“วราเทพ” ขอวุฒิสภาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านตามกรอบ 30 วัน ย้ำไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ส่วนการช่วยเหลือปัจจัยการผลิตยางพารา เริ่ม 24 กันยาฯ ประเดิมที่ อ.ชะอวด เป็นแห่งแรก เตรียมพิจารณาต่อเวลาลงทะเบียน หลังครบกำหนด 30 กันยาฯ เล็งทำประกันโกดังเก็บข้าว หวั่นน้ำท่วมทำข้าวเน่า
นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองประธานกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาล กล่าวว่า การพิจารณาราบรื่นกว่าที่คาดการณ์ไว้ หลังผ่านสภาผู้แทนราษฎร คงจะรอการพิจารณาในชั้นวุฒิสภา ซึ่งตามข้อบังคับจะมีการพิจารณาภายใน 30 วันเพื่อให้แล้วเสร็จ แต่หากไม่แล้วเสร็จก็จะขยายระยะเวลาต่ออีก 30 วัน แต่จริงๆ แล้วอยากขอร้องวุฒิสภาพิจารณาตามระยะเวลาที่กำหนด เพราะมีความล่าช้าไปมากแล้ว เป้าหมายอยากให้ใช้ได้พร้อมกับงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 คือ 1 ต.ค.2556 แต่ขณะนี้ไม่ทันแล้ว ซึ่งต้องเลื่อนไป 1-2 เดือน เพื่อที่จะได้ก่อสร้างตามแผนที่กำหนดไว้เหมือนเดิม อย่างน้อยจะสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนที่รอผลการพิจารณาจากสภาฯ
นายวราเทพ กล่าวว่า ส่วนข้อท้วงติงของฝ่ายค้านได้ชี้แจงแล้วว่า ความจำเป็นที่จะต้องกู้เงินมาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานยังยืนว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นภาระการคลังของประเทศ และอยู่ในวินัยทางการเงินการคลัง หนี้สาธารณะจะไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ตลอดระยะเวลาการกู้เงินใน 7 ปี
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการมองว่า พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท อาจจะไปสะดุดในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ หลังมีการยื่นตีความ นายวราเทพ กล่าวว่า คงต้องรอจนกว่าวุฒิสภาพิจารณาแล้วเสร็จ ก็จะดูว่ามีผู้ไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ แม้ว่าขณะนี้มีผู้แสดงความเห็นจะไปยื่นก็ตาม โดยระหว่างที่วุฒิสภาพิจารณาก็จะใช้เวลานี้ชี้แจงทำความเข้าใจ เพื่อหวังว่าผู้ที่ไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญมีความเข้าใจ และอาจเปลี่ยนใจ
ส่วนระยะเวลาที่ล่าช้าไปกว่ากำหนดจะกลายเป็นอุปสรรคสำคัญหรือไม่ นายวราเทพ กล่าวว่า อุปสรรคเรื่องของเวลามีอยู่บ้าง ถ้านับตามขั้นตอน หรือถ้าหากมีการไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญน่าจะกระทบ แต่ไม่น่าเกิน 3 เดือนจากการคาดการณ์ ซึ่งมีผลอยู่บ้าง ที่ทำให้การดำเนินการขั้นต้นล่าช้าออกไป แต่ไม่กระทบทั้งหมด เนื่องจากปีแรกเป็นการเริ่มต้นที่มีเม็ดเงินไม่สูงนัก
นายวราเทพ กล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางตามมติคณะรัฐมนตรีที่ไร่ละ 2,520 บาท ไม่เกิน 25 ไร่ต่อครอบครัว ว่า ขณะนี้ได้มีเกษตรกรชาวสวนยางมาขึ้นทะเบียนที่จะขอรับการสนับสนุนแล้ว จำนวนกว่า 5 แสนราย จากจำนวนเกษตรกรที่ปลูกยางประมาณ 1 ล้านรายเศษ โดยทางกระทรวงเกษตรฯ ได้ให้บุคลากรลงพื้นที่เร่งการลงทะเบียน และตรวจสอบเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว จุดแรกที่มีความพร้อมคือที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช โดยวันที่ 24 ก.ย.จะเริ่มจ่ายเงินช่วยเหลือจุดแรก ณ ที่ว่าการอำเภอชะอวด มีเกษตรกรที่จะมารับการช่วยเหลือ จำนวน 500 ราย และจะทยอยจ่ายไปยังจุดต่างๆ ทั่วประเทศ จากวงเงินทั้งหมด 21,000 ล้านบาท ที่กำหนดให้มีการลงทะเบียนแล้วเสร็จวันที่ 30 ก.ย. แต่ถ้าหากว่าไม่เสร็จตามระยะเวลาก็จะพิจารณาปัญหาว่ามีความจำเป็นจะขยายการลงทะเบียนออกไปหรือไม่ แต่คาดว่าน่าจะลงทะเบียนได้ทั้งหมดภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ การรับเงินการจ่ายเงินจะย้อนหลังไปวันที่ 1 ก.ย.56 -31 มี.ค.57 ในระยะเวลา 7 เดือน โดยเป็นการจ่ายเงินครั้งเดียว
นายวราเทพ กล่าวว่า ส่วนปัญหาข้อเรียกร้องให้ผู้ที่ไม่มีเอกสารสิทธิให้ได้รับเงินช่วยเหลือด้วยนั้น กลุ่มที่ไม่มีกรรมสิทธิ์เป็นของตัวเอง อนุญาตให้ใช้ประกาศของกรมป่าไม้ สำหรับผู้ที่เข้าไปเพาะปลูกในที่ดินที่ได้รับอนุญาตไม่ว่าจะเป็นสำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) สหกรณ์นิคมสร้างตนเอง หรือพื้นที่ที่มีใบอนุญาตกรมป่าไม้ให้เข้าทำประโยชน์ ก็มีสิทธิเช่นเดียวกัน ส่วนกลุ่มที่ยังชุมนุมเรียกร้องก็ต้องทำความเข้าใจกันต่อไป ขึ้นอยู่กับการประสานงาน ซึ่งขณะนี้มีเพียงแค่การปิดเส้นทางจราจรเท่านั้น
นายวราเทพ ยังกล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมว่า รัฐบาลเป็นห่วงข้าวที่มีการเก็บไว้ในคลังข้าวสารขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ทั้งนี้ จากการตรวจสอบล่าสุด ยังไม่พบว่าได้รับผลกระทบ มีเพียง จ.สุรินทร์ ที่มีคลังของ อ.ต.ก. กว่า 10 แห่ง พบมีเพียงแห่งเดียวที่ได้รับผลกระทบแต่มีปัญหาไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลรับจำนำตั้งแต่ปี 54 ที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาข้าวที่อยู่ทั้งหมดในคลังของหน่วยงานราชการ และของเอกชนที่ไปจ้างฝากไว้ ได้ซื้อประกันความเสียหายจากกรณีต่างๆ ไว้หมดแล้ว รวมทั้งน้ำท่วมด้วย เพราะฉะนั้น ถ้ามีความเสียหายจากน้ำท่วมก็จะไม่ส่งผลเสียหายต่อมูลค่า หรือทรัพย์สินของรัฐที่ทำประกันไว้ แต่ก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปเร่งป้องกันไว้แล้ว มีการสร้างเกาะล้อมโกดังป้องกันความเสียหาย
