xs
xsm
sm
md
lg

"สนธิ" ชี้ปชป.คือตัวการหาก "แม้ว" ยึดประเทศสำเร็จ ยันยื่นข้อเสนอด้วยความจริงใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"สนธิ" แจงทุกวาทกรรมคาใจทำไมปชป.ต้องกล้าเสี่ยงลาออกจากส.ส. มั่นใจเมื่อคนออกมาเป็นล้าน รัฐบาลเดินต่อยากแน่ ชี้ปชป.คือตัวการหากปล่อย "ทักษิณ" ยึดประเทศ แต่ถ้าปฏิรูปการเมืองสำเร็จพรรคเองที่จะได้รับอานิสงส์มากสุด ยันเสนอด้วยความจริงใจแค่อยากเห็นบ้านเมืองดีขึ้นและได้ใช้ชีวิตอย่างสงบเสียที พร้อมเตือนหากเมินข้อเสนอ ต่อไปพรรคจะเล็กลงเรื่อยๆไร้คนสนใจ



วันนี้ (16 ส.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ต่อข้อถามที่ว่าหากพรรคประชาธิปัตย์ลาออกจาก ส.ส. จะเป็นการปิ้งปลาประชดแมว แล้วใครจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า มันเป็นวาทกรรม สิ่งหนึ่งที่เหมือนเป็นจุดแข็งแต่แท้จริงเป็นจุดอ่อนที่สุดของพรรคประชาธิปัตย์คือ ชอบแก้ปัญหาด้วยวาทกรรม ตนเตือนด้วยความหวังดีในฐานะกัลยาณมิตรจริงๆ ว่าประชาธิปัตย์จะอยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว

วันนี้ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ให้สัมภาษณ์ว่าประชาธิปัตย์กับพันธมิตรฯพูดเข้าใจกันดีแล้วว่าจะต้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งอาจทำให้คนไขว้เขว ความจริงแล้วสิ่งที่ตนเสนอไม่ใช้ต่อต้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรมหรือล้มล้างระบอบทักษิณ แต่เสนอให้ประชาธิปัตย์ออกมานำมวลชนในการปฏิวัติประเทศ

ตนถือว่าประชาธิปัตย์หลงผิดไปพลาดไปมีโอกาสกลับตัวได้ ตนเสนอความคิดนี้ด้วยความจริงใจ ถ้าเราเอาชาติเป็นที่ตั้ง ทิ้งองค์ประกอบโดยรวมออก เราไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นคนไทยคนหนึ่งที่หวังให้ชาติบ้านเมืองเข้มแข็ง ด้วยภาคประชาชน แล้วมากำหนดกติกากันในการที่จะให้อยู่ร่วมกันได้ มีเอกภาพในทางความคิด มีความสามัคคีในการเดินหน้าต่อไปประเทศไทยเราถึงจะอยู่รอดได้

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ใครที่พูดในทำนองว่าออกไปแล้วจะไม่มีใครค้านในสภา แสดงว่ายังมีตัวกูของกูอยู่ วันนี้ตนละทิ้งคำว่าตัวกูของกูหมด แค่อยู่ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง แล้วจริงๆข้อเสนอของตน อยากเผื่อแผ่ไปยังคนเสื้อแดงด้วย คิดให้ดีๆ ทุกวันนี้ที่อ้างว่าสู่เพื่อประชาธิปไตย ความจริงแล้วสู้เพื่อให้พรรคเพื่อไทยมีอำนาจ สู้เพื่อให้ทักษิณกลับมา เท่านั้น แต่สิ่งที่ตนเสนอนี้คือการสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพราะถ้าสู้เพื่อประชาธิปไตยจริงต้องสู้เพื่อเอาปตท.กลับมาสู่คนไทย สู้เพื่อไม่ให้ทุนสามานย์รังแกคนจน สู้ให้คนไทยมีสิทธิเสรีภาพมีความเสมอภาคในเรื่องการศึกษา การรักษาพยาบาล เรื่องของโอกาสในชีวิต

นายสนธิ กล่าวอีกว่า ถึงเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องเสียสละบ้าง ถ้าไม่ลาออกจากส.ส.มานำประชาชน การเปลี่ยนแปลงในชาติบ้านเมืองจะไม่เกิดขึ้น แล้วในที่สุดพรรคประชาธิปัตย์จะต้องจบลงในประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นพรรคที่เล็กลงๆ และถ้าประเทศไทยถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ยึดเมื่อไหร่ พรรคประชาธิปัตย์คือตัวการ ถ้ายังไม่ออกมาเท่ากับยกประเทศให้เขาไป

ถามว่ามีความเสี่ยงไหม ต้องมีอยู่แล้ว ประชาธิปัตย์มองว่าเถียงกันในสภาฯ เป็นความเท่ที่ได้พูดในสภาฯ แต่มันกินไม่ได้ เอามาใช้ในชีวิตจริงก็ไม่ได้ ในที่สุดแล้วสภาฯก็ตัดสินใจกันด้วยหลักคณิตศาสตร์ ไม่ได้ตัดสินใจด้วยใครพูดเก่ง ใครมีวาทะที่ดี

แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า ประชาธิปัตย์มีโอกาสแค่ครั้งเดียวเท่านั้นเอง ถ้าไม่ตัดสินใจจบ แล้วถ้าจะออกในวันที่ผ่านวาระ 3 ถ้าเขาบอกว่าเสียใจที่พรรคประชาธิปัตย์ทำแบบนี้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ได้มีส่วนร่วมในการพิจารณา แม้กระทั่งเป็นคณะกรรมาธิการ แต่กลับไม่ยอมรับหลักการประชาธิปไตย ประชาธิปัตย์ก็จะเสีย พลาดตั้งแต่ตอนเข้าสภาฯ ไม่เดินออกตอนที่สภาฯไม่ให้เลื่อนวาระ แล้วยังไปร่วมกรรมาธิการฯกับเขาอีก

ถ้าวันนี้ตัดสินใจลาออก ประกาศเหตุผลที่รับระบอบรัฐสภาปัจจุบันไม่ได้ เพราะใช้เสียงข้างมากบีบบังคับหลักนิติธรรม จริยธรรม ความชอบธรรม นี่ไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เป็นเผด็จการ ตนคิดว่าจะเป็นการโยนเผือกร้อนใส่มือพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล เพราะพวกนี้จะต้องแก้ตัวว่าทำไมเขาถึงไม่ใช่เผด็จการรัฐสภา แต่จะแก้ตัวอย่างไรในเมื่อในสภาฯ ไม่มีฝ่ายค้านสักคนเดียว แล้วสภาฯจะกล้าออกพ.ร.บ.นิรโทษฯโดยที่ไม่มีฝ่ายค้านเข้าไปนั่งเป็นกรรมาธิการฯหรือ ถ้าประชาธิปัตย์รอจนถึงวาระ 3 พอยกมือแพ้ แล้วออกตอนนั้น จะกลายเป็นคนขี้แพ้ชวนตีทันที

นายสนธิ กล่าวว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ต้องถามตัวเองว่าเชื่อในประชาชนหรือเปล่า หรือว่าไม่ต่างกับพรรคเพื่อไทย พอได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. แล้ว ก็ไม่เห็นค่าประชาชน ตนมั่นใจหากประชาธิปัตย์กล้าที่จะทุบหม้อข้าวตัวเอง คนจะมาร่วมเป็นล้านคน แม้กระทั่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ยังต้องตกใจจนต้องขอมาคุยกัน พล.อ.ประยุทธ์ จะช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไง ก็ต้องถอยออกมาแล้วยืนเฉยๆไม่กล้าช่วยใครทั้งสิ้น ใครก็ตามที่รับเงินฝ่ายระบอบทักษิณก็ต้องรีบเอาเงินไปซ่อน แล้วต้องเฉยตำรวจก็ไม่กล้าที่จะสู้คนล้านคน

หากถามว่าแล้วใครจะบริหารประเทศ ให้ถวายคืนพระราชอำนาจแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อตั้งนายกฯและรัฐบาลมาดูแลประเทศไทย 2 ปี แล้วให้รัฐบาลชุดใหม่ตั้งงบประมาณเพื่อจัดตั้งระบบกติกากันใหม่ แล้วจะไม่มีระบบเดรัจฉานในสภาฯอีก

เมื่อถามว่าถ้าเพื่อไทยยังหน้าด้านเดินหน้าพ.ร.บ.นิรโทษฯต่อ นายสนธิ กล่าวว่า ก็สู้นอกสภา เพราะอยู่ในสภาก็จบลงด้วย 317 เสียง ต่อ 160 เสียง แล้วยังไง แถมเป็นการไปรับรองความชอบธรรมให้เขาอีก

ส่วนที่บางคนบอกว่าก็จะมีการเลือกตั้งใหม่ ถึงตอนนั้นประชาธิปัตย์หมดความชอบธรรมในการส่งคนลงสมัคร ส.ส. เป็นการเปิดทางให้พรรคเพื่อไทยได้เสียงเพิ่มขึ้นไปอีก ถ้าใช้ทฤษฎีนี้ถึงไม่มีการยุบสภาเขาก็อยู่ต่อได้ ปัญหาใหญ่ที่สุดคือ "คุณต้องเสี่ยง" ต้องมีต้นทุนทุกคน มันหมดยุคของการตีกินแล้ว และหมดยุคของการสลับขั้ว แล้วมันหมดยุคของการที่มวลชนนำไปด้านหนึ่ง แล้วประชาธิปัตย์นำไปอีกด้านหนึ่ง ตนยืนยันด้วยความสัตย์จริง ว่าเสนอด้วยความจริงใจ

นายสนธิ กล่าวว่า หากปฏิวัติการเมืองได้สำเร็จ ประชาธิปัตย์เองที่จะได้รับอานิสงส์มากที่สุด ต้องมองให้ไกลๆ ส่วนตนจะได้อะไร ขอแค่ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบเสียที

คนที่รักพรรคประชาธิปัตย์บอกว่าทำไมพันธมิตรฯ ไม่ทำ การที่จะปฏิวัติประเทศ เปลี่ยนแปลงทั้งหมด พันธมิตรฯต้องพึ่งประชาธิปัตย์ ถึงเวลาที่ประชาธิปัตย์ต้องเสียสละ ต้องออกมาเหนื่อยยาก แล้วตนจะขอร่วมเหนื่อยยากด้วย และจะเดินตามให้ อย่างที่บอก

การที่สภาไม่มีฝ่ายค้าน จะทำให้ทั่วโลกจับตามอง สังคมโลกจะคิดยังไงกับประเทศไทย เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ เอาโลกมาล้อมเรา เราต้องเอาโลกล้อมกลับบ้าง เอาเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ขนาดสหประชาชาติยังไม่เห็นด้วย เรื่องการจำนำข้าวที่ไอเอ็มเอฟก็ไม่เห็นด้วย เราสามารถยกเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาได้ แล้วก็บอกว่านี่คือการคอร์รัปชันอย่างใหญ่หลวง ฉะนั้นสิ่งที่เราต่อสู้นี้มันเข้าทางสากลหมด แต่พรรคเพื่อไทยจะไม่สามารถตอบทางสากลได้แม้แต่ข้อเดียว

นายสนธิ ยังกล่าวว่า ถ้าประชาธิปัตย์มั่นใจว่าอยู่ในสภาแล้วเดินเกมนอกสภาได้ ให้ประชาธิปัตย์ใช้สมาชิกพรรคและคนที่ลงคะแนนเสียงให้ 12 ล้านคนไป แต่พันธมิตรฯ ไม่ควรไป เพราะพันธมิตรฯ ต้องการจะเปลี่ยนประเทศ ตนเชื่อว่าผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์บางคน แอบคิดว่าพอแพ้วาระ 3 แล้ว พันธมิตรฯจะออก เราไม่ออกเด็ดขาด แล้วถ้าถึงตอนนั้นอยากลาออกจาก ส.ส. ไม่มีประโยชน์ ความหนักแน่นไม่มี ความแรงไม่มี ความชอบธรรมไม่มี

นายสนธิ ยังกล่าวทิ้งท้ายถึงคนที่รักประชาธิปัตย์ว่า การที่จะรักใคร ชอบใคร ต้องมีเหตุผล เช่นรักพ่อรักแม่ เพราะเป็นผู้ให้กำเนิด แต่การรักพรรคการเมืองพรรคหนึ่งอย่างไม่ลืมหูลืมตา เป็นการรักที่เรียกว่ารักแบบงมงาย แบบคลั่งไคล้ เมื่องมงาย คลั่งไคล้ เมื่อนั้นเราจะเป็นคนไม่มีสติ พอไม่มีสติแล้วก็ไม่ได้ต่างไปจากสัตว์เดรัจฉาน เพราะเราเริ่มใช้สัญชาตญาณว่า กูรักของกู ใครจะทำไม




คำต่อคำ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ศุกร์ที่ 16 ส.ค. 2556

รายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ออกอากาศทางเอเอสทีวี วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2556 เวลา 20.00-22.30 น. ดำเนินรายการโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ และ นายเติมศักดิ์ จารุปราณ ร่วมดำเนินรายการ

จินดารัตน์ - สวัสดีค่ะคุณผู้ชม ต้อนรับคุณผู้ชมเข้าสู่รายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ วันศุกร์ที่ทุกคนรอคอย สวัสดีค่ะคุณสนธิ

สนธิ - สวัสดีครับคุณแอน

จินดารัตน์ - วันศุกร์นี่ทำเอาหลายคนต้องไม่ออกไปไหนกันเลยทีเดียวนะคะ แล้วหลายศุกร์มานี่เขาบอกต้องรอฟัง

สนธิ - โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

จินดารัตน์ - พลพรรคประชาธิปัตย์ วันนี้ก็ต้องฟังอีกนะคะ ฟังด้วยใจเป็นธรรมต่อบ้านต่อเมือง

สนธิ - ต้องเปิดใจให้กว้าง อย่าเอาตัวเองไปผูกกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง ผมคิดว่าสิ่งที่ผมพูดนั้น ถ้าคนเอาชาติเป็นตัวตั้ง จะเข้าใจ ไม่เห็นด้วยกับผมไม่เป็นไร แต่ว่าเวลาจะเถียงผม หรือว่าซักค้านเหตุผลผม หรือว่าไม่เห็นด้วย พยายามคิดเอาชาติเป็นตัวตั้งก่อน เอาชาติเป็นตัวตั้ง แล้วถามตัวเองว่าสิ่งที่ตัวเองพูดนั้น ประโยชน์ตกอยู่กับชาติหรือเปล่า หรือประโยชน์ตกอยู่กับพรรคพวกตัวเอง ผมคิดว่าแค่นั้นเอง

จินดารัตน์ - เพราะว่าเมื่อศุกร์ที่ผ่านมา หลายคน บางคนเขามองคุณสนธิอีกแบบหนึ่งว่า คนอย่างสนธิ ลิ้มทองกุล ยอมที่จะลืม พยายามที่จะลืมเรื่องราวเก่าๆ ทั้งหมดที่เคยถูกกระทำจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยถูกหักหลัง ที่เคยถูกสารพัด โดยกระทำ ทำไมถึงยอม ยอมยื่นทอดสะพานให้กับพรรคประชาธิปัตย์

สนธิ - คือผมมองว่าตอนนี้ประเทศมันไปไม่ได้ ที่มันไปไม่ได้ก็เพราะว่าระบบการเมืองปัจจุบันเป็นระบบที่ทำลายตัวเอง และเผอิญพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบนี้ ก็มีส่วนร่วมในการทำลายตัวเองด้วย ผมคิดว่าจริง แล้วผมพูดนะ ถ้าพรรคเพื่อไทยเข้าใจและมีกิเลสน้อยลง แล้วพวกเสื้อแดงถ้าเข้าใจที่ผมพูด น่าจะเห็นด้วยกับผม แล้วมาร่วมกันเพราะว่าสิ่งที่เสื้อแดงสู้หรือทุกคนสู้ ชอบสู้โดยอ้างคำว่าประชาธิปไตย แต่ประชาธิปไตยวันนี้มันไม่ใช่ประชาธิปไตยในที่ถูกต้อง เป็นประชาธิปไตยทางตัวเลข ทางคณิตศาสตร์ ไม่ใช่ด้วยเหตุด้วยผล เหมือนที่เราพูดตลอดเวลาว่าเวลาอยู่นอกสภาเราใช้หลักรัฐศาสตร์ ปรัชญา จริยธรรมพูดคุยกัน ศีลธรรมพูดคุยกัน แต่พอเราเข้าไปในสภาฯ แล้ว เราจบลงด้วยหลักคณิตศาสตร์ คือตัวเลขใครมากกว่าคนนั้นชนะแล้ว ทุกคนก็แข่งกัน พูดเท่าไหร่ไม่มีใครฟัง ฝ่ายนี้พูดอีกฝ่ายก็ไม่ฟัง ฝ่ายนี้พูดข้อความเห็นดีข้อคิดดี เหมือนกับคุณหมอวรงค์ คุณหมอวรงค์เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ พูดเรื่องทุจริตจำนำข้าวได้ชัดเจนมาก มีหลักมีฐาน จนกระทั่งแม้กระทั่งพรรครัฐบาลก็ยังฟัง ยังเงียบไม่กล้าโต้ โต้ออกมาก็เป็นการโต้ที่ไร้สาระ แต่พอจบลงก็จบลงด้วยการบวกตัวเลข คุณหมอวรงค์พูดก็ไม่มีความหมาย เพราะฉะนั้นแล้ววิธีการเช่นนี้ ย้อนกลับไปสมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลก็เช่นกัน พรรคฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย บางคน ก็อภิปรายมีเหตุมีผลใช้ได้ แต่ในที่สุดก็จบลงด้วยการเอาตัวเลขมาวัดกัน ถ้าอย่างนั้นแล้วก็เท่ากับว่าประชาธิปไตยเมืองไทยคือประชาธิปไตยถ้าใครมี ส.ส.มากที่สุด คนนั้นชนะ ไม่ใช่ว่าใครมีเหตุผลที่ดี ใครมีข้อมูลที่ดี ใครเอาชาติเป็นตัวตั้ง ทุกคนก็จะเห็นด้วยกับคนนี้ มันน่าจะเป็นว่า เออ นี่พูดดี เออ นี่มีเหตุผลดี ผมเห็นด้วยกับเขานะ แต่ทุกคนก็ยกตามมติพรรค ด้วยเหตุนี้ผมถึงบอกว่าระบบนี้เป็นระบบที่กินตัวเอง ไม่ใช่ระบบที่จะนำชาติให้ฝ่าวิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตสิ่งแวดล้อม วิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตปัญหาความขัดแย้งทางชายแดนภาคใต้ ปัญหาความขัดแย้งระหว่างชนกลุ่มน้อย พี่น้องชาวมุสลิมกับคนไทยพุทธ ไม่ใช่เป็นวิธีแก้ปัญหา

จินดารัตน์ - เดี๋ยววันนี้เราจะได้คุยกันแบบเปิดทุกอย่างเลย

สนธิ - เปิด เปิดให้หมดเลย

จินดารัตน์ - แต่ต้องเอาชาติเป็นตัวตั้ง

สนธิ - เอาชาติเป็นตัวตั้ง แล้วก็อย่าใช้อารมณ์ หลายๆ คนมาบอกว่าผมกำลังทำลาย กำลังทำให้พรรคประชาธิปัตย์แตกแยก จริงๆ แล้วพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้แตกแยกไปไหนหรอก ก็ยังอยู่เป็นพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเพียงแต่ว่า ถึงเวลาแล้วที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องยอมรับเสียที ว่าตัวเองคือส่วนหนึ่งของปัญหา ต้องยอมรับ แล้วจะแก้ปัญหาตรงนี้ยังไง ถ้าไม่ยอมรับ ฟังผมไปก็ไม่มีประโยชน์

จินดารัตน์ - แล้ววันนี้ความมีอคติของสาวกพรรคประชาธิปัตย์ตั้งคำถามมากมาย ต่อว่า

สนธิ - ไม่เป็นไร แอน ผมจะตอบให้ฟังเป็นข้อๆ

จินดารัตน์ - แล้วก็คุณประพันธ์ คูณมี ไปคุยกับตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ และคุณสนธิก็จะเล่าให้ฟังด้วย

สนธิ - แล้วคุณจะเห็นด้วยยังไง และไม่เห็นด้วยยังไง

จินดารัตน์ - เป็นช่วงหน้านะคะ ช่วงนี้เราจะไปคุยกันเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง เพราะเมื่อคืนคุยกับพี่ประพันธ์ เรื่องขี้หมูรา ขี้หมาแห้งเขาบอก แต่ว่าเรื่องหนึ่งที่สร้างความไม่พอใจกับคนไทย ที่ได้ยินคุณธาริตแถลง เรื่องกรณีที่เราคดีที่คุณติ่ง มัลลิกา รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ไปโพสต์ภาพเสือ สิงห์ กระทิง และคุณยิ่งลักษณ์ ไปลงเฟซบุ๊ก ดีเอสไอถึงกับทนไม่ได้ เอามาเป็นคดีพิเศษ และคุณธาริตแถลงว่ามันก่อให้เกิดความเสียหายกับประมุขของประเทศ คือนายกรัฐมนตรี

สนธิ - ผมว่าคุณธาริตนะ รับใช้ทักษิณกับยิ่งลักษณ์เกินงาม ผมคิดว่าคุณธาริตทำอะไรช่วงหลังแสดงธาตุแท้เนื้อแท้ของคนซึ่งไม่ได้เป็นคนที่อยู่ในสถานภาพที่ต้องรักษากฎหมายโดยชอบธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ดีเอสไอไม่ใช่หน่วยงานที่จะมาเอื้อให้ความยุติธรรมกับคนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมหรือปกป้องประเทศ แต่หน่วยงานดีเอสไอนั้น ขณะนี้ ภายใต้การบริหารของคุณธาริต เพ็งดิษฐ์ เป็นเครื่องมือของยิ่งลักษณ์และทักษิณในการรังแกศัตรูทางการเมืองที่ไม่เห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทย อะไรก็ตามเมื่อเกิดเหตุขึ้น คุณธาริต จะเข้าไปทำทันทีเลย มีประเด็นหรือไม่มีประเด็นก็จับเข้าดีเอสไอหมด คือจับดำเนินคดีไว้ก่อน ส่งไปที่อัยการก็ส่งฟ้อง เหมือนว่าเอาเชือกมาผูกกคอ พวกคนซึ่งไม่เห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทย หรือไม่เห็นด้วยกับทักษิณลักษณะแบบนี้ เป็นลักษณะความเสื่อม 2 ประการ ประการแรก คนเสื่อม คุณธาริตนี้เสื่อมมาก เพราะลำพังแค่คนไปยืนโพส และเขียนว่า เสือ สิงห์ กระทิง ในข้อเท็จจริงคุณธาริตเป็นอัยการเก่าก็รู้ ว่าคุณส่งฟ้องคือ ถ้าเป็นอัยการหรือเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีความเป็นธรรมก็บอกว่า อันนี้ฟ้องไม่ได้ ถึงจะเป็นภาพตัดต่อยังไงก็ตามก็ฟ้องไม่ได้ เพราะว่าเสือ สิงห์ กระทิง และยิ่งลักษณ์ แล้วอย่างไง ถูกมั้ย มันไม่ได้มันไม่มีมูลเหตุที่จะไปฟ้องอะไรเขา นั่นข้อแรกนะครับ
ข้อที่สองยิ่งรับเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งรับเป็นคดีพิเศษเขามีหลักฐานอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องนี้ ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยทุกวันนี้ระหว่างการเมือง การเมืองก็เป็นคดีพิเศษไปหมดสิ ถ้าคุณจะเล่นเขา คือรับใช้เจ้านาย รับใช้คนที่มีอำนาจ แล้วให้คุณให้โทษตัวเองได้ น่าจะรับใช้พองาม ใช่ไหม แต่ไม่ใช่หลับหูหลับตารับใช้ ทำเหมือนกับว่า เพื่อให้ตัวเองมีผลงานดีเด่นให้งานเข้าตากรรมการ ให้งานเข้าตาทักษิณ ไม่ใช่
เพราะฉะนั้นคุณธาริตทำแบบนี้ เป็นการทำให้ดีเอสไอเสื่อม และวันนี้ดีเอสไอเสื่อมหมด เหมือนสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็เสื่อม ซึ่งประเดี๋ยวเราจะพูดกันต่อ เสื่อมมากๆ ทีนี้หน่วยงานยุติธรรมดีเอสไอ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้นน้ำกระบวนการยุติธรรม ถ้าเสื่อมแล้วเป็นเนื้อเดียวกับรัฐบาล เป็นเนื้อเดียวกับเพื่อไทย เป็นเนื้อเดียวกับระบอบทักษิณ ถามว่าคนพวกนี้สิ่งแรกถามตัวเองก่อน คนที่มีเครื่องแบบ หรือมีหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นดีเอสไอ ซึ่งไม่ได้ใส่เครื่องแบบ แต่ตำรวจใส่เครื่องแบบ ข้อแรกที่ต้องถามก่อน ตัวเองอายตัวเองบ้างหรือเปล่า อายพ่ออายแม่ตัวเองบ้างหรือเปล่า อายเพื่อนอายฝูงตัวเองบ้างหรือเปล่า อายพ่อแม่ครูอาจารย์ตัวเองบ้างหรือเปล่า เพราะตัวเองมีหน้าที่อะไร ตัวเองย่อมรู้อยู่แล้ว มีหน้าที่รักษาความยุติธรรม แต่ตัวเองรับใช้ฝ่ายการเมืองอย่างเต็มตัวโดยที่ไม่ได้คำนึงเลยว่าหน้าที่ตัวเองคืออะไร เพราะฉะนั้นแล้ว ข้อแรก คนพวกนี้ถ้าไม่อายตัวเอง คนพวกนี้ก็ไม่ใช่มนุษย์ คนพวกนี้ก็ไม่ได้ต่างกว่าเดรัจฉาน เพราะเดรัจฉานไม่ได้ทำอะไรด้วยเหตุด้วยผล เดรัจฉานทำตามสัญชาติญาณ เพราะฉะนั้นคนพวกนี้ทำตามสัญชาติญาณว่า ถ้าทำอย่างนี้แล้วเจ้านายจะพอใจ ถ้าทำอย่างนี้แล้วข่าวไปถึงเมืองนอก ดูไบ ดูไบจะมีความสุข ถ้าทำอย่างนี้แล้วขออะไรเขาก็ให้

จินดารัตน์ - ก็เลยมีคนสงสัยว่า สงสัยบ้านที่เขาใหญ่ของแกจะเล็กเกินไป

สนธิ - คือ คุณธาริต วันนี้สิ่งหนึ่งซึ่งผมเรียนรู้แก และผมก็อยากให้ท่านผู้ชมเรียนรู้ด้วย ให้ระลึกเสมอว่า บางครั้ง คนโบราณเขาบอกอย่างนี้ เวลาได้ชัยอย่าลำพอง เวลาพ่ายแพ้อย่าท้อถอย ฉันใดฉันนั้น นั่นก็คือ คำพูดคนโบราณก็คือว่า ให้คนเราทำอะไรด้วยสติ คุณธาริต และหลายๆ คน ตำรวจหลายคน ทำงานวันนี้ไม่ได้ใช้สติทำ เพราะถ้าใช้สติทำ เขาจะไม่กล้าทำเรื่องพวกนี้ เรื่องชั่วๆ พวกนี้เขาจะไม่กล้าทำ แต่วันนี้เนื่องจากว่าเขาไม่ได้ใช้สติ เมื่อเขาไม่ได้ใช้สติ ก็กลายเป็นว่าเขาขาดเหตุขาดผล เมื่อเขาขาดเหตุขาดผล เขาก็คือเดรัจฉาน

จินดารัตน์ - ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี

สนธิ - ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ทำตามสัญชาติญาณ เหมือนหมา สังเกตมั้ย หมาเอาใจนายด้วยการมาแลบลิ้นแผล่บๆๆๆ

จินดารัตน์ - เลียแข้งเลียขา

สนธิ - เลียแข้งเลียขา นายชี้ไป เอาของขว้างไป ก็วิ่งไปคาบมาให้ ดีใจ แล้วให้รางวัล นี่ไง คนพวกนี้ไม่ต่างกับสุนัข แต่สุนัขมันยังดีกว่าคนพวกนี้ทำไมรู้ไม่เพราะว่านายของสุนัขวันนี้มันเป็นตำแหน่งอะไรก็ตาม พรุ่งนี้ไม่มีตำแหน่งสุนัขมันก็ยังรักอยู่ แต่ไอ้พวกนี้พอนายหมดอำนาจมันก็วิ่งจากนายคนเก่าไปหาคนใหม่

จินดารัตน์ - ที่นี้อีกคำถามที่คนเขาว่าไปประท้วงกันที่หน้าดีเอสไอ

สนธิ - คือคำว่าประมุข ผมคิดว่านะ คุณธาริตเขาหลุดปากไม่ได้ตั้งใจ ถ้าหลุดปาก สิ่งที่เขาควรทำ ถ้าเขาแมนพอ ผมขอโทษผมหลุดปากไปนัยที่ผมต้องการจะสื่อ คือนายกฯ แต่ความที่เขาเป็นธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ความที่เขาจะฟันฝ่ายตรงข้าม เขามีตัวกูของกู เขาใหญ่มาก อัตตาเขาสูงเหลือเกิน ทั้งๆ ที่อีกไม่กี่ปี ไม่นานก็ต้องรับเวรรับกรรม เขาลืมไป เขาก็จะบอกว่ามันเป็นการพูดในเชิงรัฐศาสตร์ เป็นภาษาทางรัฐศาสตร์ นอกจากแก้ตัวน้ำขุ่นแล้ว ยังทะลึ่งไปขู่ว่าคนที่เอาเรื่องนี้มาพูดหมิ่นนะ ผมว่าเรื่องของธาริต ถ้ามีใครไปแจ้งความทิ้งเอาไว้ ถ้ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีอำนาจ หรือธาริตตกไปแล้ว นายธาริตโดนดำเนินคดีทันที ผมอยากให้มีคนไปแจ้งความทิ้งเอาไว้ เหมือนอย่างกรณี พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร จัดมวยที่มาเก๊า เอาถ้วยพระราชทาน ซึ่งเป็นถ้วยพระราชทานปลอม ต้องมีคนไปแจ้งความทิ้งเอาไว้ ใช่ไหม ถ้าลองสนธิพูดสิ แอน ป่านนี้หมายศาลมาแล้ว

จินดารัตน์ - พรุ่งนี้เลยค่ะ

สนธิ - พรุ่งนี้มาแล้ว หมายจับมาทันทีเลย ไม่ต้องห่วง และคนของพรรคเพื่อไทย คนของเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร พูดจาจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์อีกเยอะแยะไปหมดเลยตอนนี้ สถานีวิทยุเต็มไปหมด ไม่มีใครพูดสักคน ไม่มีใครดำเนินการสักคน พวกเสื้อสีเขียวที่อยู่แถวกองทัพภาค 1 ที่เขียนป้ายว่า เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ผมเห็นเขาเงียบสนิท ไม่ทำอะไรทั้งสิ้น แต่พอมีเรื่องมีราวที มีโฆษณาที มีการสวนสนามที หรือว่ามีการแสดงออกที ผมปกป้องสถาบัน คือพวกนี้เป็นพวกเขาเรียกว่า คารวะบูชา ไม่ใช่ปฏิบัติบูชา เป็นพวกดีแต่ปาก

จินดารัตน์ - ทำไมสังคมไทยคนดีแต่ปากมันเยอะนะคะ

สนธิ - สังคมไทยต้องให้มันล่มสลาย แอน ผมสรุปนะ ต้องให้มันล่มสลายจริงๆ มันไม่ล่มสลายไม่ได้ เพราะว่าสังคมไทยเขาเรียกว่า ยังไงอ่ะ ต้องให้เลือดตกยางออก

จินดารัตน์ - ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตานะคะ

สนธิ - เป็นอย่างนั้นจริงๆ สังคมไทย ไม่ไหวจริงๆ เลย ผมถึงบอกว่า ผมเหมือนกับเป็นคนซึ่งรู้สึกตัวมาก่อนล่วงหน้า ผมถึงบอกกับทุกคนไง แอนถ้าแอนจำได้ตอนชุมนุมกัน ตอนใกล้จะจบผมบอกว่า พี่น้องเราต้องเกาะกลุ่มกันเอาไว้นะ จำได้ไหม

จินดารัตน์ - จำได้ค่ะ

สนธิ - ผมพูดตลอดนะ และพี่น้องพันธมิตรฯ ที่ฟังวันนี้ที่ผมพูดทบทวนความจำ ผมบอกเราต้องรักกันเอาไว้นะ ทำไมผมถึงต้องพูดคำนั้น เพราะผมรู้ว่าสังคมไทยมันเกินจะเยียวยาได้แล้วตอนนี้ เพราะฉะนั้นแล้วเอาเฉพาะคนที่มีอุดมการณ์ร่วมกัน มองตากันเข้าใจกัน รู้ว่าแต่ละคนคิดยังไง และรักกันเอาไว้เกาะเป็นกลุ่ม กลุ่มเล็กก็ไม่เป็นไร ขอให้เป็นคนมีคุณภาพ วันนี้ผมไม่ต้องการคนเยอะ เขาบอกพันธมิตรฯ เดี๋ยวนี้คนน้อยลง ผมไม่สนใจน้อยหรือมาก ผมสนใจแต่ว่าเดี๋ยวนี้คนที่เป็นพวกเดียวกับเรา ผมเป็นพวกเดียวกับเขา เป็นพวกที่เห็นใจซึ่งกันและกัน และเข้าใจซึ่งกันและกัน และรู้ใจซึ่งกันและกัน เมื่อเป็นเช่นนี้เราก็สบายใจที่จะอยู่ด้วยกัน

จินดารัตน์ - มันมีเป้าหมายสูงสุดเหมือนกัน

สนธิ - มีเป้าหมายเดียวกัน แล้วผมก็บอก ถ้าใครไม่เข้าใจ ใครไม่เต็มใจ ใครไม่สบายใจ ที่จะอยู่ร่วมกันแบบนี้ในอุดมการณ์เดียวกัน ในลักษณะที่มองตาแล้วเข้าใจกัน ออไปเลย ไม่ต้องอยู่แถวนี้ แอน อยู่ไปทำไม เพื่ออะไร ไม่มีประโยชน์ ผมไม่ต้องการ คนน้อยๆ จะน้อย จะมาก ไม่สำคัญ ขอให้มีใจอันเดียวกันเท่านั้นเอง ใจต่อใจ นั่นคือสิ่งที่ผมพูดมาตลอด

จินดารัตน์ - คุณสนธิ ไปอีกเรื่องหนึ่ง อาจจะเป็นเรื่องไร้สาระ เหมือนกับว่าว่างมาก กินแล้วไม่มีอะไรทำใช่มั้ย ก็คือเรื่องจะไปล้วง เขาเล่นไลน์กัน เรื่องความมั่นคง เอาไปเกี่ยวข้อง เกี่ยวเนื่องกัน คุณสนธิว่ามันจะเงียบไปภายในไม่กี่วันนี้มั้ยคะ

สนธิ - ตรงนี้มันเป็นเรื่องที่ผมอยากจะพูดให้บรรดานักวิชาการ หรือนักประชาธิปไตยบ้าบอของพวกเสื้อแดงฟังนิดหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ธรรมศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นนิธิ เอียวศรีวงศ์ ไม่ว่าจะเป็นสมศักดิ์ ไม่ว่าจะเป็นวรเจตน์ ไม่ว่าจะเป็นใบตองแห้ง นักเขียนของเว็บไซต์ประชาไท หรือโน่นนี่นั่น ซึ่งชอบออกมาบอกว่าทักษิณ ชินวัตร คือภาพของประชาธิปไตย คือเดี๋ยวนี้คำว่าประชาธิปไตยมันขายกันง่ายนักนะ ทุกอย่างสู้เพื่อประชาธิปไตย ประชาธิปไตยอะไร คุณอธิบายให้ผมฟังหน่อยได้มั้ย แม้กระทั่งในสภาที่โหวตตัวเลข คุณก็ยังหน้าด้านบอกว่าเป็นประชาธิปไตย จนกระทั่งวันนี้ถ้าประชาธิปไตยของคุณคือการไม่จำกัดสิทธิเสรีภาพของคน ไม่ไปเบียดบังสิทธิอันชอบธรรมของคน การที่รัฐบาลที่คุณส่งเสริมว่าเป็นประชาธิปไตย แล้วมาตรวจสอบข้อมูลเรื่องไลน์เนี่ย แล้วคุณว่ายังไง ทำไมถึงเงียบหมด คนพวกนี้ทำไมถึงเงียบหมด วันนี้ผมไม่ได้สนใจ เพราะรัฐบาลมันอยากจะทำ มันมีอำนาจทำ ให้มันทำไป แต่ผมกำลังสนใจไอ้กลุ่มคนซึ่งควรที่จะเป็นปัญญาให้คน แล้วมันเป็นปัญญาให้ฝ่ายตรงข้าม ออกมาตอบโต้กับพวกเราตลอดเวลา ว่าพวกเรานั้นเป็นกลุ่มพวกอำมาตย์ เป็นพวกโน่น พวกนี่ เป็นพวกเผด็จการ วันนี้เพื่อไทยทุกอย่าง โดยใช้หลักการเผด็จการหมดทุกประการ แต่คนพวกนี้ไม่พูดสักคำ แล้วผมก็ถามว่า แล้วพวกคุณสู้เพื่ออะไรกันแน่ สรุปแล้วคุณสู้จริงๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองใช่มั้ย เพื่อไม่ให้มีสถาบันกษัตริย์เท่านั้นเองใช่มั้ย ลึกๆ แล้วคุณอยู่เพียงแค่นั้นหรือเปล่า หรือว่าลึกๆ แล้วทักษิณแอบให้เงินคุณ ให้ผลประโยชน์กับคุณ คุณก็ขายเนื้อขายตัวคุณ พวกคุณนี่นะ ยังแย่กว่าโสเภณีที่ขายตัว เพราะโสเภณีขายตัวเพื่อเอาเงินมาเลี้ยงชีพ แต่คุณขายอุดมการณ์ ขายจิตวิญญาณของคุณ คุณควรที่จะเป็นครูบาอาจารย์ให้กับสังคมไทย คุณควรที่จะเป็นสื่อมวลชนที่อธิบายความที่ถูกต้องให้ แต่คุณไม่ได้ทำ ตรงนี้ต่างหาก ส่วนไอ้พวกรัฐบาลมันจะปิดไลน์ เช็กอะไร ผมเฉยๆ เพราะว่าผมรู้ว่าทุกวันนี้มันดักฟังโทรศัพท์พวกเราอยู่แล้ว เพราะเดี๋ยวนี้ระบบเทคโนโลยีมันมีสปายแวร์ มันฉลาด โทรศัพท์แอนนี่ขอให้มีเบอร์อีมี่ แอนจะเปลี่ยนซิมกี่ซิม มันสามารถจะดูดข้อความแอนได้เลย ดูดข้อความได้ทั้งเท็กซ์ ดูดข้อความได้ทั้งภาษาพูด เสียง ในขณะเดียวกัน สิ่งที่มันทำไม่ได้คือไลน์ เพราะไลน์ เวลาเขาใช้โทรศัพท์ทางไลน์ เขาใช้ผ่านอินเทอร์เน็ต มันดูดไม่ได้

จินดารัตน์ - ไม่ได้ผ่านทางสาย

สนธิ - ไม่ได้ทางสาย ทางคลื่น เพราะมันมีคลื่น 3จี คลื่น 2 จี คลื่นกี่เมก อะไรพวกนี้ มันจะมีเครื่องที่ล็อกคลื่นเอาไว้ มันจะได้หมด ทุกวันนี้มันฟังโทรศัพท์หมดเลย ระบบฟังโทรศัพท์ เพราะว่าก่อนที่เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ จะหลุดพ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งซื้อเครื่องดักฟังโทรศัพท์

จินดารัตน์ - อ๋อ ตอนนั้นที่บอกตั้งงบขึ้นมา

สนธิ - สมัยใหม่เลย วันนี้รัฐบาลชุดยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แอบดักฟังโทรศัพท์คนเป็นร้อยๆ คน ผมเชื่อว่าพวกพรรคประชาธิปัตย์จะโดน แกนนำพันธมิตรประชาชนฯ ผมนี่โดนตลอด ผมรู้เลยเบอร์ผมโดนแน่นอน แต่ผมก็ต้องขอโทษด้วย เพราะเขาฟังผมแล้วเขาจะผิดหวัง เพราะประการแรก การที่ผมไม่ชอบรัฐบาลชุดนี้ หรือผมคิดว่าไม่ชอบทักษิณเป็นธรรมชาติของผมแล้ว ถ้ารายงาน ถ้ารายงานเป็นเขาต้องรายงานให้หมดนะ เพราะผมให้ของลับนายเขาไปเยอะเลย ให้เป็นดุ้นเป็นท่อนเลย

จินดารัตน์ - กล้ามั้ยล่ะ

สนธิ - ต้องรายงานให้ถึงพริกถึงขิง อย่าไปรายงานเฉพาะว่าผมจะล้มรัฐบาลชุดนี้ อย่าไปพูด ผมไม่เคยพูด ผมให้ของลับมันตลอดเวลาเลย พอขึ้นต้นผมก็ให้ทันทีเลย ผมรู้มันดักฟังผมอยู่ก็ให้เรื่อย อยากฟังดีนัก จนกระทั่งหลายๆ คนที่รับโทรศัพท์ผม กลัวผมว่าคุณสนธิดุจังหมู่นี้ ลามกเหลือเกิน ผมก็ เฮ้ย ฝากเผื่อ ไม่ได้คุยกะมึง ฝากเผื่อคนที่ 3 มีคนที่3 ฟังอยู่ เพราะฉะนั้นกูจะแจกของ ชีวิตนี้กูมีอยู่เยอะ

จินดารัตน์ - มีคนเขาบอกว่าพอรับโทรศัพท์ มีคำถามแทรกมาเลยว่าเมื่อไหร่พ่อมึงจะตายซักที เสียงแทรกหรืออะไร จากเรื่องนี้นะคะ ปตท.ที่เขาว่างมากๆ นะ เขาบอกไม่มีทางทำได้เพราะลูกโอ๊คบีบแน่นมากๆ ทำมาอะไร เขาใช้คุยกับพ่อกะอาเขาอยู่นะ ก็ช่างหัวมันเถอะคะ

สนธิ - จริงๆ มันไม่ต้องเช็กไลน์ ที่มันควรเช็กคือสไกป์ของมัน ใช่ไหม

จินดารัตน์ - แล้วที่ขำที่สุดคือนายกฯ รู้เรื่องนี้ไหม เรื่องทางเทคนิค เมื่อวันก่อนก็ให้สัมภาษณ์นักข่าวไปถามหลุดปากมาว่าก็ไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องมั่นคงของแอปพลิเคชั่น คนก็คงว่าเธอพูดอะไร

สนธิ - ผมก็หมดหวังกับคนๆ นี้ไปนานแล้ว ตั้งแต่พฤศจิกายนเป็นพฤศจิกาคม ผมผิดหวังแล้ว คือเมืองซิดนีย์ เป็นประเทศซิดนีย์ ยังพอทนได้นะ แต่พฤศจิยนเป็นพฤศจิกาคม รับไม่ได้จริงๆ เพราะฉะนั้นแล้วเขาจะเลอะเทอะ เขาจะโง่เขาจะแสดงความฉลาดน้อยมากๆ เขาออกมาจะกี่รอบ กี่งาน เมื่อไหร่ วันเวลาใด ผมรู้พื้นฐานเขาต้องแบบนั้นอยู่แล้ว

จินดารัตน์ - ไม่ได้แปลกใจนะ

สนธิ - ไม่ได้แปลกใจแม้แต่นิดเดียว แต่ผมเป็นคนแรกที่พูด ถ้าแอนจำได้ว่า ผมสงสารเขา เขาน่าจะเป็นเด็กออทิสติก เพราะลักษณะเขาน่าจะเป็นออทิสติกอ่อนๆ คือพิการทางสมอง จริงๆ

จินดารัตน์ - ถ้าพูดให้เพราะคือมีความพิเศษ

สนธิ - คือปัญญาอ่อนเล็ก คือมีความเป็นเด็กพิเศษ แต่คนพวกนี้จะมีความเป็นอัจฉริยะในบางเรื่อง สุดแล้วแต่บางคนมีความอัจฉริยะอ่านตัวเลขได้แล้วไม่เคยลืม บางคนมีความอัจฉริยะในการทำเรื่องเลวๆ แล้วไม่สนใจ เด็กออทิสติกบางคนผู้หญิงที่เป็นออทิสติกบางคนนะ ทำตัว เหมือนฮิสทีเรียที่เอาเขาไปทั่วเลย ชอบใครเจอใครมองหน้ายิ้มอยากจะปล้ำเขา นึกออกไหม หรือว่าเมาเหล้าทีก็มีคนประคอง

จินดารัตน์ - คุ้นๆ นะคะ

สนธิ - ไม่รู้ ผมไม่รู้ใคร แต่ผมไม่ได้เอ่ยชื่อนะ แต่ผมกำลังพูดว่า ผู้หญิงที่เป็นออทิสติกอ่อนๆ บางครั้งถ้าพฤติกรรมเบี่ยงเบนไปก็ทำตัวเหมือนผู้หญิงฮิลทีเรีย คืออยู่ใกล้ผู้ชาย อยู่ใกล้ผู้ชายแล้วอ่อนระทวยไปหมดเลย เป็นอย่างนั้นจริงๆ นะ

จินดารัตน์ - ซึ่งเป็นอาการแบบนี้มีน้อยนะคะ

สนธิ - แต่ก็มี

จินดารัตน์ - ดูการ์ตูน บัญชา คามิน หน่อยไหมคะ จะรักเป็นพิเศษเลยนะคะ รักนายกฯ คนนี้เป็นพิเศษ โอ้

สนธิ - วิวัฒนาการ

จินดารัตน์ - วิวัฒนาการของปูค่ะ มี 2 ก้างนะ

สนธิ - จาก 2 ก้าง มีอีก 1 นอ

จินดารัตน์ - 1 นอ คุณบัญชา คามินนี่สุดยอดจริงๆ ค่ะ

สนธิ - การ์ตูนชุดนี้นะ คืออันนี้พูด ดูลายเส้นแล้ว มันไม่ใช่การ์ตูนอย่างเดียวนะ มันเป็นภาพกราฟฟิกที่สวยมาก อันนี้เรื่องจริงผมไม่ได้พูดเล่น วันนี้ผมยังนั่งดูเลย วันนี้ผมยังคุยกับคนวาดเลย ทีมงานเขา ปรากฏเฮ้ยเบื๊อก ไอ้เบื๊อกมันบอกว่า พี่ฝีมือมันนี่นะ ไอ้คนวาดนี่นะลูกน้องผม เพื่อนร่วมงานผม มันไม่ใช่การ์ตูนไปแล้วนะ มันเหมือนภาพกราฟฟิกที่สวยมาก สวยจริงๆ ถ้าพูดบัญชา คามินแล้วนี่นะ ก็ต้องบอกพี่น้องพันธมิตรฯ นิดนึง ท่านผู้ชมไม่รู้ว่า ทางโปรดิวเซอร์เขามีหน้าปกออกมาหรือยัง

จินดารัตน์ - เขาบอกว่า ตอนนี้ยังพิมพ์ไม่เสร็จ

สนธิ - ไม่ใช่ เอาปก

จินดารัตน์ - มีค่ะ แต่ว่าคือพอคุณสนธิพูดไปเนี่ย โทรศัพท์กันไม่หวัดไม่ไหว

สนธิ - ไม่ใช่สิ ผมให้หน้าปกเขาเอาขึ้นจอ มีหน้าปกไหม ไหนลองเอาขึ้นจอสิมีไหม

จินดารัตน์ - เอาหน้าปกขึ้นจอนิดนึง ให้ดูหน้าปกนิดนึงนะคะ เป็นรวมการ์ตูนรวมเล่ม

สนธิ - เป็นการ์ตูนรวมเล่ม ของยุคเขาเรียกว่า ยุคแหลเพื่อพี่ หน้าปกเป็นหน้าปกผู้หญิงคนนึง เขาเรียกแหลเพื่อพี่ เป็นรวบรวมการ์ตูนแล้วมี คำบรรยายเหตุการณ์ของการ์ตูน คนที่ไม่เข้าใจเหตุการณ์อ่านก็จะเข้าใจ แล้วจะฮาหลายๆ เรื่อง ประมาณ 200 กว่าหน้า 285 บาทนะครับ อีกประมาณไม่เกิน 14 วัน พิมพ์เสร็จหมดแล้ว

จินดารัตน์ - จะวางจำหน่ายได้เลยใช่ไหมคะ

สนธิ - แต่เราจะจำหน่ายโดยถ้าใครสนใจ โทรเข้าคอลเซ็นเตอร์ได้

จินดารัตน์ - อ่อ สั่งได้หรอคะ ส่งเป็นไปรษณีย์ได้

สนธิ - ส่งให้ถึงบ้านเลยครับ โอนเงินเข้ามา 285 ตามที่คอลเซ็นเตอร์บอก แล้วได้ชื่อมาเราส่งให้ เราจะส่งให้ก่อน เราจะวางจำหน่ายในเขาเรียกสัปดาห์หนังสือแห่งชาตินะครับ คือจะไปเปิดตัวที่สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ แต่ว่าเมื่อพิมพ์เสร็จแล้ว โทรศัพท์สั่งเข้ามาก็ได้ ระหว่างพิมพ์จองไว้ก่อนเลย พอมาถึงปั๊บเราส่ง และจะมีขายเฉพาะที่เอเอสทีวีชอปชั่วคราวก่อน จนกระทั่งสัปดาห์หนังสือแห่งชาติออกครบแล้ว ถึงวางตามแผงหนังสือต่างๆ แต่ว่าถ้าจะ งานนี้รายได้หักค่าใช้จ่ายแล้ว เราให้กับการ์ตูนนิสต์ ให้กับคนวาด ให้คนคิดนะครับ หักค่าใช้จ่าย หักค่าจัดจำหน่ายแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว เพื่อไม่ให้หักมาก ไม่ให้แผงหักมาก แผงเขาหัก 40 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นแล้วซื้อตรงเอเอสทีวีชอป การ์ตูนนิสต์เราจะได้เต็มบาทเต็มสตางค์เต็มเนื้อ

จินดารัตน์ - จะได้มีกำลังใจ

สนธิ - เห็นใจเขาเถอะครับ 2 ปีกว่าเพิ่งรวมได้เล่มเดียว

จินดารัตน์ - เห็นบอกว่ามีก่อนหน้านี้เล่มนึง

สนธิ - อีกเล่มครับ ตอนนั้นคนก็ยังเฉยๆ

จินดารัตน์ - จริงๆ แอนแนะนำให้ซื้อ 2 เล่มนะคะ

สนธิ - อันนั้นจะคลาสสิก แต่ว่าจะมีคนไม่พอใจเยอะ เพราะว่าอันนั้นเป็นอันที่ประชดประชัน และนี่ครับแหลเพื่อพี่

จินดารัตน์ - อันนี้คือเล่มที่กำลังจะวางแผงนะคะ

สนธิ - โทรไปที่คอลเซ็นเตอร์ได้ 285 บาท

จินดารัตน์ - เป็นผลงานที่แอนว่าควรจะเก็บเอาไว้

สนธิ - เป็นผลงานที่คลาสสิคมาก

จินดารัตน์ - จะมีคำอธิบายแต่ละเหตุการณ์

สนธิ - และที่สำคัญหนังสือเล่มนี้พอออกแล้ว ตัว Original Artwork ที่เป็นตัวการ์ตูน และที่ลงสี มันจะมีอยู่เยอะ เราจะเปิดประมูล ใครชอบภาพไหน อันไหน ผมกำลังเตรียมสู้เต็มที่เลย ภาพไหนรู้มั้ย เซ็กซ์หมู่

จินดารัตน์ - ที่มีเครื่องแบบปลิวว่อนเลย

สนธิ - อันนั้นล่ะ ผมสู้เลย ประมูลกันเลย คือภาพ Original ของบัญชา คามิน ที่วาดสีลงไปนี่นะ ผมอยากให้หลายคนซื้อเก็บเอาไว้ ซื้อเก็บเอาไว้แล้วก็ติดกรอบข้างๆ ที่โต๊ะทำงาน

จินดารัตน์ - มีชิ้นเดียวนะ

สนธิ - มีชิ้นเดียวเท่านั้นเองฮะ มีชิ้นเดียว

จินดารัตน์ - แต่แอนชอบชิ้นนั้นนะคะ อัลกออิดะห์มาเข้าคิว

สนธิ - มาเข้าคิว เข้าคิวฆ่าทักษิณ ต่อคิวๆ

จินดารัตน์ - แต่บางคนก็บอกว่าไปเลย แซงได้ๆ

สนธิ - บางคนก็บอกแซงได้ แต่ผมว่ามันกินใจที่สุด แล้วมันสะใจ และมันฮามากๆ ก็คือเซ็กซ์หมู่อันนั้น เซ็กซ์หมู่กลาโหมโฮเตล โอ้โห มันชัดเจน ไม่รู้จะชัดยังไงอีกแล้ว

จินดารัตน์ - แต่บางคน มีพันธมิตรฯ บางคนเขาชอบมากเลย เขาบอกว่าเขาจะไปร่วมประมูลด้วยแน่ๆ คือ "กูว่าแล้ว"

สนธิ - กูว่าแล้ว ก็ไม่เลว

จินดารัตน์ - นอกจากเป็นการ์ตูนนิสต์แล้ว ยังเป็นหมอดูด้วย

สนธิ - เป็นหมอดู อันนี้เป็นส่วนตัวผมนะ พี่น้องและท่านผู้ชมฮะ ผมน่ะไม่มีสิทธิ์นะ ผมต้องร่วมประมูลด้วยนะ สู้ได้ ผมตังค์ไม่ค่อยมีตอนนี้ นึกดูถ้าติดกรอบ แล้วมันเป็นอันเดียว หนึ่งเดียวเท่านั้นเอง หนึ่งเดียวแล้วจะไม่มีอีกแล้ว

จินดารัตน์ - งั้นเดี๋ยวรอฟังข่าวนะคะ

สนธิ - รอฟังข่าว

จินดารัตน์ - มาถึงเรื่องนี้นิดหนึ่งคุณสนธิคะ เมื่อวันที่ 14 ที่ผ่านมา มีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง คดีที่ทักษิณฟ้องคุณสนธิ กับน้องแอ้ม สโรชา ข้อหาหมิ่นประมาท

สนธิ - คืออย่างนี้ เป็นรายการยามเฝ้าแผ่นดิน ที่ผมจัดกับคุณแอ้ม สโรชา พรอุดมศักดิ์ หรือผมไม่ได้จัด คุณแอ้ม ตอนนั้นผมอยู่ที่อเมริกา ก็เอาสิ่งที่ผมพูดที่อเมริกามาออก คุณทักษิณเขาบอกผมหมิ่นเขา ทีนี้ศาลชั้นต้นก็บอกว่าหมิ่น ศาลชั้นต้นก็พิพากษาจำคุกผม 6 เดือน แอ้ม-สโรชา 6 เดือน รอลงอาญา 2 ปี เราก็ยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ ที่น่าสนใจอย่าง ประเด็นที่ศาลอุทธรณ์พิพาษามาคือประเด็นว่า เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ก่อนหน้า คืออย่างนี้ คดีนี้คุณสุวัตรเขาไม่สืบจำเลยเลยนะ ให้โจทก์ สืบโจทก์คนเดียว แต่คุณสุวัตรเขาจะซักค้านโจทก์ แต่ละจุดๆ พอซักค้านโจทก์เขาไม่สืบแล้ว เพราะว่าเขาต้องการให้ศาลเห็นว่าโจทก์พูดจา คือโจทก์ไม่รู้เรื่อง โจทก์บอกว่าโจทก์รับมอบอำนาจมา คุณสุวัตรถาม เรื่องนี้เป็นยังไงรู้มั้ย บอกไม่ทราบ เพราะรับมอบอำนาจ ก็คือคุณไม่รู้เรื่องอะไรเลย อะไรๆ ก็ไม่รู้ เผอิญในช่วงที่ซักค้านและเอกสารที่คุณสุวัตรส่งให้ศาล มันมีเอกสารอยู่หลายช่วง ซึ่งมันอธิบายความก่อนหน้าที่จะมีคดีความเรื่องนี้ ว่าคุณทักษิณได้จาบจ้วง

จินดารัตน์ - กี่ครั้ง

สนธิ - กี่ครั้ง สถาบัน ยังไง ใช้วิธีการยังไงบ้าง มีการขี่ช้าง แล้วก็มีประชาชนไปรับ ชูธงทรงพระเจริญ โน่นนี่นั่น ศาลก็เลยบอกว่า พินิจพิเคราะห์แล้วทำให้เชื่อได้ว่าสิ่งที่จำเลยพูดนั้นเป็นจริง ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ศาลอุทธรณ์กำลังบอกว่า ที่ผมบอกว่าทักษิณจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ และไม่จงรักภักดีสถาบันกษัตริย์ เป็นจริง นี่คือประเด็นหนึ่ง ประเด็นหลัก แต่อีกประเด็นหนึ่งซึ่งผมอยากจะชี้ให้แอนเข้าใจ และให้ท่านผู้ชมเข้าใจนิดหนึ่ง คือวันนี้ เวลาผมโดนทักษิณ ชินวัตร ฟ้อง ผมไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเขาเลย จากศาลเลย ไม่ได้รับความเป็นธรรมตรงไหน ตรงที่ว่า จริงอยู่ ตามกฎหมายแล้ว แอนมอบอำนาจให้ใครไปฟ้องใครก็ได้ มีสิทธิ์ แอนมอบอำนาจให้ใครไปฟ้องใครก็ได้มีสิทธิ์ แอนมอบอำนาจให้ดมมาฟ้อง ธงว่าฟ้องผมสมมุติ ศาลรับฟ้องได้ ถ้าสิ่งที่มอบอำนาจมาถูกต้องตามกฎหมาย และมีข้อหาเสร็จเรียบร้อย รับฟ้อง และวันที่ไต่สวนมูลฟ้อง ข้อเท็จจริงวันที่ไต่สวนมูลฟ้อง ถึงแอนไม่มาก็ไม่เป็นไร แต่พอวันที่สืบพยานแล้ว โดยหลักแล้วแอนต้องมา แอนไม่มาไม่ได้ เพราะแอนไม่มาแล้ว ผมนี่ผู้เสียหาย ผมเป็นจำเลย ผมมีสิทธิ์ที่จะปกป้องตัวผมเอง ผมต้องมีสิทธิ์ซักแอนว่า ที่ผมพูดผมทำอย่างนี้ คุณเสียหายตรงไหนเข้าใจยัง แต่ว่าศาล นายทักษิณไม่เคยมา ผู้พิพากษาหลายคดีตัดสินไปโดยที่นายทักษิณไม่มา คือไม่ปกป้องสิทธิ์ของผม

จินดารัตน์ - คุณสนธิเสียโอกาส

สนธิ - เสียโอกาส เสียสิทธิ์ จริงๆ แล้ว การมอบอำนาจใครก็ตามในกระบวนการพิจารณาระหว่างสืบพยาน โจทก์ผู้มอบอำนาจต้องมาให้สืบ ถ้าไม่มาสืบถือว่าตัวเองสละสิทธิ์ ถ้าสละสิทธิ์ก็ต้องยกฟ้องไปเลย ผมคิดว่ามาตรฐานตรงนี้ศาลต้องมี ไม่มีไม่ได้ และอีกอย่าง ใบมอบอำนาจมีลายเซ็นทักษิณจริง มันมอบได้ยังไง มันมอบสมัยไหน มันไม่ได้อยู่เมืองไทยมากี่ปีแล้ว 49 50 51 52 53 54 55 56 8 ปี และมอบอำนาจในต่างประเทศในข้อเท็จจริงใบมอบอำนาจจะต้องถูกต้องตามกฎหมายได้ ต้องให้กงสุลไทยหรือสถานทูตไทยรับรอง ถูกมั้ย ไม่มี มีแค่ลายเซ็นทักษิณ ผมก็หวังว่า ความเมตตาของศาล ผู้พิพากษา หรือว่าไม่ว่าจะเป็นศาลอาญา ศาลอาญานี่ตัวดี และศาลทุกจังหวัดจะต้องมีมาตรฐานตรงนี้ออกมา ต้องมีมาตรฐานครับ ถ้าคุณมอบอำนาจอยู่ต่างประเทศ มอบอำนาจคุณต้องมี คือกระบวนวิธีการมอบอำนาจต้องถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่บินไปที่ดูไบ และให้ทักษิณเซ็นมา

จินดารัตน์ - ถ้านอกราชอาณาจักรต้องมีประจักษ์พยาน

สนธิ - ต้องมีประจักษ์พยาน ต้องมีเจ้าหน้าที่สถานทูต ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย และบางที บางทีวิธีการเขา ไอ้ทักษิณเซ็นใบมอบมา เซ็นไว้ 500 ใบ มันนึกจะดึงใบไหนขึ้นมาใช้ก็ดึง

จินดารัตน์ - เกือบทุกคดีแหละค่ะ

สนธิ - ทุกคดีเป็นอย่างนี้จริงๆ และที่สำคัญที่สุดคือว่า ไอ้คนที่หนีศาล ศาลพิพากษาจำคุกแล้ว สิ้นสุดแล้ว หนีคดีคุณมีสิทธิ์ (โทษนะ) เหี้ยอะไรมาฟ้องเขา สิทธิความเป็นประชาชนของคุณหมดแล้ว เพราะคุณหนีคดี ขนาดหนีทหารยังไม่มีสิทธิ์เลย ไม่มีสิทธิ์ในสิทธิประชาชน คุณไม่มีสิทธิ์จะฟ้องเลย และที่ตลกก็คือว่า ทุกครั้งก็บอกว่า เวลาฟ้องบอกหมิ่นประมาท ทำให้เสียชื่อเสีย โทษนะขอพูดหยาบหน่อย วันนี้มึงมีชื่อเสียงอะไรเหลือ

จินดารัตน์ - ยังเหลืออยู่เหรอ

สนธิ - มึงยังเหลือเหรอ มึงหนีคดีไป มึงถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปี และมึงหนีคดีไป มึงยังมีชื่อเสียงอะไรเหลือ จริงๆ ศาลน่าจะเอาประเด็นนี้มาชี้ด้วยนะ ตามที่โจทก์อ้างว่า จำเลยทำให้โจทก์นั้นเสียชื่อเสียงนั้น ศาลพิเคราะห์แล้ว กรณีของโจทก์นั้นเป็นกรณีที่ชื่อเสียงโจทก์ไม่มีเหลืออยู่แล้ว เนื่องจากโจทก์หนีคดี คดีที่ศาลฎีกา ไม่ใช่ศาลต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาพิพากษาแล้ว และโจทก์หนีคดีไม่ยอมกลับมารับโทษ เพราะฉะนั้นแล้ว ชื่อเสียงโจทก์ที่ดีงามไม่มีเหลือ เพราะฉะนั้นมูลเหตุที่โจทก์อ้าง ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงนั้นจึงไม่มีฐาน พิจารณายกฟ้อง เข้าใจหรือยัง มันต้องอย่างนี้รู้ไหม ปัดโธ่

จินดารัตน์ - ดูคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์นี่ ท่านรอบคอบนะคะ ละเอียดรอบคอบ ดูประจักษ์พยานหลักฐานทุกอย่างก็มีคำพิพากษามายกฟ้อง แต่ก็ไม่รู้ว่า เขาจะฎีกาอีกหรือเปล่า

สนธิ - เขาต้องฎีกาครับ

จินดารัตน์ - ทีนี้มาพูดถึงทนายที่ทำงานอย่างหนักหน่วง

สนธิ - คุณสุวัตร

จินดารัตน์ - พี่สุวัตรวันนี้ได้ออกแถลงเรื่องคดี คุณเอกยุทธ อัญชันบุตร ถูกฆาตกรรมนะคะ ก็ปรากฏว่าหลายคนเป็นห่วง เป็นห่วงทนายสุวัตรมาก

สนธิ - คือ คุณสุวัตรจำเป็นจะต้องมาปกป้องตัวเอง เพราะว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง มากล่าวหาหาว่าคุณสุวัตร ทำมาหากินกับศพ เอาศพมาทำมาหากิน จริงๆ แล้ว สิ่งที่คุณสุวัตรพยายามสู้มาตั้งแต่ต้นนี่ คุณสุวัตรสู้มาตลอดว่า การพิจารณาการสอบสวนสืบสวนคดีนี้ไม่โปร่งใส ทุกจุด หลายเรื่อง และถูกยืนยันโดยคุณหมอพรทิพย์ ถูกยืนยันโดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน หลายประการ จนกระทั่งช่วงหลังตำรวจเริ่มออกอาการ เพราะตำรวจพยายามจะเร่งปิดคดี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ต้องการจะเร่งปิดคดี และพอคุณสุวัตรวันนั้น ผมจำได้ลงมาจากศาลกับผม ไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คุณสุวัตรก็ให้สัมภาษณ์บอกว่า วันนี้คุณสุวัตรหมดแล้วนะ เรื่องเอกยุทธ อัญชันบุตร เพราะว่าญาติเขาไม่มีความประสงค์ให้คุณสุวัตร เป็นทนายต่อ เพียงแต่คุณสุวัตร พูดต่อเท่านั้นเองว่า ได้ข่าวมาว่า นายสันติภาพ คือนายบอล ยืนยันว่า มันไม่ได้ยืนยันบอกว่า มีคนที่ร่วมฆ่า ไม่ใช่มัน เป็นคนอื่นฆ่า

จินดารัตน์ - เขาไม่ได้ลงมือฆ่า

สนธิ - เขาไม่ได้ลงมือฆ่าเท่านั้นเอง จากแค่นั้น เผอิญมาต่อเนื่องเรื่องกับ น.พ.นิรันดร์ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนได้ชี้แจงออกมาว่า คณะกรรมการสิทธิฯ เห็นว่า คดีนี้มีเงื่อนงำ จะต้องมีทีมมืออาชีพอีกทีมมาฆ่าเท่านั้นเอง ทำให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ซึ่งต้องการที่จะเร่งปิดคดีโดยด่วน ออกอาการแล้วหาว่า คุณสุวัตรมาทำมากินกับศพ คุณสุวัตรชี้แจงให้ฟังว่า เขาไม่ได้หากินกับศพ ผู้ช่วยทนายเขา คุณปุย คุณอัจฉรา ถูกนายบอลเรียกเข้าไปขอให้ไปพบที่คุก ก็ไปพบ นายบอลเป็นคนพูดเอง นายสันติภาพเป็นคนพูดเองว่า เขาไม่ได้คนฆ่ามีคนอื่นฆ่า เขาคือแพะรับบาป แต่เขาจำเป็นต้องให้การมา เมื่อนายสันติภาพพูดอย่างนี้ เราก็โยงกลับไปในช่วงแรก ที่เขาเอานายสันติภาพ หรือนายบอลเอามาแถลงข่าว เดินจูงมือกัน จำได้มั้ย เดินจูงมือกัน ก็คือว่าแอบตกลงกันว่า เฮ้ย มึงต้องพูดอย่างนี้ๆๆ คนที่ต้องสงสัยที่สุด คือคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง
คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ในชีวิต เกษียณอายุไป หรือแก่ตัวลงไป รับรองไม่มีความสุขเรื่องนี้ แน่นอนที่สุด เพราะว่าโดยธรรมชาติแล้ว ถ้าเราดูเหตุการณ์ ดูวิธีการ ดูคำให้การ ดูหลักฐานทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องเป็นตำรวจ ไม่จำเป็นต้องเป็นทนายความ ก็ต้องรู้ว่าเอกยุทธไม่ได้ถูกนายบอลฆ่า แต่นายบอลเป็นนายนกต่อ พาเอกยุทธไปขึ้นรถ แล้วคนที่ฆ่าเอกยุทธน่ะนั่งอยู่ในรถ แล้วก็ฆ่าเอกยุทธ โดยดูลักษณะศแล้ว น่าจะเป็นมืออาชีพ น่าจะเป็นทหารเรือที่ฝึกหน่วยใต้น้ำ

จินดารัตน์ - หน่วยซีลอะไรพวกนี้เหรอคะ

สนธิ - หน่วยซีล

จินดารัตน์ - ถามว่าแล้ววันนี้เราจะมีความหวังอะไรกับคดีนี้ได้คะ

สนธิ - แอนพูดผิด วันนี้เราจะมีความหวังอะไรกับตำรวจผู้รักษากฎหมายได้ อย่าพูดว่ากับคดีนี้ เดี๋ยวนี้ตำรวจเป็นอย่างนี้ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง ซึ่งได้รางวัลโบนัสไปเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จากการแต่งตั้งครั้งนี้ ก็ออกมาปกป้อง บอกว่ามีหลักฐานก็ส่งมาสิ มีหลักฐานก็ส่งมา ไม่ต้องส่ง เพราะว่าถ้าคุณดูด้วยสายตาที่เป็นตำรวจมืออาชีพแล้ว คุณก็รู้ว่างานนี้เป็นงานเป่าคดี แล้วพวกคุณนี่ล่ะเป็นคนฆ่า พวกคุณเป็นคนจัดฉาก แล้วคนฆ่าก็คือนายทหารเรือ ทหารเรือที่อยู่หน่วยซีล

จินดารัตน์ - แล้วเห็นบอกว่ามีรถนำ

สนธิ - มีรถตำรวจนำมาตลอดเลย พาศพไป ตำรวจมีส่วนร่วมในการฆ่าเอกยุทธ อัญชันบุตร ส่วนจะเป็นตำรวจกลุ่มไหนคนไห เดากันเอง คงเดากันออกแล้วนะ

จินดารัตน์ - สังคมมันอยู่มากเลยนะคะตอนนี้

สนธิ - ผมถึงบอกว่าเราต้องเกาะตัวกันเอง สังคมไทยมันชั่ว ตำรวจดีๆ หายาก อัยการดีๆ หาโคตรยาก

จินดารัตน์ - เขาบอกว่าเปรียบได้เหมือนผี เรารู้ว่ามีแต่เราไม่เคยเห็น เศร้าจริงๆ เพราะฉะนั้นเราต้องปกป้องประเทศกันอีกครั้งแล้วมั้งคะ หรือเปล่าคะคุณสนธิ เดี๋ยวพักกันก่อน ช่วงหน้าคงจะต้องกลับมาคุยกันเรื่องนี้ล่ะค่ะว่า เราจะนั่งดูให้ประเทศฉิบหายกันสักครั้งหนึ่ง ให้เจ็บปวดแล้วค่อยลุกขึ้นมาสู้ หรือว่าถ้ามีโอกาสสู้แล้ว คุณไม่สู้ แล้วจะยังไง

สนธิ - เดี๋ยวก่อน อาทิตย์ที่แล้วเราพูดถึงเครื่องทำน้ำด่างนะ ที่เราบอกน่ะ หมดแล้ว

จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ วันแม่ขายถล่มทลายเลย

สนธิ - วันแม่ขายไม่มีเหลือเลย

จินดารัตน์ - เครื่องที่มาจ่ายตังค์ปุ๊บ หิ้วเครื่องไปได้เลย หมดแล้วนะคะ เพราะฉะนั้นคนที่สั่งนับจากเดือนนี้ไป

สนธิ - วันนี้ เฉพาะจากวันนี้เป็นต้นไป ถ้าใครสั่งเดี๋ยวนี้ เราสั่งล็อตใหม่มาเรียบร้อยแล้ว ได้ไม่เกินวันที่ 15 เดือนหน้า เบ็ดเสร็จไม่เกิน 30 วัน แล้วจำนวนสั่งมามีจำนวนจำกัดนะ รีบทันที เพราะว่าเดี๋ยวหมดอีก เพราะเราจะไม่สั่งมาเยอะ เพราะเราไม่ค่อยมีเงิน ถ้าสั่งมาเยอะแล้วขายไม่หมด เราแย่ พนักงานไม่มีเงินเดือนจ่าย เพราะฉะนั้นแล้วเราจะสั่งพอดีๆ ถ้าใครต้องการ ขอให้จองได้เลยที่ ASTV หรือที่คอลเซ็นเตอร์ ไม่เกินวันที่ 15 กลางเดือนหน้า ใช้เกียรติรับประกันว่าได้แน่นอน

จินดารัตน์ - พักกันก่อนนะคะ ช่วงหน้ากลับมามีหลายเรื่องที่จะต้องคุยกัน เรื่องทางออกของประเทศ กับพรรคประชาธิปัตย์ เรื่องของการบินไทย ขาดทุนย่อยยับ เรื่องของสถานการณ์ในอียิปต์ น่าสนใจมาก สักครู่ค่ะ

ช่วงที่ 2

จินดารัตน์ - กลับมาอีกช่วงหนึ่งคุยทุกเรื่องกับสนธิ คุณเติมศักดิ์

เติมศักดิ์ - สวัสดีครับ

จินดารัตน์ - วันนี้ข่าวเยอะนะคะ วันไหนข่าวเข้มข้นเขาจะอารมณ์ดีมากคะคุณสนธิ เขามีเรื่องมาเล่า

สนธิ - เป็นคนโรคจิต อะไรที่บ้านเมืองวุ่นๆ เติมศักดิ์จะมีความสุขโดยการเล่าถ่ายทอด ถ้าอะไรธรรมดาจะหงุดหงิดมาก

เติมศักดิ์ - ถ้าบ้านเมืองเงียบๆ นะ

จินดารัตน์ - เลยกลายมาเป็นความเคยชิน

เติมศักดิ์ - แต่ไม่ใช่พวกเสพติดอาหารนะ ไม่ใช่เกือบๆ ล่ะ

จินดารัตน์ - งั้นเดียวก่อนที่จะไปถึงเรื่องวิกฤตของชาติ อันนี้ก็ถือเป็นวิกฤตอีกวิกฤตหนึ่งแห่งชาติ ควอเตอร์ที่ 2 เขาประมูลแล้วขาดทุน 2.4 พันล้าน

สนธิ - ควอเตอร์ที่ 2 คือ เมษายน พฤษภาคม มิถุนายน การขาดทุนนี้คุณสรจักรให้เหตุผลว่า ข้อแรกเป็นเพราะว่า ไอ้ค่าเงินพันแปร ทำให้ขาดทุน 3,000 ล้าน เงินยูโรเงินเยน การบินไทยเวลาขายตั๋วธุรกิจต่างๆ สมมุติว่าอยู่ในจีนเขาก็ขายตั๋วเป็นเงินจีน ก็เก็บเงินไว้ที่นั่น อันที่ 2 คือต้องรับเครื่องบินมาเยอะ ปีนี้ต้องรับมาทั้งหมด 18 ลำ นี้รับมาแล้ว 7 ลำ การรับเครื่องบินเยอะ เพราะว่าอาจเป็นมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น หรือว่าก็แปลได้หลายอย่าง อันที่ 3 คือมีเครื่องบินที่มันใช้แล้วไม่คุมใช้แล้วขาดทุน 7 ลำ แล้วก็อันสุดท้ายคือคาร์โก้ ราคาตกขาดทุน 1,500 เหตุผลที่ขาดทุน เพราะเวลาส่งของออกไปมีของแต่ขากลับว่างไม่มี สิ่งที่ผมอยากจะให้เหตุผลพูดถึง 2 ประเด็นคือ สิ่งที่คุณสรจักรพูดคือความล้มเหลวของคุณสรจักรหมดทุกเรื่อง ยกเว้นข้อ 1 ที่เครื่องบินสั่งเขาไม่ได้สั่ง สั่งมา 2-3 ปี เพิ่งจะมา ถ้าหากเขาเป็นผู้บริหารที่เป็นถ้ารู้ว่าเครื่องบินจะมา 7 ลำ เขาต้องรับ 8 ลำแล้วจะมาอีก 9-10 ลำ เขาต้องเตรียมการให้พร้อม ต้องหาทางที่จะเปิดรูท หรือไม่ก็หาทางที่ก็ขายเครื่องบินเก่าไป อันนี้เขาพลาด อันนี้เขาเอามาอ้างไม่ได้ อันที่ 2 เรื่อง ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนก็ความผิดของเขาเองก็เขารู้อยู่แล้วว่า การบินไทยรายได้กว่าครึ่งเป็นรายได้ต่างประเทศ เขาต้องรู้เงินมันผันผวนยังไงเขาต้องจัดการให้เป็น ถูกไหม อ้างไม่ได้ว่าขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน เขารู้อยู่แล้วว่าเงินยูโรมันตก เมื่อมันตกแล้วต้องแลกเป็นเงินยูโรต้องเอาไปเป็นเงินอะไรก็ตามที่มันแข็งขึ้นนี้คือ การเลือกอัตราแลกเปลี่ยน เงินหยวนแข็งขึ้น ใช่ไหม สมมุติว่าเงินหยวนแข็งขึ้นอยู่เรื่อยๆเพราะฉะนั้นแล้ว เขาต้องเอาเงินยูโรมาคอนเวิร์สเป็นเงินหยวนทันที อันนี้ผมยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ นี่คือข้อบกพร่องเขาเองว่า ตัวเขาทำงานไม่เป็น

อันที่ 3.เครื่องบินที่จอดทิ้งไว้ 7 ลำ เขาก็รู้อยู่แล้วว่า จอดทิ้งไว้ เขาบอกบินแล้วขาดทุน แล้วทำไมคุณไม่ขายทิ้ง บางครั้งการขายขาดทุนมันก็จำเป็นต้องขาย เพราะคุณทิ้งไว้เฉยๆ ไม่ได้ และก็เครื่องบินมันเหมือนกับเครื่องจักรมันมีค่าเสื่อม ค่าเสื่อมมันจะเพิ่มไปแต่ละปี เพิ่มไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น 3,000 กว่าล้าน ที่เขาพูดถึงคือ จริงอยู่มันเป็นขาดทุนบัญชี แต่ว่าการขาดทุนที่ไม่ได้ใช้เครื่อง เครื่องบินนี่มันเหมือนอะไร เครื่องบินมันเหมือนรถแท็กซี่ คุณมีอยู่ 3 คัน คุณจอดทิ้งไว้ คุณก็เจ๊ง เพราะคุณไม่มีรายได้ถูกไม่ถูก แท็กซี่มันต้องวิ่งหาผู้โดยสาร เครื่องบินถ้ามันบินขาดทุนเพราะว่า เครื่องมันไม่เหมาะ บินเท่าไหร่คนเต็ม ซึ่งประเดี๋ยวเราจะพูด คนนั่งเต็มเครื่องก็ยังขาดทุนก็ต้องขายทิ้ง โทษนะ เก็บไว้ทำห่าอะไร อันนี้คือไม่มีเหตุผล คาร์โก คาร์โกส่งออก แต่ไม่มีสินค้านำเข้าแปลว่าอะไร แปลว่าฝ่ายการตลาดคาร์โกต้องไล่ออก ถูกไม่ถูก เพราะว่าการซึ่งคุณมีสินค้าที่คุณเขาจองเป็นล่วงหน้าไว้แล้วว่า 3 เดือนข้างหน้า 4 เดือนข้างหน้า ของคุณไฟลท์นี้จะมีว่างเท่านี้ ขาเข้ามาคุณข้อแรกคุณต้องหาก่อน คุณต้องให้ไฟลท์ที่จะไปประเทศนั้น ถ้าต้องไปตัดราคาก็ต้องตัดราคา เพื่อให้มันใส่เข้ามาได้
เพราะฉะนั้นแล้ว เป็นข้อบกพร่องของฝ่ายบริหารหมดเลยก็คือ คุณสรจักร แล้วคุณสรจักรเข้ามาด้วยการเมือง คนหนุนหลังคุณสรจักรคือ คุณสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ใช้เส้นคุณสุรเกียรติ์ คุณสุรเกียรติ์ก็คงจะติดต่อวิ่งเต้นให้กับความสนิทสนทคือ ช่วงหลังกลับไปคุยกับคุณทักษิณใหม่

เติมศักดิ์ - กลับไปอีกแล้ว

สนธิ - ก็คงจะเอาคุณสรจักรมา เพราะฉะนั้นแล้วงานนี้ตำหนิใครไม่ได้ ก็ต้องตำหนิบอร์ดอีกเหมือนกัน บอร์ดมาหงุดหงิดมาโน้นนี่นั่น ก็คุณเป็นคนตั้งเขามาเอง คุณตั้งคนที่มาจากสายการเมือง และทำงานไม่เป็นมา แล้วคุณมาบ่นอะไร แต่วันนี้ที่ผมอยากจะพูด เติม ผมอยากจะพูดไอ้เครื่องบิน 7 ลำ ใน 7 ลำนี่มีอยู่ 4 ลำ คือแอร์บัส 340-500

จินดารัตน์ - ที่จอดทิ้งไว้นี่หรอคะ

สนธิ - ที่จอดทิ้งไว้ แต่ก่อนผมจะพูดเรื่องนี้ให้ไปดูปี 2548 ว่ายังไงบ้างไปดูเลย เติมยังไม่เห็นใช่ไหม

เติมศักดิ์ - ยังครับ

***********************VTR********************

สนธิ - ว่าไงแอน เติมศักดิ์

เติมศักดิ์ - เจ๊ง

สนธิ - วันนี้เป็นวันเช็กบิลวันสุดท้าย ผมพูดเมื่อปี 2548 กลับมาถึงสู่จุดเดิมเติม แอน ผมไม่ได้เป็นพ่อหมอหรอก แต่คนเราเนี้ยะ ถ้าเอาใจเป็นกลางไม่เข้าข้างใคร เอาข้อมูลตัวเลข เอาเหตุเอาผล ฟังสิ่้งแวดล้อมดีๆ แล้วประมวลเหตุการณ์ทั้งหมด ก็พอจะฟันธงได้ว่า อันนี้ใช่ อันนี้ไม่ใช่ อันนี้ควรจะเป็นอย่างนี้ อันนี้ไม่ใช่อย่างนี้

คลิก! อ่านต่อ


กำลังโหลดความคิดเห็น