“หมอประเวศ” หนุนปฏิรูปประเทศไทย แต่ขออยู่ในภาคประชาชน ฝากไอเดีย “สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา” ไปให้ “ยิ่งลักษณ์” ด้าน “บรรหาร” เออออบอกเห็นด้วย เหน็บ “สนธิ” ไปหาแล้วลูกระเบิดลงหลายลูก อีกด้านแจงภาพคู่ “มะนาว” แค่คนสุพรรณ มี “ตูน บอดี้แสลม” ไปด้วย แต่ไม่เอาเรื่อง เชื่อดิสเครดิตเฉยๆ
วันนี้ (11 ก.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ผ่านมา ที่มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ ซอยพหลโยธิน 22 นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เดินทางเข้าพบ นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส อดีตประธานกรรมการสมัชชาปฏิรูป เพื่อหารือแนวทางการปฏิรูปประเทศ โดยนายบรรหารกล่าวว่า เหตุการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนไปมาก การทำงานในครั้งนี้ รัฐบาลไม่ได้มาใช้ตน แต่เมื่อบ้านเมืองมีความขัดแย้ง จึงคิดว่าทำอย่างไรทุกคนจะช่วยกันก้าวข้ามไปได้ ตนจึงคิดที่จะเดินสายไปฟังความคิดเห็นจากฝ่ายต่างๆ งานทั้งหมดหากรัฐบาลไม่เข้ามาเกี่ยวข้องคงสำเร็จได้ยาก แต่รัฐบาลเองต้องเป็นฝ่ายลดความขัดแย้งลงด้วย แม้งานจะสะดุดหรือไม่ต่อเนื่องตนจะพยายามเดินหน้าต่อไป
“ผมจะยึดถือข้อเสนอของ นพ.ประเวศเป็นหลัก และผมทำงานนี้ด้วยความเต็มใจ ไม่ได้เป็นเครื่องมือรัฐบาล อีกทั้งคิดว่าขณะนี้เดินมาได้ 10 เปอร์เซ็นต์แล้ว โดยมี นพ.ประเวศ นายอานันท์ ปันยารชุน เปิดประตูรับ และถึงแม้ว่าจะมีบางส่วนที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างขอเพียงเราไม่แตกแยกก็พอ ยืนยันผมไม่ท้อ ผมเดินหน้า ใครจะมาเล่นงานผมอย่างไร ผมก็เดินหน้าและขออ้อนวอนสื่อมวลชนให้กำลังใจสภาปฏิรูปประเทศที่กำลังเดินหน้าด้วยแม้จะใช้เวลาก็ต้องเริ่มต้น ตอนนี้ที่กังวลคือจะไม่ต่อเนื่อง” นายบรรหารกล่าว
ด้าน นพ.ประเวศกล่าวว่า ตนทราบถึงการมาของนายบรรหารดีว่ามาเพื่ออะไร จึงจะไม่ก่อความหนักใจให้ ขอบอกว่าตนสนับสนุนการปฏิรูปประเทศ และได้มีส่วนร่วมในเรื่องนี้มานาน เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่คนไทยทั้งหมดควรต้องร่วมกัน เนื่องจากประเทศไทยลำบากมานานในการพยายามปฏิรูปประเทศมาตั้งแต่ในประวัติศาสตร์ ตนได้ติดตามเรื่องที่เป็นปัญหาประเทศมาหลายสิบปี ปัญหาความอยุติธรรม ปัญหาสังคม ความเหลื่อมล้ำซึ่งเป็นต้นตอความขัดแย้งยากที่จะแก้ไขได้ง่าย เพราะแม้แต่หลายประเทศในโลกก็มีทั้งในสหรัฐฯ ฟิลิปปินส์ ยังแก้ไขไม่ได้แต่เราต้องช่วยกันทำ
นพ.ประเวศกล่าวว่า โครงสร้างอำนาจเป็นส่วนสำคัญหากลดอำนาจรัฐเพิ่มอำนาจประชาชนได้คงจะดี ซึ่งเข้าใจว่าเป็นเรื่องพูดง่ายแต่ทำยาก ประชาชนต้องเป็นคนปฏิรูปเรื่องยากๆ เหล่านี้ โดยเฉพาะการเขียนรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่นั้นไม่ง่าย การปฏิรูปประเทศที่ประชาชนต้องช่วยกันอาจต้องยึดวิธีสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา คือ 1. คณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทย ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และประกอบด้วยบุคคลที่มาประชุมเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา อาจมีผู้อาวุโสเป็นสภาที่ปรึกษาด้วยก็ได้
2. เครือข่ายปฏิรูปประเทศไทย มีกลุ่มเครือข่ายตามพื้นที่ กลุ่มอาชีพ ตามประเด็น หรืออื่นๆ ซึ่งที่ผ่านมามีการก่อตัวเยอะไม่ว่าจะเป็นกลุ่มของนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) หรือแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ ก็กำลังทำอยู่ โดยทุกฝ่ายเป็นอิสระต่างคนต่างทำไม่ต้องขึ้นกับใคร แต่สิ่งที่จะมาเจอกันด้วยตัวร่วมคือประเทศไทย
และ 3. สภาปฏิรูปประเทศไทย หรือสมัชชาปฏิรูปประเทศไทย คือ การประชุมของทุกภาคส่วนในการปฏิรูปประเทศไทย เพื่อพิจารณาและรับรองเป็นมติในประเด็นนโยบายต่างๆ ที่ได้ผ่านการวิเคราะห์มาเป็นอย่างดีแล้ว จากนั้นก็จะส่งไปยังคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไทย ที่มีนายกฯ เป็นประธาน จะทำให้รัฐบาลไปปฏิบัติง่ายขึ้น เพราะผ่านการสังเคราะห์โดยมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน จนเกิดเป็นฉันทามติ ฉะนั้นจะเห็นได้ถึงการทำงานอย่างเชื่อมโยงกันของ 3 เหลี่ยมดังกล่าว
“ขณะนี้ผมช่วยอยู่ที่ข้อ 2 คือ เครือข่ายภาคประชาชน หากนายกฯ จะมีประชุมกันครั้งใด ถ้าสะดวกผมจะไปร่วม ที่ขออยู่ในภาคประชาชนเพราะสามารถช่วยคุยกับทุกฝ่าย ฝ่ายไหนก็ได้แม้แต่ประชาธิปัตย์ ภาคประชา สมัชชาใดๆ ก็ได้ ดังนั้นการเปลี่ยนมาคิดว่าจะทำอะไรให้ประเทศไทยดีขึ้นจึงเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไปเรียกร้องให้สร้างความปรองดอง ถึงแม้จะชอบรัฐบาลหรือไม่ชอบก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ชอบประเทศไทยก็แล้วกัน” นพ.ประเวศกล่าว
ด้านนายบรรหารกล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับแนวคิดสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา โดยเมื่อทั้ง 3 ส่วนมีมติอย่างไรก็นำไปเชื่อมต่อกับเวทีของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลต้องเอาด้วยและจะยึดกับทฤษฎีนี้เป็นหลัก ในช่วงเช้าหลังจากเข้าพบนายสนธิ ลิ้มทองกุล แล้วรู้สึกหนักใจ เพราะลูกระเบิดลงหลายลูก แต่เมื่อเดินทางมาเข้าพบกับ นพ.ประเวศแล้วทำให้รู้สึกเบาใจขึ้นมาบ้าง สถานการณ์เมื่อครั้งเกิดกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ปี 40 กับปัญหาในสถานการณ์ปัจจุบันแตกต่างกันมาก เพราะปัจจุบันมีปัญหามากกว่าที่คิด ซึ่งหากรัฐบาลไม่มีส่วนร่วมในการปฏิรูปก็จะเกิดความสำเร็จยาก
ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะต้องเป็นผู้ลดความขัดแย้งลง และการเกิดเวทีปฏิรูปต่างๆ คู่ขนานกับเวทีของรัฐบาลตนเห็นด้วย แต่ขอร้องอย่าให้เกิดความแตกแยก ส่วนจะสำเร็จหรือไม่นั้นตนไม่ได้หวังแต่จะเดินหน้าต่อไปเท่าที่จะเดินได้ และขอยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นเครื่องมือของรัฐบาล แต่ต้องการให้เกิดการปฏิรูปประเทศไทยให้จงได้ มีคนถามตนว่า คิดว่าจะทำได้สำเร็จหรือ ผมก็บอกว่าจะพยายามจะทำ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ บอก 1 เปอร์เซ็นต์ แต่ผมบอกว่าตอนนี้ 10 เปอร์เซ็นต์แล้วนะ ผมเดินไปทุกสายแล้ว แต่นี่ยังไม่ทันเดินผมก็ถูกโจมตีแล้ว ผมก็อดทน ไม่ได้ว่าอะไร แต่ยังไงก็จะเดินหน้า ไม่ย่อท้อ
ภายหลังนายบรรหารชี้แจงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์และส่งต่อภาพคู่ “น้องมะนาว-ศรศิลป์ มณีวรรณ์” อดีตมิสทีนไทยแลนด์ ปี 2008 นักแสดงหญิงในสังกัดสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ทางโซเชียลมีเดียว่า น้องคนนี้เป็นคนอำเภอเดิมบางนางบวช เป็นคนสุพรรณบุรีเหมือนกัน วันที่เกิดเหตุตนได้เข้าไปดูฟุตบอลแมตช์ที่ทีมสุพรรณบุรีเอฟซีเล่นในบ้าน ซึ่งภายในห้องที่นั่งชมฟุตบอลก็มีกันอยู่หลายคน เช่น ตูน บอดี้สแลม (นายอาทิวราห์ คงมาลัย นักร้องชื่อดัง) นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ซึ่งตูน บอดี้สแลมได้เดินเข้ามาขอถ่ายรูปกับตน เมื่อถ่ายเสร็จจึงชวนน้องมะนาวเข้ามาร่วมวงถ่ายด้วย ตนก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร เพราะปกติเมื่อไปชมฟุตบอลก็จะมีคนเข้ามาขอถ่ายรูปเยอะทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ เรื่องนี้น่าจะเป็นการดิสเครดิตทางการเมืองมากกว่า เพราะตอนนี้กำลังเดินหน้าสภาปฏิรูปการเมืองในฐานะผู้ประสานงาน อาจมีหลายคนที่ต้องการลดความน่าเชื่อถือของตนลง อย่างไรก็ตามคงไม่ไปเอาเรื่องเอาราวอะไร เฉยๆ ไม่ยุ่งจะว่าก็ว่าไป
เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรถึงคนที่ทำหรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า อย่าไปทำเลย อย่าทำให้สังคมยุ่งเหยิง ถ้าจะทำก็ไปทำกับพวกดาราจะดีกว่า