“ยิ่งลักษณ์” นัดถกโผทหาร 28 ส.ค.นี้ “นิพัทธ์” จ่อนั่งปลัดกลาโหม ขณะที่ “บิ๊กหรุ่น” เสนอ “ณรงค์” นั่งแม่ทัพเรือ ขณะที่ “ประยุทธ์” ดัน “อุดมเดช” จ่อ ผบ.ทบ. ปีหน้า
เมื่อวันที่ 20 ส.ค.นี้ พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารว่า ขณะนี้แต่ละเหล่าทัพอยู่ระหว่างการจัดทำบัญชีรายชื่อ ซึ่งทำเสร็จแล้วประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ โดยให้อิสระเหล่าทัพในการพิจารณาคนที่มีความรู้ความสามารถ ความเหมาะสม ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ซึ่งตนไม่อยากให้ห่วงเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย เพราะไม่มีอะไรน่าห่วง ยืนยันว่า ทุกตำแหน่งไม่น่ามีปัญหา โดยเฉพาะตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ขณะนี้มีการพูดกันมาก โผโยกย้ายของแต่ละเหล่าทัพต่างคนต่างทำ ถ้าลงตัวเมื่อไรจะนัดหารือกับผู้บัญชาการเหล่าทัพอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับ ผบ.เหล่าทัพ เพราะแต่ละเหล่าทัพมีภารกิจมากทำให้มีเวลาว่างไม่ตรงกันจึงไม่ได้พูดคุยกันเสียที ซึ่งตนให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมประสานไปยังเหล่าทัพเพื่อนัด ผบ.เหล่าทัพมาพูดคุยถึงโผโยกย้าย ตนจะพยายามทำให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้นัดพูดคุยกัน
เมื่อถามว่า เกรงว่าจะเกิดปัญหาเหมือนการปรับย้ายในปีที่ผ่านมาหรือไม่ พล.อ.ทนงศักดิ์กล่าวว่า ขอให้มั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาอะไร เมื่อเหล่าทัพพิจารณาลงตัวแล้วก็มาพูดคุยกัน ตกลงกันได้ คงไม่มีปัญหา เมื่อถามต่อว่า ห่วงปัญหาเรื่องการวิ่งเต้นหรือไม่ พล.อ.ทนงศักดิ์กล่าวว่า เรื่องวิ่งเต้นมีทุกปี ทุกหน่วย ทุกสถาบัน แต่ยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด เมื่อทุกเหล่าทัพพูดคุยกันเรียบร้อยจะส่งให้ รมว.กลาโหม ก่อนจะเสนอทูลเกล้าฯ ต่อไปทันที
รายงานข่าวแจ้งว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะรมว.กลาโหม พร้อมทั้ง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหมได้เชิญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ ผบ.เหล่าทัพ หารือนอกรอบถึงแนวทางในการจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารแล้ว โดยทั้งหมดอยู่ระหว่างกลับไปจัดทำบัญชีรายชื่อของแต่ละเหล่าทัพ ซึ่งขณะนี้ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพล ตาม พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม 2551 ในวันที่ 28 ส.ค.นี้ โดยในปีนี้มีตำแหน่งที่สำคัญที่จะเกษียณอายุราชการ คือ พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) โดยในตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทนงศักดิ์ ได้เสนอชื่อ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก (ตท.14)รองปลัดกระทรวงโหม ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม โดย พล.อ.นิพัทธ์เป็นนายทหารที่มีบทบาทสูงในการร่วมคณะพูดคุยเพื่อสันติภาพกับขบวนการบีอาร์เอ็น และมีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับคดีปราสาทเขาพระวิหาร นอกจากนี้ พล.อ.นิพัทธ์ยังเป็นนายทหารที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไว้ใจและปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาด้านความมั่นคงมาตลอด และทาง น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังต้องการที่จะให้ พล.อ.นิพัทธ์ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อช่วยงานภายในกระทรวงกลาโหมด้วย
ทั้งนี้ ในตำแหน่งรองปลัดกระทรวงกลาโหม ได้มีการขยับ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล (ตท.13) ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ข้ามมากินอัตราจอมพลขึ้นมาดำรงตำแหน่ง พร้อมกับ พล.อ.ไพชยนต์ ค้าทันเจริญ (ตท.14 ) ผู้อำนวยสำนักนโยบายและแผนกระทรวงกลาโหม พล.ร.อ.พลวัฒน์ สิโรดม (ตท.13) ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ (ผช.ผบ.ทร.) พล.อ.อ.ชนัท รัตนอุบล (ตท.14) ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ ที่จะขึ้นมาเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม โดยกระทรวงกลาโหมจะเสนอเปิดตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพิเศษกระทรวงกลาโหม (อัตราจอมพล) ให้ พล.อ.มล.ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม (ตท.13) มาดำรงตำแหน่งแทน พล.อ.คณิต สาพิทักษ์ ประธานคณะที่ปรึกษากระทรวงกลาโหมที่จะเกษียณอายุราชการในกันยายนนี้
ส่วนกองบัญชาการกองทัพไทย พล.ร.อ.จักรชัย ภู่เจริญยศ (ตท.13) เสนาธิการทหารเรือข้ามมาเป็นรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด โดยขยับ พล.อ.วุฒินันท์ ลีลายุทธ รองเสนาธิการทหาร (ตท.13) ขึ้นมาเป็นเสนาธิการทหาร แทน พล.อ.เผด็จการ จันทร์เสวก เสนาธิการทหาร ที่จะเกษียณอายุราชการในปลายเดือนกันยายนนี้ ในส่วนกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้วางตัว พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร (ตท.14) เสนาธิการทหารบก ขึ้นเป็นรอง ผบ.ทบ. เพื่อจ่อขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ต่อจากพล.อ.ประยุทธ์ในปี 57 โดยพล.ท.อักษรา เกิดผล (ตท.14) รองเสนาธิการทหารบกจะขึ้นมาเป็นเสนาธิการทหารบกแทน พร้อมกับดัน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ (ตท.12) ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก เพื่อน ตท.12 ของ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นมาเป็นผู้ช่วยผบ.ทบ. พร้อมกับพล.ท.จีระศักดิ์ ชมประสพ (ตท.13 ) แม่ทัพภาคที่ 2 ส่วน พล.อ.จิระเดช โมกขะสมิต (ตท.13) ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ที่ก่อนหน้านี้เป็นหนึ่งในแคนดิเดตขึ้นมาเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมนั้น จะได้ขยับขึ้นมาเป็นประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก (อัตราจอมพล)
ในส่วนของกองทัพเรือ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) จะเสนอชื่อ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย (ตท.13) รอง ผบ.ทร.ขึ้นเป็น ผบ.ทร. โดยก่อนหน้านี้พล.อ.ยุทธศักดิ์ ได้ขอให้ผบ.ทร.ส่งประวัติแคนดิเดตทั้ง 4 คนที่จะขึ้นมาเป็นผบ.ทร.มาพิจารณา เพื่อส่งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้น เพื่อป้องกันข้อครหาว่า การเมืองจะผลักดัน พล.ร.อ.อมรเทพ ณ บางช้าง (ตท.13 ) ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ ขึ้นเป็น ผบ.ทร.ตามใบสั่งหลังจากที่มีการปล่อยคลิปฉาวในช่วงที่ผ่านมา อีกทั้ง พล.ร.อ.ณรงค์ มีประวัติการการศึกษาดีเด่น เป็นผู้บังคับหน่วยหลัก และยังเคยเป็นผู้ช่วยทหารประจำกรุงโรม ประเทศอิตาลี ส่วน พล.ร.อ.อมรเทพ ที่เป็นอีกหนึ่งแคนดิเดตชิงตำแหน่ง ผบ.ทร. และมีความสนิทสนมกับครอบครัวตระกูลชินวัตร และวงศ์สวัสดิ์ แถมยังเป็นบุคคลที่ถูกพูดถึงในคลิปฉาวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องการให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ทร.นั้น จบการศึกษาระดับนักเรียนนายเรือจากประเทศเยอรมนี ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีทหารเรือคนใดฝ่าจารีตของกองทัพเรือได้ขึ้นเป็น ผบ.ทร.ได้แม้แต่คนเดียวจึงน่าจะทำให้ พล.ร.อ.อมรเทพ ต้องอยู่ตำแหน่งเดิมต่อไป ส่วนตำแหน่งอื่นๆ พล.ร.อ.ชัยวัฒน์ เอี่ยมสมุทร (ตท.12 ) ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพเรือ จะขึ้นเป็น รอง ผบ.ทร. พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ (ตท.13) ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ทร. พล.ร.อ.ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ (ตท.15) ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ เป็นเสนาธิการทหารเรือ พล.ร.ท.พิจารณ์ ธีรเนตร (ตท.14) รองผบ.กองเรือยุทธการ ขึ้นเป็น ผบ.กองเรือยุทธการ
ขณะที่กองทัพอากาศจะมีการขยับ พล.อ.อ.อารยะ งามประมวญ (ตท.13 ) เสนาธิการทหารอากาศ ขึ้นเป็นรอง ผบ.ทอ. พล.อ.อ.สฤษดิ์พงษ์ โกมุททานนท์ (ตท.13) ผู้บัญชาการกรมควบคุมปฏิบัติการทางอากาศ ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ทอ. พล.อ.ท.วรฉัตร ธารีฉัตร (ตท.15) รองผู้บัญชากากรมปฏิบัติการควบคุมทางอากาศ ขึ้นเป็น เสนาธิการทหารอากาศ โดยปีนี้จะมีนายทหารอากาศขึ้นมากินอัตรา พล.อ.อ.จำนวน 9 อัตรา