xs
xsm
sm
md
lg

ค่าเงินอ่อนตัวทั้งภูมิภาค ดับฝันส่งออกปลายปี-รัฐบาลปูส่งสัญญาณทำใจ!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กิตติรัตน์ ณ ระนอง
ผ่าประเด็นร้อน

หลังการแถลงภาวะเศรษฐกิจในไตรมาสสองที่ออกมาในลักษณะถดถอย (อ้างว่าถดถอยทางเทคนิค) จากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ ทำเอาช็อกกันไปพักใหญ่ เพราะในภาพรวมถือว่าถดถอยหมดทุกด้าน โดยเฉพาะการส่งออกที่แรงส่งสำคัญที่สุดของเศรษฐกิจไทยมานานหลายสิบปี ก็อยู่ภาวะติดลบ ทำให้ต้องลดการคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจลงมาเหลือแค่ร้อยละ 3.8-4.2 เท่านั้น จากเดิมที่คาดว่าจะโตร้อยละ 4.2-5.2 ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ก็ยอมเปิดเผยเองว่าติดลบต่อเนื่องกันเป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกันแล้ว

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา “จอมโกหกสีขาว” กิตติรัตน์ ณ ระนอง ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มักจะออกมาปลอบใจตัวเองและชาวบ้านอยู่เสมอทำนองอย่าให้ตื่นตระหนก พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าในสองไตรมาสที่เหลือทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิมตามเป้าหมาย นั่นคือในช่วงปลายปีการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะโตตามเป้า นั่นคือ “อาจถึง” ร้อยละ 5 ซึ่งนอกจากเป็นการคาดหวังจากค่าเงินบาทที่ “อ่อนตัว” ลงมาจากเมื่อต้นปีประมาณ 28 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ลงมาถึง 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

หากยังจำกันได้ ตอนนั้นเมื่อตอนที่ค่าบาทแข็ง ฝ่ายรัฐบาลโดยกระทรวงการคลังพยายามบีบให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าแทรกแซง โดยเฉพาะการกดันให้ลดดอกเบี้ยนโยบายให้ต่ำลงมากๆ เพื่อให้ค่าเงินบาทอ่อนลงมา แต่ก็ไม่สำเร็จเนื่องจากทางธนาคารแห่งประเทศไทยยืนยันว่าอัตราที่เป็นอยู่ในตอนนั้นเหมาะสมแล้ว

แต่มาวันนี้ เมื่อค่าเงินบาท “อ่อนยวบ” ลงมาอย่างที่เห็น ทำให้ฝ่ายรัฐบาลทั้งกระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ออกมา “โปรยยาหอม” ว่าจะเป็นผลดีต่อการส่งออกในช่วงปลายปี แต่นั่นเป็นแค่คำพูด เพราะเมื่อฟังจากความเห็นของนักวิชาการ เช่น อัทธ์ พิศาลวานิช คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคนก็มีความเห็นในทางเดียวกัน คือ การอ่อนตัวของค่าเงินบาทดังกล่าวอาจจะไม่ส่งผลดีต่อการส่งออกมากนัก เพราะเป็นการอ่อนตัวแบบผันผวนกันทั้งภูมิภาค อีกทั้งประเทศในตลาดใหญ่ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป หรือแม้แต่จีนก็ยังไม่ชัวร์ โอกาสจึงน่าจะเป็นการ “ดับความฝัน” การส่งออกในช่วงปลายปีของรัฐบาล

น่าเป็นห่วงก็คือ คำพูดล่าสุดเมื่อวานนี้ (28 สิงหาคม) ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่การกระทรวงพาณิชย์ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ที่ออกมาให้เกษตรกร “ทำใจ” ไว้ล่วงหน้า เนื่องจากในช่วงต่อไปนี้ “ราคาสินค้าเกษตรแทบทุกรายการจะหดตัวลง” ความหมายก็คือ “ราคาจะตกต่ำลง” นั่นแหละ โดยเฉพาะยังอ้างว่าเป็นเพราะ “ต้นทุนสูงขึ้น” แม้จะไม่ได้อธิบายให้ชัดแต่ก็น่าจะเดาออกว่าทำให้การแข่งขันลำบาก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในอีก 2 ปีข้างหน้าที่จะมีสินค้าจากเพื่อนบ้านเข้าออกกันโดยไม่มีกำแพงภาษี กล่าวทำนองว่าหากเรามีต้นทุนสูงก็จะแข่งขันลำบากว่างั้นเถอะ

ดังนั้น ต่อไปนี้รัฐบาลก็ต้องเตรียมรับมือกับสารพัดม็อบเกษตรกรที่จะรุมเร้าเข้ามาจากปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็นยางพารา ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพด มันสำปะหลัง ฯลฯ

จากคำพูดของนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญที่ระบุตรงกันว่า ค่าเงินบาทที่อ่อนตัวแบบผันผวนดังกล่าวย่อมไม่ส่งผลดีต่อการส่งออกตามที่คาด เพราะมีลักษณะเดียวกันทั้งภูมิภาค อีกทั้งเศรษฐกิจทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และจีน ญี่ปุ่นก็ยังอ่อนแอไม่แน่นอน ดังนั้นคำพูดของรองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล มันก็เหมือนกับการส่งสัญญาณล่วงหน้าให้เตรียมรับมือกันแต่เนิ่นๆ เนื่องจากการส่งออกในช่วงปลายปีทำได้ยาก และไม่น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายค่อนข้างแน่

ขณะเดียวกัน เมื่อส่งออกมีปัญหาก็ต้องหันมากระตุ้นจากภายใน นั่นคือการกระตุ้นจากภาครัฐ ซึ่งก็คงเหลือเพียงความหวังเดียวก็คือ การกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ที่คาดว่าน่าจะนำเข้าพิจารณาในเดือนหน้า สำหรับนำมาใช้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน แต่งานนี้ก็คงไม่หมูอีก แม้ว่าจะใช้เสียงข้างมากลากไปจนได้ แต่ยังมีอุปสรรคอีกหลานขี้นตอน อย่างน้อยก็ต้องมีกาาขัดขวางด้วยการเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เพราะทำผิดกฎหมาย เป็นการตั้งงบนอกงบประมาณ ซึ่งนาทีนี้คงไม่มีใครค้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่คัดค้านวิธีการจัดการที่ขาดความโปรงใส เอื้อต่อการทุจริต เพราะการตรวจสอบทำได้ยาก

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นแม้จะดูเหมือนว่ารัฐบาลกำลงเดินหน้า แต่ขณะเดียวกันก็กำลังมีอุปสรรคใหญ่หลวงที่รออยู่ ที่สำคัญมันไม่เป็นผลบวก มีแต่ผลลบเสี่ยงต่อหายนะทางเศรษฐกิจแทบทั้งสิ้น!!
 นิวัฒน์บุญทรง ธำรงไพศาล

กำลังโหลดความคิดเห็น