไทยแจ้งว่า เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะในการเปิดสอบคัดเลือกเลื่อนระดับจากระดับ 9 เป็นระดับ 10 ของกระทรวงมหาดไทยที่แบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือสอบขึ้นเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด และเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย การเปิดสอบดังกล่าวเปิดโอกาสให้ระดับ 9 สามารถใช้สิทธิสอบได้ทั้งสองอย่าง คือจะสอบเป็นผู้ว่าฯ ก็ได้หรือจะสอบเป็นผู้ตรวจฯ ก็ได้ หรือจะสอบทั้งสองอย่างก็ได้ ทำให้บางคนสอบได้ผู้ว่าฯ บางคนสอบได้ผู้ตรวจฯ แต่สอบไม่ได้ผู้ว่าฯ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ในคำสั่งที่ 2 มีบางคนซ้ำกับบัญชีแรกจำนวน 4 คน โดยคำสั่งแรกได้เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยในวันที่ 1 ตุลาคม แล้วคำสั่งที่ 2 กระโดดออกมามาเป็นผู้ว่าฯ ภายในวันรุ่งขึ้นคือ 2 ตุลาคม หมายถึงไปนั่งเป็นผู้ตรวจฯ วันเดียวเท่านั้น
ซึ่งการทำบัญชีรายชื่อดังกล่าวได้สร้างเสียงวิจารณ์อย่างมากจากข้าราชการกระทรวงมหาดไทยว่า “คนทำบัญชีครั้งนี้ โคตรเซียนจริงๆ ที่เลื่อนขั้นให้เป็นระดับ 10 นั่งผู้ตรวจวันเดียวแล้ววันรุ่งขึ้นก็ไปนั่งเป็นผู้ว่าฯ” แหล่งข่าวระบุ
นอกจากนี้ มติ ครม.ดังกล่าวยังมีการเด้งผู้ว่าฯ เข้ากรุผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยจำนวนสองคนคือ นายวิญญู ทองสกุล จากผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวง และนายพิเชษฐ ไพบูลย์ศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวง