“นายกฯ ยิ่งลักษณ์” นำรัฐมนตรีติดตามระบบปฏิบัติการบูรณาการกล้องวงจรปิด นำข้อมูลจาก CCTV ทั่วประเทศมาประมวลร่วมกันเพื่อเฝ้าระวังภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันนี้ (28 ส.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี นายจารุพงษ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ติดตามระบบปฏิบัติการกล้องวงจรปิด หรือ CCTV ทั่วประเทศที่ห้องสถานการณ์ ชั้น 5 กระทรวงการต่างประเทศ
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวสืบเนื่องมาจากการที่นายกรัฐมนตรีได้ติดตามระบบการบริหารความปลอดภัยของเมืองใหญ่ในต่างประเทศ จึงได้มอบหมายให้นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานคณะกรรมการบูรณาการกล้อง CCTV แห่งชาติ ที่จะเป็นการนำข้อมูลจากกล้องที่มีอยู่ทั่วประเทศมาประมวลร่วมกันโดยใช้โปรแกรมประยุกต์ที่ประมวลผลเพื่อนำมาใช้การเฝ้าระวังภัย และครั้งนี้จะมีการสาธิตวิธีการใช้ข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศ เช่น การเฝ้าสิ่งผิดปกติ โดยจะมีการขยายผลไปยังกระทรวงต่างๆ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ แถลงว่า ได้มาร่วมประชุมร่วมกับคณะกรรมการบูรณาการกล้อง CCTV แห่งชาติ ซึ่งการตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวขึ้นมานั้น เพราะเห็นว่า CCTV ในวันนี้ทุกหน่วยงานมีการจัดซื้อ แต่ยังไม่ถูกบูรณาการอย่างแท้จริงทั่วประเทศ ที่สำคัญนอกจากการนำภาพ CCTV มาแล้ว เราสามารถนำไปใช้ข้อมูลมาวิเคราะห์ปัญหาต่างๆได้ จึงเป็นที่มาของการตั้งคณะกรรมการฯ เพื่อให้เกิดการบูรณาการและลดการซ้ำซ้อนในการจัดซื้อ เพราะบางจุดหรืออยู่จุดเดียวกัน หากมีการแชร์ข้อมูลเดียวกันจะทำให้สามารถลดงบประมาณและสามารถนำกล้อง CCTV ไปติดตั้งที่จุดอื่นได้
ที่สำคัญจะเชื่อมกับระบบพื้นฐานของแผนที่และใช้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการพัฒนากล้อง CCTV นี้จะพัฒนาเน้นการดูแลความปลอดภัยของประชาชนและช่วงนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามามาก เราจะบูรณาการจุดนี้ ตอบโจทย์การท่องเที่ยวด้วยตามสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่สาธารณะต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลและในอนาคตคงจะพัฒนาไปอีกหลายๆโครงการ โดยให้แต่ละกระทรวงมาดูแลในจุดสำคัญ
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า คณะกรรมการชุดนี้จะคอยแนะนำหรือปรับเปลี่ยนจุดวางกล้อง CCTV เพื่อให้ได้ภาพต่อเนื่องตามถนนต่างๆ หากมีเหตุเกิดที่ไหน ระบบจะทราบและเตือนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนข้อมูลให้ตำรวจในสถานีตำรวจใกล้เคียงเข้ามาดูแล ซึ่งกล้อง CCTV จะเป็นประโยชน์ในจุดพื้นที่เปลี่ยว ที่ไม่มีคนหรือ เจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ
นอกจากนี้จะบูรณาการกับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย รวมถึงพื้นที่ตามด่านแนวชายแดน เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองและสินค้าต่างๆรวมถึงยาเสพติด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานบูรณาการได้คล่องตัวยิ่งขึ้น ซึ่งวันนี้ระบบพร้อมแล้วระดับหนึ่งและเริ่มดำเนินการแล้ว แต่คงจะให้แต่ละกระทรวงมองในมิติของกระทรวงเพิ่มขึ้น
ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า นายกฯมีบัญชาเรื่องการทำระบบ CCTV ในสถานท่องเที่ยวต่อเนื่องไปที่สนามบินด้วย โดยทันทีที่ชาวต่างชาติเดินทางลงจากเครื่องบิน ต้องดูแลเรื่องความปลอดภัย ซึ่งนายกฯได้มอบหมายให้ตนเองไปประชุมร่วมกับกระทรวงท่องเที่ยวและการท่าอากาศยานเพื่อจัดระบบให้สมบูรณ์ นอกจากนี้ยังได้ดูแลในส่วนของหมู่บ้าน กรณีที่มีการลักเล็กขโมยน้อย ขโมยขึ้นบ้านบ่อยๆ โดยจะประสานไปยังหมู่บ้านนั้นๆว่ากล้อง CCTV ที่มีอยู่จะสามารถเชื่องโยงกับระบบส่วนของของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อย่างไรหรือไม่
นายสุรพงษ์ยัง กล่าวอีกว่า เราได้มองไปถึงเรื่องการจำนำข้าวด้วย โดยนายกฯมีบัญชาให้ตนเองไปคุยกับกระทรวงพาณิชย์ กรมศุลกากร เรื่องตั้งแต่มีข้าวลักลอบจากต่างประเทศเข้ามาหรือไม่ เมื่อจำนำแล้วมีการไปเปิดโกดังข้าวเวลาไหนอย่างไร ตรงนี้จะต้องบันทึกไว้หมด เพื่อป้องกันการทุจริตรวมไปถึงการสับเปลี่ยนโยกย้ายข้าว เอาข้าวไม่ดีไปสวมแทนข้าวดีๆ จะเป็นการทำงานอย่างบูรณาการร่วมกันทั้งหมด โดยที่หน่วยควบคุมอยู่ที่ส่วนกลางที่จะเรียกดูเหตุการณ์ต่างๆได้ทันที ซึ่งนักโปรแกมเมอร์ของภาครัฐที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องนี้มาพูดคุยกัน โดยวันนี้คนไทยสามารถทำระบบเช่นนี้ได้เหมือนกับต่างชาติแทนที่จะไปซื้อระบบจากต่างชาติ ฉะนั้นการใช้กล้อง CCTV ในอนาคตของไทยทุกหน่วยงานซื้อได้แต่จะต้องวางรูปแบบเก็บภาพไม่ให้ซ้ำซ้อนกัน เพื่อประหยัดงบประมาณ โดยจะนำแผนที่มากางเพื่อประสานกล้อง CCTV ทั้งหมดเพื่อนำข้อมูลมาใช้ร่วมกัน ในอนาคตถ้าเราฝากบ้านไว้กับตำรวจ ตำรวจจะสามารถเข้าไปดูกล้องที่ตั้งไว้ในบ้านได้ด้วย เราจะประสานงานขนาดนั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการใช้ข้อมูลร่วมกัน