ตั้งเวทีกันมาเป็นแฟชั่น นักการเมืองกับการปฏิรูปประเทศไทยหลังจากมีการจุดไฟกลางสายฝนตั้งเวทีปฏิรูปประเทศ โดย “ปูกรรเชียง” ยิ่งลักษณ์ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ท่ามกลางคนนินทาหมาดูถูกเย้ยหยามว่าห่างไกลกับความสำเร็จที่ตั้งเป้าไว้สวยหรูเลิศล้ำจินตนาการ
วันนี้ภาคประชาชนโดย “บักใส” สุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีนเป็นตัวตั้งตัวตีให้มีเวทีภาคประชาชนคู่ขนานไปกับเวทีปฏิรูปของรัฐบาล วางเป้าคนมาร่วมจะต้องเป็นภาคประชาชนทั้งหมดเป็นเขตปลอดฝ่ายการเมือง แต่ก็ถูกตั้งแง่เช่นกันว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเพียวๆคิดอยู่ในมิติวนเวียนกับการขจัด นักโทษหนีคดี ทักษิณ ชินวัตร เป็นปฏิปปักษ์คนเสื้อแดงจนไม่เห็นเป้าหมายในส่วนอื่นๆ
แน่นอนเวทีแบบนี้ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่เอาด้วยแน่นอนฝ่ายการเมืองที่มีแนวโน้มจะเอาด้วยก็เห็นจะมีแต่พรรคประชาธิปัตย์ที่ผ่านมาก็ปรากฏเป็นข่าวประปรายว่ามีการประสานกัน เข้าประเภทประโยชน์เจือสม
เดี๋ยวนปช. คนเสื้อแดงก็อาจจะตั้งเวทีปฏิรูปการเมืองแบบนี้ขึ้นมา ตามกระแสแฟชั่นกับเขาอีกซึ่งนั่นไม่ได้หวังผลปฏิรูปจริงๆจังๆอะไรหรอก นอกจากรวบรวมก๊วนค่ายคนกันเองประเภทฝนตกขี้หมูไหล ไร้ค่าไร้ราคาทางสังคม มีการแต่การยกยอปอปั้นกันเองสังคมก็เพี้ยนกันไปใหญ่
แนวทางปฏิรูปของรัฐบาลดูเหมือนว่าจะมีความพยายามทำให้ต่อเนื่องให้อยู่ในกระแส แม้ว่าผลตอบรับจะออกมาอย่างที่เห็น แทบไม่เห็นโอกาสแห่งความสำเร็จความไว้วางใจในเวทีปฏิรูปนี้ไม่มี ฝ่ายตรงข้ามไม่เชื่อน้ำยาหากกระโดดเข้าไปร่วมหอลงโรง มีหวังถูกหยิบยกชื่อเอาไปอ้างความชอบธรรมให้ฝ่ายรัฐบาล
อ้างว่าทุกฝ่ายเข้าร่วมแล้วอย่างนั้นอย่างนี้แล้วก็เอาผลสำรวจไปดำเนินการตามชอบใจ ดังนั้นฝ่ายคู่ขัดแย้งฝ่ายตรงข้ามจึงไม่กล้าเข้าไปแม้แต่เฉียด ซ้ำยังตั้งแง่ ดีดกระเด็นไปไกลๆตัว
เวทีปฏิรูปของรัฐบาลวันนี้มี "เติ้ง ขวัญใจน้องมะนาว"บรรหาร ศิลปอาชา เป็นมือประสานสิบทิศแต่ดูเหมือนว่าเดินไปทิศใดก็เจอปิดประตูใส่หน้า แถมด่าไล่หลังก็น่าสงสารมังกรสุพรรณจับใจ โดนถอนหงอกตอนแก่รับอาสามาทำงานยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร
ไม่รู้ในใจคิดอะไรถ้าคิดอยากจะฝากผลงานเป็นวีรกรรมก่อนตาย ต้องบอกเลยว่าคิดผิดเพราะมันน่าจะเป็นความอัปยศก่อนสิ้นลมเสียมากกว่า
วันนี้ทุกคนฟันธงตรงกันว่าเวทีปฏิรูปของรัฐบาลเป็นเพียงเวทีปฏิรูป “ปาหี่หนี”ความขัดแย้งลดแรงเสียดทานทางการเมืองที่กำลังถาโถมเข้ามาอย่างหนักทั้งเรื่องความปรองดองที่ยังจัดการไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวความแตกแยกยังคงดำรงอยู่คู่สังคมไทยเหมือนปาท่องโก๋ไหนจะเรื่องการบริหารที่ห่วยแตก
เวทีปฏิรูปเป็นเพียงเครื่องมือยื้อถ่วงเวลาของรัฐบาลบรรหารก็รับอาสามาทำหน้าที่ ทั้งๆที่ทุกคนรู้ดีว่าได้ไม่คุ้มเสียแน่แต่แกก็ยังกล้าๆรับ ครั้นเดินไปไม่ทันไรก็เสียศูนย์ อานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯ ก็บอกปัดปฏิเสธไปแล้ว ตามที่หลายคนคิดว่าเวทียังไม่เห็นความจริงใจความตั้งใจของทุกฝ่าย ฉะนั้นร่วมไปก็เสียเวลาเปล่า
เมื่อเดินหน้าเข้าไปยังบ้านพระอาทิตย์ ซึ่งสนธิ ลิ้มทองกุลและพล.ต.จำลอง ศรีเมือง เปิดประตูต้อนรับอย่างสมเกียรติให้ความเคารพผู้อาวุโสอย่างเต็มที่ แต่ทว่าเนื้อหาที่โยนเข้าใส่ “หลงจู๊” ทำเอาสะอึกแทบตกเก้าอี้ตรงเป้าตรงประเด็น น้ำท่วมปากตอบไม่ค่อยได้
ถามถึงเรื่องอดีตวีรเวรของนักการเมืองที่สร้างรอยแผลเป็นให้กับการเมืองไทย ก็ตอบไม่ค่อยได้แก้ต่างแบบข้างๆ คูๆ ถามช้างตอบม้าไปเรื่อยซ้ำยังแสดงถึงความเคียดแค้นชิงชังชะตากรรมที่ตัวเองได้รับเช่นเรื่องการยุบพรรคชาติไทยที่ยังแค้นฝังหุ่นมาจนวันนี้
คุยไปคุยมาก็วนเวียนอยู่กับเรื่องเก่าๆ มิติเดิมๆความคิดฝังลึกลงไปในรากสมองของคนแก่ ไม่เห็นความคิดอันใดที่จะนำไปสู่การปฏิรูปเลยในห้วงความคิดนโมสำนึกไม่มีไอเดียที่บ่งบ่อกถึงความก้าวหน้าสลัดพ้นความขัดแย้งไปอย่างไร ไม่มีมิติใหม่ๆมาสร้างความหวังให้คนไทย
หรือแม้แต่คนที่ตัวเองเดินเข้าไปหาคนแล้วคนเล่าเหมือนคนแก่เดินไปหาเพื่อนคุยยามเหงา เข้าบ้านนั้นออกบ้านนี้ไม่เห็นมีอะไรน่าจรรโลงใจ เหมือนดูเรียลลิตี้โชว์ปาหี่คนวันใกล้ฝั่ง!!
เวทีปฏิรูปต่างๆ ที่พยายามทำกันขึ้นมาไม่ว่ามองไปมุมไหน ก็ยังไร้แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ตราบใดที่ยังมีการตั้งแง่ขาดความไว้วางใจกันอยู่แบบนี้ อีกทั้งคนกลางคนประสานก็ขาดการยอมรับนับถือไม่เป็นกลางโดยบริสุทธิ์ใจ
ทฤษฎีสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา ของนพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโสน่าสนใจ เป็นการผนวกกันเข้ามาเป็น 3เหลี่ยมเพื่อปฏิรูปประเทศ ประกอบด้วย 1.คณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทยที่มีนายกฯเป็นประธานและประกอบด้วยบุคคลที่มาประชุมเมื่อวันที่ 25 ส.ค.โดยอาจมีผู้อาวุโสเป็นสภาที่ปรึกษาด้วย 2.เครื่อข่ายปฏิรูปประเทศไทยมีกลุ่มเครือข่ายตามพื้นที่ กลุ่มอาชีพ ตามประเด็น หรืออื่นๆ เช่นกลุ่มของนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณหรือแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์
3.สภาปฏิรูปประเทศไทย หรือสมัชชาปฏิรูปประเทศไทย คือการประชุมของทุกภาคส่วนในการปฏิรูปประเทศไทยเพื่อพิจารณาและรับรองเป็นมติในประเด็นนโยบายต่างๆที่ได้ผ่านการวิเคราะห์มาเป็นอย่างดีแล้วจากนั้นก็จะส่งไปยังคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทย ที่มีนายกฯ เป็นประธาน จะทำให้รัฐบาลไปปฏิบัติง่ายขึ้นเพราะผ่านการสังเคราะห์โดยมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
อย่างไรก็ดีในเชิงปฏิบัติแล้วยังดูยากการประสานงานต่างๆ คงลงตัวลำบากเพราะสุดท้ายเรื่องก็จะถูกส่งเข้าไปยังคณะกรรมการปฏิรูปของ "ปูกรรเชียง"ดีก็เอา ไม่ดีก็โยนทิ้ง รัฐบาลมีประโยชน์ก็เห็นด้วย เสียประโยชน์ก็แกล้งมึนๆลืมๆไป
เราต้องหาทางบีบคอ มัดมือรัฐบาลในส่วนนี้ให้ยอมรับความเห็นที่แตกต่างยอมเสียสละบ้าง ยอมเสียเปรียบบ้างไม่ใช่เอาแต่ได้อย่างเดียว นี่คือจุดโฟกัสสำคัญที่ทำให้ทุกฝ่ายขาดความเชื่อถือยังไม่เชื่อน้ำยารัฐบาลว่าจะสนใจกับความเห็นต่าง
วันนี้แค่โอกาสที่จะขยับมาเป็น 3 เหลี่ยมที่ว่านี้ยังยากเพราะแต่ละฝ่ายมีธงที่ปักคาใจ ไร้รูปแบบพลิ้วไหว ปรับเปลี่ยนกระบวนท่าคงมาต่อจิ๊กชซอว์กันลำบาก ยังต่างคนต่างทำ ประเทศไทยกำลังอยู่บนวงสวิงแรงเหวี่ยงไปมา ทางนั้นที ทางนู้นที โอกาสปฏิรูปสำเร็จยากเหลือเกิน!!