"สนธิ" หนุนข้อความ "ชัย ราชวัตร" สะท้อนความรู้สึกคนไทย ซัดเสื้อแดงล้อมศาลสุดบัดซบแสดงว่าไม่ยอมรับกติกาในระบอบประชาธิปไตย พร้อมเตือนรัฐบาลอย่าประมาท แม้พธม.ไม่เคลื่อนแต่พร้อมเข้าร่วมกลุ่มอื่น แต่ย้ำประชาชนทำได้แค่เปลี่ยนขั้ว ต้องทหารเท่านั้นถึงจะเปลี่ยนแปลงประเทศได้
วันที่ 3 พ.ค. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ว่า สิ่งที่ ชัย ราชวัตร พูดไม่ได้เกินเลยความจริง เพราะการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปพูดจาที่มองโกเลีย ตนคิดว่าประการแรกไม่ใช่ความคิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่มีคนเขียนให้ แล้วก็ถือโอกาสใช้เวทีที่มองโกเลีย ในการเอาโลกมาล้อมประเทศไทย ชัย ราชวัตร ได้สะท้อนความรู้สึกที่คนไทยมีต่อเรื่องนี้ ตนคิดว่าทุกวันนี้คนไทยรับไม่ได้แล้วกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเอะอะอะไร ไม่พอใจใครก็ไปใช้พวกเสื้อแดง มาไล่มาข่มขู่ แต่กลับไปพูดให้ร้ายประเทศ พูดโกหก ไม่ยอมพูดเรื่องความชั่วของตระกูลตัวเอง พูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้กับคนอื่น
นายสนธิ กล่าวต่อว่า แม้กระทั่งโสเภณียังมีเงื่อนไข ขายตัวแต่ไม่ขายวิตถาร ยังมีข้อจำกัดในวิชาชีพ แต่การเอาตัวเองไปอธิบายเรื่องของประเทศไทยให้ต่างชาติฟัง โดยไม่พูดความประพฤติของตระกูลตัวเองที่ทำไว้กับประเทศ นี่คืออุทาหรณ์ว่าถ้ามีครอบครัว แล้วมีอำนาจอย่าทำอย่างนี้
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวถึงการใช้เสื้อแดงปิดล้อมศาล ว่า ทุเรศบัดซบสุดๆ แสดงว่าไม่ยอมรับกติกาในระบอบประชาธิปไตย ทั้งๆที่ชูหน้ากากประชาธิปไตยตลอดเวลา ถ้าศาลพิพากษาเข้าทางตัวเอง ก็ขอบคุณศาลว่ายุติธรรม แต่พอไม่ได้เป็นไปตามต้องการก็สวนทันที นี่มันไม่ใช่การเมืองระบอบประชาธิปไตย แต่มันเป็นระบอบกุ๊ยและอันธพาล และดูหน้าตาแต่ละคนที่ไปล้อม ตลอดจนที่ไปประท้วงหน้าไทยรัฐ เข้าใจประชาธิปไตยแค่ไหน ถึงบอกว่าถ้าทักษิณกลับมางวดนี้ ขี่ควายแดงกลับมา คนระดับล่างที่ถูกหลอกให้สู้ เป็นคนที่น่าสมเพชที่สุด เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น พวกนี้ที่โดน แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังอยู่เมืองนอกได้สบาย ๆ
แล้วงานนี้มันกระทบหลายฝ่าย เพราะว่ามันรู้อยู่แล้วว่าศาลทำงานภายใต้พระปราภิไธย การที่จะล้อมศาลแล้วจะจับตุลาการทั้ง 9 คน ลืมนึกไปหรือว่าตุลาการทุกคนกว่าที่จะได้เป็นศาลรัฐธรรมนูญ หรือกว่าจะได้เป็นผู้พิพากษาระดับสูงต้องผ่านการโปรดเกล้าฯทุกคน แล้วผู้พิพากษาศาลฎีกาเมื่อได้รับการแต่งตั้งต้องเข้าเฝ้าโปรดเกล้าฯ แล้วพระองค์ท่านก็จะให้โอวาส และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็มาจากพวกศาลฎีกาทั้งนั้น คือคนที่ได้รับการโปรดเกล้าฯทั้งนั้น ทุกวันนี้เราขึ้นศาลจะเห็นรูปพระเจ้าอยู่หัวอยู่บนบัลลังก์ แล้วที่เสื้อแดงทำแบบนี้แปลว่าอะไร คือคนมันถ้ามันมีความรู้สึกว่าเคารพในสิ่งที่ควรจะเคารพบูชามันจะไม่ทำเช่นนี้
ต่อข้อถามที่ว่ารัฐบาลอาจมีเรื่องแตกหักภายในกลางปีหรือสิ้นปีนี้เลยหรือไม่ นายสนธิ กล่าวว่า ตอนนี้มันร้อนมาก แม้ว่าพันธมิตรฯยังไม่ออก แต่ก็มีคนอีกฝ่ายหนึ่งที่ต้องการจะรวมตัวกัน และการที่เสื้อแดงที่ขับเคลื่อนมาที่ตัวตุลาการ มันจะต้องจบลงอย่างใดอย่างหนึ่ง คือถ้าชุมนุมแล้วสลายตัวก็ไม่ได้แก้ปัญหาให้ทักษิณ แล้วมันก็มีระเบิดเวลาอีกเยอะ ทั้งเรื่องการจะรีบปลดผู้ว่าแบงก์ชาติ ซึ่งถ้าทำจริง นายประสาร ก็คงร้องศาลปกครอง แล้วการประมูลแผนบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน ก็โกงอีกล็อตหนึ่ง เพราะทีโออาร์เขียนแบบอุบาทว์ ทีมไทยเข้าประมูลไม่ได้เพราะตั้งเงื่อนไขมันไว้สูงมาก แต่ทำเพื่อให้จีนกับเกาหลีเข้ามา จะได้แบ่งเค้กกัน ด้วยวิธีตั้งบริษัทที่ปรึกษาขึ้นมา แล้วกินผ่านทางการจ้างบริษัทที่ปรึกษานี้ แล้วเหตุที่ไจก้าถอนตัว ก็เพราะมองว่าการแก้ปัญหาน้ำใช้งบไม่เกิน 75,000 ล้าน แต่พวกนี้บอกต้องใช้ 3.5 แสนล้าน นอกจากนี้ยังให้เอกชนเวนคืนที่ดินซึ่งพวกมันกันเองที่ไปซื้อที่ดินดักไว้แล้ว รอรับเงินเวรคืน นี่คือการโกงแบบหน้าด้านๆ
เมื่อถามว่าทำไมพันธมิตรฯยังไม่เคลื่อน นายสนธิ กล่าวตอบว่า 8 ปีที่สู้มา ผ่านความเป็นความตายมากี่ครั้ง โดนหลอกมาแล้วกี่ครั้ง โดนทรยศหักหลังมาแล้วกี่ครั้ง ตนขอถามว่าคุณเป่าอีก 10 นกหวีด เปลี่ยนแปลงได้ไหม คนที่เปลี่ยนแปลงได้คือทหาร ไม่ใช่เรา จะเปลี่ยนได้แค่ผู้มาใช้อำนาจแต่เปลี่ยนประเทศไม่ได้
ถ้าเป็นพันธมิตรฯพันธุ์แท้จะเข้าใจคำพูดตน และจะเห็นด้วยเลยว่าออกทำไม ออกไปเพื่ออะไร ออกไปเพื่อให้มันเสียบหรือ แล้วแกนนำก็สงสารมวลชน ซึ่งพันธมิตรฯแต่ละคนไม่เถื่อนแบบเสื้อแดง ที่สั่งให้ไปล้อมไปจับใครก็ได้ ส่วนพวกฮาร์ดคอร์ที่ต้องการให้ออก ก็ต้องไปดูเงื่อนไขศาล เวลาติดคุกแกนนำติด แล้วถ้าโดนจำคุกหมดจะเหลือใคร เพราะฉะนั้นขณะนี้ไม่มีอะไรดีกว่าการให้ปัญญาคน
"แต่อย่าประมาท ถ้าคุณรุกประเทศไทยมากจนกระทั่งทนไม่ไหว บางทีอาจจะมีคนที่เขาบ้าเลือดขึ้นมา แล้วเขาลุกขึ้นมา ถ้าวันนั้นมาผมก็ร่วมกับเขา แต่ผมจะไม่เข้าไปร่วมเป็นองค์กรอะไรทั้งสิ้น ผมจะลุกขึ้นมาเลยบอกว่า พันธมิตรฯ น่าจะไปช่วยเขา แล้วงานนี้เราไปช่วย แล้วผมก็เข้าร่วมด้วย แต่ผมอาจจะไม่ขึ้นเวที ผมไปในรูปแบบของสัญลักษณ์" นายสนธิ ระบุ
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า แต่ทั้งนี้ตนยังมีความยึดถือยึดมั่นว่าประชาชนจะเปลี่ยนแปลงประเทศไม่ได้ นี้จะเปลี่ยนได้เฉพาะทหาร เมื่อทหารเข้าใจปัญหาประเทศ แต่ทหารจะไม่เปลี่ยนก็เพราะรับสินบนจากการเมือง ถ้าเป็นเช่นนั้นถามว่า แล้วจะให้ตนทำอย่างไร
การจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารอาจจะมีอีกก็ได้ ซึ่งมันก็ไม่มีทางเลือกที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องเป็นแกนนำอีก ซึ่งเมื่อเป็นอย่างนั้นอย่าทำเลย ปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มันมาให้สุดซอย ให้คนไทยเรียนรู้ความเจ็บปวด คนไทยไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา การที่ตนนิ่งไม่ใช่ดูดาย เพราะถ้าดูดายคงไม่ออกมาจัดรายการ มีหลายคนพยายามบอกว่าถ้าเราออกแล้วทหารจะออก ทหารยุคนี้ไม่ออกหรอก เพราะมันรับเงินนักการเมือง
คำต่อคำ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ศุกร์ที่ 3 พ.ค. 2556
รายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ออกอากาศทางเอเอสทีวี วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม 2556 เวลา 20.00-22.40 น.ดำเนินรายการโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ และ นายเติมศักดิ์ จารุปราณ ร่วมดำเนินรายการ
จินดารัตน์ - สวัสดีค่ะคุณผู้ชม ขอต้อนรับคุณผู้ชมเข้าสู่รายการคุยทุกเรื่องกับสนธินะคะ เรามาทักทายเจ้าของรายการกันดีกว่าค่ะ คุณสนธิคะ สวัสดีค่ะ
สนธิ - สวัสดีครับคุณแอน
จินดารัตน์ - เมื่อสักครู่แอนอ่าน 100 คำสอนของสมเด็จญาณ ...
สนธิ - ผมบอกว่าจริงๆ คติธรรมนี้เหมาะกับคนที่กำลังทำชั่วอยู่ หรือคิดอะไรที่ทำไม่ดีกับชาติบ้านเมือง ผมว่าคติธรรมนี้เหมาะกับทักษิณ ชินวัตร และเหมาะกับพวกยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เหมาะกับคนที่อยู่ในพรรคเพื่อไทย เพราะว่าชัดเจน ผมไม่เข้าใจคนพวกนี้ คนพวกนี้ไม่เข้าใจหลักอนิจจังเลยแม้แต่นิดเดียว ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่อยู่คงที่ จะต้องเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มียศ เสื่อมยศ มีลาภ เสื่อมลาภ คนพวกนี้ไม่เคยเข้าใจ คนพวกนี้คิดว่าตัวเองอมตะ แม้กระทั่งคนอย่างทักษิณ วันนี้มัวเมา ลุ่มหลง กิเลสเต็มตัว อยากจะกลับมาล้างแค้น อยากจะกลับมามีอำนาจจะหนีไปพ้นได้ หนีไม่พ้นได้คือความแก่ความตายใช่ไหม แต่คนโดยมากพากันประมาท เหมือนอย่างว่าไม่แก่ ไม่ตาย ทักษิณนี่มัน 63 มั้ง 64 อายุน้อยกว่าผม 2 ปี ผมปีนี้ย่าง 66 และ ผมเองยังยอมรับว่า ผมแก่เลย และผมก็คิดว่า ผมพร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ เพราะว่าความตายมันบอกไม่ได้ว่าจะมาเมื่อไร เพราะฉะนั้นเราต้องเตรียมตัวตาย สิ่งหนึ่งที่เราต้องเตรียมตัวตายให้ดีที่สุดก็คือ เราต้องมีสติ เมื่อมีสติแล้วพร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ สิ่งต่อไปที่เราต้องทำคือว่า คิดดีทำดี สมมุติว่าเราไม่ค่อยได้ทำความดีอะไรมา นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะทำความดีได้ ผมถึงบอกว่า คนอย่างทักษิณ ชินวัตร ถ้าจะตายจะตายอย่างทุรนทุราย และผมก็เห็นมามากแอนเอ้ย ไอ้คนที่มีอำนาจยิ่งใหญ่มหึมา มโหฬาฬ รุ่น 5 พล.อ.สุจินดา คราประยูร พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ คนโน้นคนนี่ผมมีความรู้สึกว่า วันนี้เขาหมดอำนาจ หรือวันที่เขาตายไปเป็นวันที่น่าสงสารที่สุด เพราะเขาไม่รู้จักตัวเขาเองเลย รวมทั้งไอ้บรรดานักการเมืองปากเสียทั้งหลาย นักการเมืองที่คิดร้ายต่อชาติบ้านเมืองเหมือนกัน เมื่อกี้แอนอ่าน อ่านคติธรรมของสมเด็จญาณ ผมต้องพูดต่อไป ก่อความเดือนร้อนให้แก่กันและกัน ต่างต้องเผชิญทุกข์ เพราะกรรมที่ต่างก่อให้กันและกันด้วย ฉะนั้นน่าจะนึกถึงความแก่ความตายกันบ้าง เพื่อที่จะได้ลดความมัวเมา และทำความดีกัน
จินดารัตน์ - คือพวกนี้ เขายังไม่เคยคิดว่าความตายจะมาเยือน ในวันข้างหน้า
สนธิ - คิดแต่ผลประโยชน์ คิดแต่เงินทอง คือคนพวกนี้ ผมคิดคิดว่าเป็นคนที่น่าสมเพช ผมไม่สงสารนะ น่าสมเพชมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักการเมืองที่รู้แต่อำนาจ และต้องการใช้อำนาจ และต้องการเอาอำนาจต่างๆมาแสวงหาผลประโยชน์ ผมไม่รู้ว่ามันจะขวนขวาย โกงบ้านโกงเมืองไปเยอะแยะทำไม ข้อเท็จจริงคือมันตายมันก็เอาไปไม่ได้ มันก็รู้อยู่แล้ว หรือมันจะทิ้งไว้ให้ลูกหลานมัน ผมยังไม่เคยเห็นลูกหลานนักการเมืองขี้โกงคนไหน ที่มีชีวิตอยู่อย่างปกติสุขได้ เหมือนที่ผมเคยพูดตลอดเวลาว่า ไอ้คนเล่นหุ้นผมยังไม่เคยเจอใครรวยสักคนเลยนะ อาจจะรวยตอนนี้ แต่ในที่สุดแล้วก็ต้องเจ๊งเหมือนกัน คนที่ทำความชั่ว หรือสิ่งที่ได้มา ได้มาอย่างไม่ถูกต้อง จะส่งต่อให้ลูก ลูกใช้ไปก็ฉิบหายหมดเหมือนกัน หรือว่าใช้ไปมันก็ตกเป็นเวรเป็นกรรมกับหลาน มันต้องมีอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอนจำไว้นะ อะไรที่เอาไปจากแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์มาก มันจะโดน 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน สาปแช่ง นรกมีจริง สวรรค์มีจริง ขอให้เชื่อเพราะว่าผมเชื่อพ่อแม่ครูอาจารย์ผม หลวงตามหาบัวบอกผม บอกทุกๆคนที่เป็นลูกศิษย์ ขอให้เชื่อพระพุทธเจ้า ว่าพระพุทธเจ้ามีจริง และขอให้เชื่อว่านรกมีจริงและสวรรค์มีจริง
จินดารัตน์ - ได้ยินข่าวแว่วๆมาว่า มีครอบครัวหนึ่งพ่อรวยล้นฟ้าแต่เป็นนักโทษหนีคดี ส่วนแม่ต้องนั่งรอลูกทุกวันรอว่าลูกชายจะกลับมาในสภาพไหน
สนธิ - เพราะติดยา
จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ ก่อนที่จะไปถึงคนที่ลุแก่อำนาจหรือไม่รู้เพราะโง่หรืออะไรก็แล้วแต่แอนขออนุญาตนะคะ มีข่าวฝากมาจากเจ้าหน้าที่ส่งเครื่องทำน้ำด่าง สำหรับพ่อแม่พี่น้องที่สั่งมา เดิมทีจะได้เครื่องวันที่ 3 พฤษภาคม ขอเลื่อนการส่งไปเป็นวันที่ 8 พฤษภาคม นะคะ เพราะว่าติดปัญหาการจัดส่งสินค้ากับทางจีนนิดหน่อย ก็เลื่อนไป 4-5 วัน ส่วนพระตอนนี้พี่น้องต่างจังหวัด เราทยอยส่งให้แล้ว ส่งไปแล้วก็คือที่เชียงใหม่ ลำปาง พิษณุโลก นครนายก สมุทรปราการ หาดใหญ่ ปทุมธานี นครสวรรค์ อุดรธานี มหาสารคาม จะจัดส่งในวันพรุ่งนี้มีสุโขทัย กระบี่ น่าน และกาญจนบุรี ส่วนพี่น้องที่เชียงใหม่ และลำพูน ที่เราส่งไป ให้ไปรับพระได้ที่ร้านฟ้าประทานพร ตลาดคำเที่ยง จ.เชียงใหม่ โดยติดต่อรับที่ลุงอ้อย พงศ์วิชญ์ หมายเลขโทรศัพท์ 081-9607916 พร้อมกับนำเอกสารไปรับด้วย ส่วนที่ จ.ลำปาง ไปรับที่เอเอสทีวีช็อป ติดต่อป้าเนียร 086-9124955 ส่วนที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ติดต่อคุณนิตินันท์ บุญญธรวรเมศ อยู่เยื้องกับไต้ซือฮี้หมูกระทะ หมายเลขโทรศัพท์ 081-5998342 ส่วนนครสวรรค์ในเขต อ.เมือง ไปรับพระได้ที่เอเอสทีวีช็อป ตรงข้ามปั๊ม ปตท. ถ.สวรรค์วิถี หลังตลาดบ่อนไก่ หมายเลขโทรศัพท์ของคุณบงกช 085-5326120 ส่วนพี่น้องที่ จ.พิษณุโลก ในเขต อ.เมือง ก็ไปรับพระได้ที่ร้านวิโรจน์การแว่น ติดต่อคุณจักร 053-303252 พร้อมเอกสารการรับพระไปด้วยนะคะ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วค่ะคุณสนธิ เรื่องเครื่องวัดค่าความเป็นกรดด่างที่อาจารย์ปานเทพมาบอกเล่าสู่กันฟัง ปรากฏว่าตอนนี้เครื่องบริษัทที่เขานำเข้ามาหมดเลย หมดเกลี้ยง เพราะฉะนั้นพี่น้องที่อยากจะได้เครื่องวัดนี้ รอนิดนึง ถ้าเครื่องเขาส่งนำเข้ามาเมื่อไรเราจะแจ้ง และค่อยโทรศัพท์มาสั่งจองกันอีกทีนึง ล็อตแรกนี่หมดไปแล้ว เพราะหลายคนอยากได้ บอกเออพอไปวัดน้ำปัสสาวะได้อะไรได้ เขาบอกว่ามีคนป่วยอยู่ที่บ้านก็สนใจเอาไปใช้
ทีนี้เรามาเรื่องผู้หญิงคนหนึ่ง กับกรณีคุณชัย ราชวัตร วันนี้เป็นเรื่องเป็นราวเลยนะคะ หลังจากที่คนเสื้อแดงไปชุมนุมกันอยู่ที่หน้าไทยรัฐ เพื่อไปให้จัดการกับคุณชัย ราชวัตร เขียนบนหน้าเฟซบุ๊กตัวเอง เดี๋ยวแอนอ่านให้พี่น้องบางคนฟังนิดนึงนะคะ คุณชัย ราชวัตร โพสต์ข้อความบนหน้าเฟซบุ๊กตัวเองอย่างนี้ว่า โปรดเข้าใจกระหรี่ไม่ใช่หญิงคนชั่ว กระหรี่แค่เร่ขายตัว แต่หญิงคนชั่วที่เร่ขายชาติ เลยเป็นเรื่องเป็นราวว่า วันนี้มีผู้นำหญิงคนหนึ่ง ส่งฝ่ายกฎหมายไปแจ้งความในข้อหาหมิ่นประมาทกับ คุณชัย ราชวัตร
สนธิ - จำชื่อฝ่ายกฎหมายมันไม่ได้ แต่ว่าผมมองอย่างนี้แอน คือส่วนตัวผมรู้จักคุณชัยเขามานานแล้ว เป็นคนมีอุดมการณ์ และยืนหยัด เป็นคนที่ซื้อไม่ได้ เป็นการ์ตูนนิสต์เพียงไม่กี่คนในประเทศไทย นอกเหนือจากการ์ตูนนิสต์ของเครือของเรา บัญชา คามินแล้ว คุณชัยเป็นคนที่ซื้อไม่ได้ ไม่เหมือนการ์ตูนนิสต์ ของหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นตอนนี้หลายๆ ฉบับ ซื้อได้ เปลี่ยนไปจากเคยแสดงออกในหลักการ แสดงออกในความเป็นธรรม ความยุติธรรมโดยผ่านการ์ตูน ประชดประชันคนทำชั่ว เดี๋ยวนี้ไม่ แล้วสังเกตอย่าง นักการ์ตูนซึ่งเปลี่ยนไป แล้วพยายามยืนอยู่ข้างของฝ่ายทักษิณ ชินวัตร แอนดูให้ดีๆไม่มีมุก มุกมันฝืดมาก ไม่เหมือนกับการ์ตูนของบัญชา คามิน ซึ่งส่วนตัวผมถือว่าเป็นสุดยอดการ์ตูนทางการเมืองของประเทศไทย หรือแม้กระทั่งการ์ตูนของคุณชัย ราชวัตร คุณชัย แกเขียนลงในเฟซบุ๊กแกสุดท้าย บอกว่าแกไม่มีวันเปลี่ยนอุดมการณ์ ถ้าเปลี่ยนอุดมการณ์ให้เรียกแกว่า ไอ้ชัยสันดานธาริต คนเรามันก็แปลกนะ พอใช้คำว่าสันดานธาริตเดี๋ยวนี้แทบไม่ต้องถามเลยว่า ทำไมถึงสันดานธาริต คือคนไม่มีอุดมการณ์เลยแม้แต่นิดเดียว ผมว่าชัย ราชวัตร เขาก็แสดงออกในความเห็นส่วนตัวของเขาในหน้าเฟซของเขา เป็นสิทธิที่เขาอยากจะแสดงออกอะไร
ในขณะเดียวกันสิ่งที่ชัย ราชวัตร พูดก็ไม่ได้เกินเลยความจริง เพราะการที่คุณยิ่งลักษณ์ไปพูดจาที่มองโกเลียผมคิดว่าประการแรกไม่ใช่ความคิดของคุณยิ่งลักษณ์ที่จะพูดอย่างนั้น มีคนเขียนให้ แล้วก็ถือโอกาสใช้เวทีที่มองโกเลีย เป็นเหมือนกับการเอาโลกมาล้อมประเทศไทย ซึ่งประเดี๋ยวเบรก 2 คุณเติมศักดิ์มาผมจะอธิบายภาพรวมให้ทราบ แต่โดยธรรมชาติแล้ว ยิ่งลักษณ์เป็นคนซึ่งผมคิดว่า พูดจาคนบอกว่าไม่อยู่กับร่องกับรอย ผมไม่คิดว่าคำว่าไม่อยู่กับร่องกับรอยเป็นคำพูดที่ถูกต้อง ผมว่ายิ่งลักษณ์เป็นคนที่ไม่มีสติปัญญา หรืออีกนัยหนึ่ง ถ้าจะเรียกว่าโง่ก็ไม่ผิด เป็นคนซึ่งไม่มีสติปัญญา เป็นคนซึ่งถึงแม้ว่าจะเรียนถึงระดับปริญญาโทแต่ว่าความเข้าใจในข้อเท็จจริง ในสถานการณ์ ไม่รู้เรื่อง คือคนใดก็ตามที่เรียกอำเภอหาดใหญ่ ว่าจังหวัดหาดใหญ่ หรือเรียกเมืองซิดนีย์ ว่าประเทศซิดนีย์ หรือคิดว่าสิงห์บุรีอยู่ริมทะเล สามารถเอาหินไปถมทะเลได้ หรือเรียกพฤศจิกายน เป็นพฤศจิกาคม คือผมคิดว่า 3-4 อย่างนี้ หญ้าแพรก-หญ้าแฝกยังพอรับกันได้ คอ-นก-รีต เขาไม่ใจว่าคอนกรีต ไปเรียกว่าคอ-นก-รีต ประเทศซิดนีย์ จังหวัดหาดใหญ่ เรือดำน้ำ ทั้งหมดนี้อย่าไปคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก เพราะมันสะท้อนถึงสติปัญญาของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งถ้าจะพูดจริงๆ แล้ว เป็นคนป้ำๆ เป๋อๆ หรือเป็นคนโง่ สุดแล้วแต่ แล้วยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นคนซึ่งไม่เคยพูดอะไรที่ออกมาจากตัวเอง นอกจากต้องอ่าน ขนาดพูดภาษาอังกฤษกับโอบามา โอบามายังแดกดัน คือพูดแบบประเภทสนุกสนานให้ฟัง ในเชิงแดกดันพอสมควร บอกว่าภาษาอังกฤษของยิ่งลักษณ์ที่พูด ยังดีกว่าผมพูดภาษาไทย ก็คือพูดช่วยๆ แต่จริงๆ แล้วคือด่า ด่ากรายๆ แล้วแกเป็นคนที่ไม่รู้สึกอะไร คำถามมีอยู่ว่า นี่คือหน้าตาของนายกรัฐมนตรีของคนไทยหรือ ยังไม่นับกับทีท่าที่แสดงความลุ่มหลง หลงใหล คลั่งไคล้โอบามา ออกจนเกินนอกหน้า จนกระทั่งภาพนั้นออไปทั่วโลก เพราะฉะนั้นแล้วสิ่งซึ่งยิ่งลักษณ์ไปพูดจาแบบนั้น บนสปีช สุนทรพจน์ซึ่งเขียนอยู่ ไม่ใช่ตัวเขา เขาบอกคนไทยอ่านหนังสือโดยเฉลี่ยปีละ 8 บรรทัด ผมไม่คิดว่ายิ่งลักษณ์อ่านเกิน 1 บรรทัด หรืออาจจะอ่านปีหนึ่งไม่เกิน 8 คำ เพราะฉะนั้นแล้ว อันนี้ต้องยืนยันก่อนว่าไม่ใช่ออกจากตัวยิ่งลักษณ์ เป็นทีมงานของยิ่งลักษณ์ ซึ่งวางแผนให้ยิ่งลักษณ์พูดแบบนี้ ทีนี้ทำไมต้องวางแผนให้พูดแบบนี้ เพราะว่ามันจะเข้าสู่ภาพรวม ซึ่งเดี๋ยวผมจะพูด ในตอนเบรกที่ 2 แต่ว่าชัย ราชวัตร ได้สะท้อนความรู้สึกที่คนไทยมีต่อเรื่องนี้ ผมคิดว่าคนไทย ทุกวันนี้รับไม่ได้อยู่แล้วกับสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเอะอะอะไร ไม่พอใจใครก็ไปใช้พวกเสื้อแดง มาไล่คนโน้นมาขู่คนนี้ มาทำอันโน้นอันนี้ แต่การซึ่งเขาออกไปข้างนอก แล้วเขาไปพูดให้ร้ายประเทศ เขาอ้างว่าเขาให้เป็นอุทาหรณ์ แต่ว่าอุทาหรณ์ของเขา เขาโกหกซะส่วนใหญ่ เขาไม่ยอมพูด เรื่องความชั่วของตระกูลเขา และเรื่องความชั่วที่พี่ชายเขาทำ หลายๆคนทำซึ่งเกี่ยวพันกับพวกเขา ทำไมไม่พูดเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ ให้กับการประชุมที่มองโกเลียมาก ใช่ไหม ประเทศไทย
จินดารัตน์ - คือพูดเอาดีใส่ตัว
สนธิ - คือพูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้กับคนอื่น ประเทศไทยเหมือนรถไฟที่ตกราง คำถามมีอยู่ว่า ประเทศไทยเคยอยู่บนรางหรือเปล่า ไม่เคยเลย ไม่เคยอยู่บนรางเลยแม้แต่นิดเดียว นอกจากนั้นแล้ว สิ่งที่ยิ่งลักษณ์พูด เป็นการโกหกพกลม คือปิดบังความชั่วของตัวเอง แล้วในขณะเดียวกัน ก็เอาดีใส่ตัวพรรคพวกตัวเองหมดเลย นายกรัฐมนตรีของมองโกเลียเขากล่าวสุนทรพจน์ น่าสนใจมาก ในส่วนหนึ่งของสุนทรพจน์ที่เขาพูด เขาบอกบอกว่าประเทศที่กำลังเป็นประชาธิปไตย ปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือปัญหาคอร์รัปชันและไม่มีธรรมาภิบาล จริงๆเหมือนกับเขาด่ายิ่งลักษณ์ๆจริงๆ
จินดารัตน์ - แล้วพูดมาแต่ละข้อนี้ เข้าตัวตระกูลนี้หมดเลยนะ
สนธิ - เขาพูดทุกข้อเลยนะ เข้าตัวตระกูลนี้หมดเลย ทั้งเผด็จการทั้งคอร์รัปชันทุกอย่างหมดเลย เพราะฉะนั้นแล้วผมถึงบอกว่า การที่ยิ่งลักษณ์ออกไปครั้งนี้ ไม่ได้โดยบังเอิญ จงจงใจและเจตนา และผมคิดว่าคุณสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ ในฐานะที่เป็นเลขานายก ตอนนี้ก็มีคนดาหน้าว่าปกป้องยิ่งลักษณ์กันเป็นแถวเลย
จินดารัตน์ - ส.ส. เพื่อไทย ส.ส.หญิงนี่
สนธิ - ส.ส.หญิง ออกมาพูดจาน้ำตาคลอหน้า แล้วคุณไม่คิดเหรอว่าไอ้คนไทยที่ถูกควบคุณ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทำร้าย ทำลาย ปล้นชาติปล้นแผ่นดิน พวกเราน้ำตาไม่คลอบ้างหรอ อะไรก็ตามที่คุณถูกกล่าวหา คุณจะออกมาปกป้อง โดยไม่ดูเหตุดูผล ผมถามคุณสิว่า คุณภูมิใจหรือเปล่า ที่คุณมีนายกฯ ที่อ่านคำว่า คอนกรีตว่า คอ นก รีต อ่านพฤศจิกายนว่า พฤศจิกาคม ผมถามคุณสิ ผมถามเลยไอ้พวกนี้ อีนัง ส.ส.ผู้หญิงทั้งหลาย ผมต้องใช้คำว่า อีนังพวกนี้ ใช่ไหม แหมทำมาเป็นกระดีดกระดิ้น มาดูถูกเพศแม่เพศโน้นเพศนี่ แล้วทีพวกนายกฯ ของคุณที่พูดจาเรียก ซิดนีย์ว่า ประเทศซิดนีย์ เรียกหาดใหญ่ว่า จ.หาดใหญ่ คุณรู้สึกอย่างไร อย่าว่าแต่ 2 มาตรฐานเลย นี่คือการตอหลดตอแหล สับปลับเจ้าเล่ห์ มาทำเป็นเรียงหน้า พยายามที่จะพูดจา รวมทั้งยัยลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ที่นำม็อบเสื้อแดงไปประท้วงที่ไทยรัฐ นี่อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่พะเยานะ เป็นคนสนิทของอดีตนายกรัฐมนตรีอานันท์ ปันยารชุน สมัยนั้น สนิทสนมกันในทำเนียบอย่างมากมายมหาศาล จนกระทั่งเป็นที่เล่าลือกันหมดหลายเรื่อง นี่คนอย่างนี้นำพวกเสื้อแดง แล้วป้ายที่เสื้อแดงออกไปด่าไทยรัฐเขา คำพูดหยาบคาย สามหาว ด่าซะไม่มีดีเลย ผมจะถามว่า พวกคุณละอายแก่ใจตัวเองบ้างหรือเปล่าที่ทำเช่นนี้
จินดารัตน์ - คือแอนรู้สึกว่า ส.ส.หญิง หรือว่าคนในไทยเพื่อไทย เหมือนกำลังเบี่ยงประเด็น ทำให้คนที่ไม่ได้อ่านข้อความของคุณชัย เข้าใจคุณชัยผิด คุณชัยไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้ว่าเป็นโสเภณีนะคะ แต่คุณชัยกำลังเปรียบเทียบว่า สิ่งที่กระทำชั่วร้าย คือยิ่งกว่าผู้หญิงที่เขามีความจำเป็นที่เขาจะต้องไปเร่ขายสิ่งที่สงวนที่สุดในชีวิตเขาเสียอีก นี่มันเลวร้ายขนาดขายชาติ
สนธิ - แอนแม้กระทั่งโสเภณี เขายังมีเงื่อนไขกับตัวเขานะ ขายตัวแต่ไม่ขายวิตถาร ผู้หญิงโสเภณีบางคน ขายตัวเพื่อแลกกับเงิน แต่ถ้าลูกค้าต้องการทำวิตถารก็บอกเอ้ยฉันไม่เอา เข้าใจไหม ยังมีบันยะบันยังยังมีเขาเรียกว่า ยังมีข้อจำกัด
จินดารัตน์ - ในวิชาชีพ
สนธิ - ในวิชาชีพของเขาใช่ไหม แต่การซึ่งเอาตัวเองไปอธิบายเรื่องของประเทศไทย แล้วอ้างว่าเป็นอุทาหรณ์ โดยไม่เอาความประพฤติของตระกูลตัวเองที่ทำไว้กับประเทศไทย แล้วพูดให้โลกฟังบ้าง นี่คืออุทาหรณ์ถ้ามีครอบครัว แล้วมีอำนาจอย่าทำอย่างนี้
จินดารัตน์ - ซึ่งหลายคนกำลังตั้งคำถามกันนะคะคุณสนธิ เอ๊ะผู้นำมองโกเลียในขณะที่ปาฐกถาไป นายกฯ เขาฟังเข้าใจไหม
สนธิ - ไม่เข้าใจหรอก แกจะไปเข้าใจได้อย่างไร
จินดารัตน์ - ทำไมตอบปาฐกถาของตัวเองอาจจะเข้าใจไม่ได้
สนธิ - แล้วก็ชอบเหลือเกินนะ ไปยืนถ่ายรูปกับอองซาน ซูจี ใช่ไหม อยากเป็นอองเหมือนกันใช่ไหม แต่อองอีกแบบหนึ่ง
จินดารัตน์ - แต่ว่าการ์ตูนของบัญชา คามิน นี่สุดยอดแล้วค่ะ งั้นเดี๋ยวเราพักกันก่อนนะคะคุณสนธิ ช่วงหน้ากลับมาคุณเติมศักดิ์มาแล้ว เราก็จะมาคุยกันถึงเรื่องนี้ โดยภาพรวมโดยรายละเอียดอีกครั้งนึง แล้วมาดูการ์ตูนของบัญชา คามินกันสักครู่ค่ะ
ช่วงที่ 2
จินดารัตน์ - คุยทุกเรื่องกับสนธิ คุณเติมศักดิ์ จารุปราณ มาแล้วนะคะ สวัสดีค่ะ
เติมศักดิ์ - สวัสดีครับ
จินดารัตน์ - กลับมา เราพูดถึงความด้อยปัญญาของผู้นำไปแล้วนะคะ มาเบรคนี้เราจะพูดถึงภาพรวม ว่าคุณยิ่งลักษณ์ไปปาฐกถาที่มองโกเลียแล้วเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ส.ว.ก็เรียกร้องให้ออกมาขอโทษ ที่ไปขายประเทศ ขายหน้า ขายชาติ แล้วผู้นำของมองโกเลียเองก็มีปาฐกถา ซึ่งไม่ได้รับการเผยแพร่นะคุณเติมศักดิ์ น้อยมากนะคนที่จะได้รู้เนื้อหาใจความนั้น
เติมศักดิ์ - ก็คือเขาพูดถึงว่าประชาธิปไตยมันไม่ใช่แค่รูปแบบนะ ประชาธิปไตยยังต้องไม่ใช่การที่ปล่อยให้นักการเมืองมาคอร์รัปชัน ฉ้อราษฎร์บังหลวง
สนธิ - เขาบอกปัญหาใหญ่ของประเทศที่กำลังเป็นประชาธิปไตย หรือเป็นประชาธิปไตยอยู่ มีปัญหาคอร์รัปชันและปัญหาไร้ธรรมาภิบาล ซึ่งคอร์รัปชันและไร้ธรรมาภิบาลมันก็คือประเทศไทย ประเทศไทยตกอยู่ในหัวข้อนี้เป๊ะ แต่ไม่มีการเผยแพร่
จินดารัตน์ - ไม่มีการเผยแพร่ และผู้นำเราที่นั่งฟังอยู่ก็คงไม่เข้าใจ งั้นวันนี้คุณสนธิก็คงจะมีอะไรบางอย่างที่อยากจะบอกกลับไป
สนธิ - ผมมีครับ ผมมีปาฐกถาพิเศษของสนธิ ลิ้มทองกุล ในการประชุมประชาคมประชาธิปไตยที่อูลันบาตอ (แหล) ที่มองโกเลีย อดทนกับผมนิดหนึ่งนะ
(สนธิ : อ่านปาฐกถาพิเศษ)
“ปาฐกถาพิเศษ สนธิ ลิ้มทองกุล การประชุมประชาคมประชาธิปไตย อูลันบาตอ(แหล), มองโกเลีย 3 พฤษภาคม 2013
ท่านประธาน, ท่านผู้มีเกียรติ, ท่านผู้เข้าร่วมประชุม
ผมขอเริ่มด้วยการขอโทษต่อประธานาธิบดีแห่งมองโกเลียที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีประเทศไทยได้เดินทางไปมองโกเลียเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2013 แล้วปาฐกถาโกหก ตอแหล เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ชนิดที่ต้อง เอา 10 หาร เอาจานร่อน เอาช้อนขูด เอาตูดถัด เอาตะไบขัด แล้วเอากระด้งฝัด เหลือเท่าไหร่ แล้วจึงค่อยเชื่อได้
เราขอโทษแทนคำปาฐกถาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีประเทศไทยที่ไม่ค่อยปรกติ มีความรู้รอบตัวน้อย พูดผิด พูดถูกเป็นประจำ ดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเป็นเรื่องตลกขบขันในประเทศมาแล้วหลายกรณี เช่น
- เธอให้สัมภาษณ์ว่าคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติเรือดำน้ำไปแล้ว ทั้งๆ ที่ความจริงเป็นเรือดันน้ำ
- เธอจัดรายการออกวิทยุเข้าใจผิดคิดว่าหญ้าแฝกคือหญ้าแพรกจึงชวนประชาชนปลูกหญ้าแพรกทั่วประเทศเพื่อป้องกันน้ำท่วม
- เธอเข้าใจผิดในจังหวัดสิงห์บุรีซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งในประเทศไทยที่ไม่ติดทะเลแต่เธอเข้าใจผิดคิดว่ามีทะเลที่ต้องเอาหินมาถมป้องกันน้ำท่วม
- เธอเข้าใจผิดคิดและพูดว่า Welcome เป็น Overcome ในการต้อนรับนางฮีลารี่ คลินตัน
- เธอเรียกอำเภอหาดใหญ่ในประเทศไทยให้กลายเป็นจังหวัดหาดใหญ่
- เธอเข้าใจผิดเรียกนายกรัฐมนตรีมาเลเซียว่าประธานาธิบดีมาเลเซีย
- เธอเรียกเมืองซิดนีย์ว่า ประเทศซิดนีย์
- และเธอหลงเข้าใจผิดปาฐกถาว่าอาเซียนมีประชากรจำนวนถึงครึ่งโลก
และครั้งนี้เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยทีได้ใช้เวทีที่มองโกเลีย "อ่านสคริปต์ที่มีคนร่างให้" เพื่อหวังจะใช้ประเทศของท่านมาเป็นเครื่องมือในการโฆษณาชวนเชื่อกลบเกลื่อนปัญหาส่วนตัวของครอบครัวชินวัตร โดยอ้างคำว่าประชาธิปไตยมาอำพรางบังหน้าเท่านั้น ถือเป็นการไร้มารยาท และไม่รู้จักกาละเทศะเป็นอย่างยิ่ง
มีนักการเมืองไทยจำนวนมากอ้างว่าตัวเองอยู่ในระบอบประชาธิปไตยเพียงเพราะอ้างว่าตัวเองมาจากการเลือกตั้ง แต่ความจริงแล้วคนเหล่านั้นต่างเป็นเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้งทั้งสิ้น
เพราะคำว่าประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้น ต้องเป็นของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน
แต่ความเป็นจริงแล้วในประเทศไทยเรามีประชาธิปไตยเพียงแค่ 4 วินาทีที่หย่อนบัตรเลือกตั้งเท่านั้น
พ้นจากนั้นแล้วอำนาจเผด็จการกลับกลายมาเป็นของนักการเมือง การเมืองไทยจึงเป็นไปในลักษณะของการสัมปทานอำนาจและผลประโยชน์
ด้วยความแสร้งหลงผิดของนายกรัฐมนตรีไทย ที่คิดว่าการเลือกตั้งคือทั้งหมดของประชาธิปไตย แต่ความจริงแล้วการเลือกตั้งเป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยเท่านั้น และการทุจริตการเลือกตั้งก็เป็นเครื่องมืออันเลวร้ายของพวกเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้งทั้งสิ้น
และถ้าเราจะดูว่าประเทศนี้ที่ผ่านมาเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ ก็ลองตอบคำถามว่าในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยสิ่งเหล่านี้ควรเกิดขึ้นได้หรือไม่?
1. ผู้นำประเทศสืบทอดกันได้ตามสายเลือด และญาติพี่น้อง แม้คนคนนั้นจะไม่เป็นที่รู้จักของประชาชนมาก่อนเลย
2. ไม่มีสื่อมวลชนฝ่ายตรงกันข้ามที่สามารถวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลได้ในฟรีทีวี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสำคัญเช่น พลังงาน หรือ อธิปไตยของชาติ หรือการโกงกิน คอร์รัปชั่นเรื่องการจำนำข้าว
3. สมาชิกวุฒิสภาผู้เลือกองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญที่ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล กลายเป็นกลุ่มพวกเดียวกับนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล จนกลไกองค์กรตรวจสอบอิสระไม่สามารถตรวจสอบรัฐบาลได้จริงแม้แต่คดีเดียว
4. เสนอแต่กฎหมายที่ให้ผลประโยชน์แก่นักการเมืองมากขึ้น และมากขึ้น ลดอำนาจการตรวจสอบจากประชาชนและองค์กรอิสระให้น้อยลง และน้อยลง แม้แต่เสนอกฎหมายให้ต่างชาติถือหุ้นสัมปทานกิจการโทรคมนาคมได้สูงขึ้นก่อนครอบครัวนายกรัฐมนตรีจะขายหุ้นกิจการโทรคมนาคม 1 วัน โดยไม่ต้องเสียภาษี อย่างไร้ยางอาย
5. สามารถจัดกองกำลังใช้อาวุธสงครามทั้งระเบิดและ M-16 ยิงถล่มสถานีโทรทัศน์ ASTV ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลทุกชุด ได้ทั้งๆ ที่อยู่ในใจกลางกรุงเทพมหานคร โดยที่ไม่สามารถจับคนผิดได้ และสามารถมีกองกำลังติดอาวุธสงครามยิงใส่ผมซึ่งเป็นสื่อมวลชนได้โดยไม่เคยจับใครได้แม้แต่คนเดียว
6. การคุ้มครองสิทธิของประชาชนในการชุมนุมที่สงบและปราศจากอาวุธของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยถูกตอบโต้ด้วยระเบิด M-79 จนมีประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยไม่ต้องมีใครรับผิดชอบ
7. สามารถใช้ยุทธการ "ใบไม้ร่วง" จัดการกับผู้ต้องสงสัยเรื่องความไม่สงบชายแดนภาคใต้โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรม และใช้นโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างรุนแรง "ส่งสัญญาณฆ่า" ทำให้มีผู้บริสุทธิ์ที่ไม่ได้เกี่ยวกับยาเสพติดถูกฆ่าเสียชีวิตไปเป็นจำนวนพันคนโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรมเลย
8. ลูกนายกรัฐมนตรีถูกจับว่าทุจริตการสอบในมหาวิทยาลัยโดยการพกกระดาษในระหว่างการสอบ แต่ก็สามารถจบการศึกษาได้
9. สามารถทำผิดได้โดยไม่ต้องรับผิด หากถูกจับได้ว่าทุจริต หรือศาลตัดสินว่ากระทำความผิด ก็มุ่งแต่จะแก้ไขกฎหมายหรือแม้แต่รัฐธรรมนูญเพื่อให้ตัวเองและพวกพ้องไม่ต้องรับโทษเหล่านั้น
10. คนเผาเมือง ก่อคดีร้ายแรง ถูกแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีได้ ทนายของครอบครัวชินวัตรติดสินบนตุลาการ 2 ล้านบาท จนโดนโทษจำคุก กลับถูกเลือกให้เป็น ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อในพรรคเพื่อไทยได้
ที่ผมได้ยกตัวอย่างมาทั้ง 10 ประการนี้ นี่คือประเทศไทยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผมคิดว่าประเทศที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงไม่สามารถเรียกได้ว่าเราอยู่ในบรรยากาศประชาธิปไตย แต่เราอยู่ในการปกครองในรูปแบบสัมปทานอำนาจที่นักการเมืองเป็นเผด็จการเต็มตัวหลังจากได้อำนาจมาจากการเลือกตั้งต่างหาก
ดังนั้นการที่นายกรัฐมนตรีไทยอ้างว่าได้รับชัยชนะถึง 2 หนด้วยเสียง
ส่วนใหญ่ถูกล้มลงในปี 2006 ประเทศไทยเสมือนรถไฟตกรางนั้นความจริงรถไฟนั้นยังไม่เคยวางอยู่บนรางเลยแม้แต่ปีเดียว
ท่านผู้มีเกียรติครับ,
หากประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงที่ประชาชนมีความรู้สึกว่า เป็นของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนแล้ว
ทำไมการรัฐประหารรัฐบาลทักษิณ ชินวัตรเมื่อวันที่19 กันยายน ค.ศ. 2006 จึงสำเร็จ มีแต่ดอกไม้มามอบให้กับทหารเป็นจำนวนมาก มีผู้ที่ต่อต้านน้อยมาก และไม่มีการสูญเสียเลือดเนื้อเลยแม้แต่หยดเดียว จนรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารสามารถปกครองจนหมดวาระของตัวเองที่กำหนดไว้
แล้วควรจะเรียกรัฐประหารว่าเป็นประชาธิปไตยหรือเผด็จการ ที่รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารเปิดโอกาสให้ประชาชนลงประชามติให้ความเห็นชอบกับรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย
นั่นก็เพราะประเทศไทยในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งไม่เคยปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ความจริงแล้วในหลายประเทศที่แม้ไม่ได้ปกครองในรูปแบบของระบอบประชาธิปไตย เช่น สมบูรณาญาสิทธิราชย์, คอมมิวนิสต์, เผด็จการ แต่ก็สามารถปกครองประเทศได้อย่างสงบสุข ร่มเย็น อยู่ดีกินดี ก็เพราะผู้นำประเทศนั้นๆ ทำไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง
ผมจึงขอแสดงความเคารพต่อผู้นำประเทศทุกประเทศที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนด้วยคุณธรรม ศีลธรรม แม้จะไม่ใช่ประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยก็ตาม
ความจริงแล้ว พรรคเพื่อไทย ที่ชนะเลือกตั้ง 15.7 ล้านเสียง แม้จะเป็นเสียงจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่ใช่เสียงข้างมากของคนในประเทศนี้ เพราะประเทศนี้มีประชากร 65 ล้านคน และมีผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง 47 ล้านคน จึงไม่ได้หมายความว่าพรรคเพื่อไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือ นายทักษิณ ชินวัตร จะอ้างจำนวนเสียง 15 ล้านเสียงกว่า ว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตยที่จะทำตามอำเภอใจอะไรก็ได้
และเขาไม่สามารถอวดอ้างเอาประชาธิปไตยมาบังหน้าเพื่อหลบเลี่ยงภาษีได้
- ไม่สามารถอวดอ้างเอาประชาธิปไตยมาบังหน้าเพื่อโกง ทุจริตคอร์รัปชั่นได้
- ไม่สามารถอวดอ้างเอาประชาธิปไตยมาบังหน้าเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากกิจการสัมปทานเอาเปรียบประชาชนได้
- ไม่สามารถอวดอ้างเอาประชาธิปไตยมาบังหน้าเพื่อออกกฎหมายล้างความผิดให้กับตัวเองไม่ให้ได้รับโทษทางอาญาในคดีทุจริต หรือล้างความผิดให้กับพวกพ้องที่ต้องคดีอาญาก่อการร้ายได้
- ไม่สามารถอวดอ้างเอาประชาธิปไตยมาบังหน้าเพื่อปล้นชาติปล้นประชาชนผ่านกิจการพลังงานได้
-ไม่สามารถอวดอ้างเอาประชาธิปไตยมาบังหน้าเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาจากการผ่านประชามติของคนในประเทศ เพื่อลดอำนาจประชาชน ลดอำนาจองค์กรตรวจสอบรัฐบาล และลดอำนาจศาลได้
-ไม่สามารถอวดอ้างเอาประชาธิปไตยมาบังหน้า เพื่อเอามวลชนของพวกตัวเองมากดดัน มาข่มขู่ คุกคาม ศาลไม่ให้ตัดสินในเวลาที่รัฐบาลกระทำความผิดได้
เพราะการอวดอ้างเอาประชาธิปไตยมาบังหน้าดังกล่าวเพื่อทำสิ่งเหล่านี้ ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน มีแต่สร้างความเป็นเผด็จการให้มากขึ้นเพื่อตัวเองและพวกพ้องทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้น ผมเห็นว่าการที่นายกรัฐมนตรีอ้างว่าประเทศไทยถูกทำลายหลักนิติรัฐและกฎหมายไปเพราะการรัฐประหารนั้น จึงเป็นเรื่องที่น่าอับอายมากกว่า
แต่ผมเห็นใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะเป็นคนที่ไม่ปกติ จึงอาจมีความจำสั้น เพราะเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ.2008 นายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้นำเงินไปใส่ถุง 2 ล้านบาท ไปให้ที่สำนักงานศาลยุติธรรม จนศาลได้พิพากษาจำคุกในพิชิฎ ชื่นบาน ให้จำคุก 6 เดือนฐานละเมิดอำนาจศาล แต่พรรคเพื่อไทยของครอบครัวชินวัตร กลับนำนายพิชิฏ ชื่นบาน ให้ได้รับตำแหน่งเป็น ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย อันนี้ก็จะสะท้อนตัวตนที่แท้จริงได้ว่าครอบครัวชินวัตรสนับสนุนหลักนิติรัฐแบบไหน?
นักโทษหนีคดี ทักษิณ ชินวัตร ที่ชอบกล่าวว่าศาลนั้น แต่ในความเป็นจริง นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ที่ฟ้องร้องพวกผมในศาลไทยมากที่สุดโดยที่ตัวเองหลบหนีในต่างประเทศ อีกทั้งอัยการหรือผู้พิพากษาที่เคยตัดสินให้เป็นคุณต่อครอบครัวชินวัตรและพวก หรือเป็นโทษต่อฝ่ายตรงกันข้าม ต่างก็ได้ถูกแต่งตั้งโดยรัฐบาลชุดนี้ให้ได้รับตำแหน่งและผลประโยชน์มากมายทั้งสิ้น และนี่ย่อมแสดงให้เห็นว่า กระบวนการที่นักโทษชายทักษิณต้องการคือ รัฐบาลทำอะไรผิดต้องไม่ผิดเท่านั้นจึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องในกระบวนการยุติธรรมแบบทักษิณ
นี่คือหลักนิติรัฐของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายทักษิณ ชินวัตร
คำว่า "ไทย" หมายความว่า "อิสระ" และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เรียกร้องเอาประชาธิปไตยที่แท้จริงคืนมาจากเผด็จการของนักเลือกตั้ง แต่ตั้งแต่ปี 2008 ที่ผมและคณะได้ประท้วงรัฐบาลของน้องเขยของทักษิณ ชินวัตร ซึ่งพยายามจะแก้ไขกฎหมายเพื่อล้างความผิดให้กับทักษิณ ชินวัตร
ประชาชนอย่างพวกผมกลับถูกเข่นฆ่าด้วยอาวุธสงครามทั้งระเบิดแก๊สน้ำตา ระเบิด M- 79 หลายครั้งติดต่อกัน จนมีผู้เสียชีวิต 10 คน พิการและบาดเจ็บนับพันคน แม้สำนักงานสื่อของภาคประชาชนอย่างเช่น ASTV ก็ยังถูกยิงถล่มด้วยอาวุธสงครามเป็นจำนวนมาก
แต่นายกรัฐมนตรีไทยคนนี้ ไม่เคยกล่าวถึงในการปาฐกถาครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่า นายกรัฐมนตรีไทยคนนี้ มองแต่ประโยชน์ของพวกพ้องเสื้อแดงเท่านั้น ไม่ได้มองเห็นชีวิตผู้บริสุทธิ์อย่างเท่าเทียมกัน
และความจริงที่ปรากฏเป็นประจักษ์ต่อสายตาทั่วโลก ต่างย่อมรู้ดีอยู่ว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงนั้นเต็มไปด้วยอาวุธสงครามร้ายแรง จนกระทั่งมีทหารที่ปราศจากอาวุธเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก จึงทำให้รัฐบาลในขณะนั้นจึงต้องติดอาวุธโต้ตอบ ดังนั้นเรื่องดังกล่าวแม้จะเป็นเรื่องที่น่าเสียใจแต่ผู้ที่กระทำผิดในคดีร้ายแรงเหล่านี้จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองและสมควรได้รับบทลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม
เพราะแม้แต่ผมเองถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายที่ได้ชุมนุมประท้วงที่อาคารผู้โดยสารของสนามบินแห่งชาติ พวกผมเองยังเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ตัวเองและต่อต้านการออกกฎหมายล้างความผิดให้กลับคนทุกกลุ่ม
ต่างจากฝ่ายรัฐบาลที่มุ่งเน้นแต่จะออกกฎหมายล้างความผิดให้กับทักษิณ ชินวัตร และคนเสื้อแดงแต่เพียงอย่างเดียว สะท้อนถึงการลุแก่อำนาจ ทำลายกระบวนการถ่วงดุลตรวจสอบ กลายเป็นเผด็จการที่จะโกงหรือก่อคดีอาญาได้โดยไม่ต้องรับผิดใดๆ ทั้งสิ้น
ผมเห็นว่าการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พูดให้ตัวเองดูดีว่าต้องเดินหน้าปฏิรูปการศึกษา และวัฒนธรรมประชาธิปไตย ตลอดจนลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน ความจริงแล้วเราจะมั่นใจรัฐบาลที่มีแต่นักการเมืองที่ขี้โกงและรวยขึ้นมีช่องว่างห่างจากประชาชนที่ยากจนมากขึ้นได้อย่างไรว่าจะมาปฏิรูปการศึกษาและวัฒนธรรมประชาธิปไตย
ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ,
การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกร้องการกดดันจากนานาชาติเพื่อช่วยกดดันหรือคว่ำบาตรและไม่ยอมรับกลไกที่หยุดกระบวนการต่อต้านประชาธิปไตยในประเทศไทยนั้น
ผมกลับเห็นว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันนี้เองที่แม้มาจากการเลือกตั้งแต่กลับมีพฤติกรรมเป็นเผด็จการเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง การประกาศดังกล่าวจึงเป็นการใช้ประเทศของพวกท่านมาข่มขู่ประชาชนชาวไทยที่จะมาหยุดยั้งความเป็นเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้งของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าละอายอย่างยิ่งสำหรับรัฐบาลชุดนี้
ดังนั้นหากประชาชนลุกขึ้นเพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่เป็นเผด็จการนี้ ขอได้โปรดให้ท่านทั้งหลายได้โปรดปฏิบัติตามกฎบัตรสหประชาชาติมาตรา 2 วรรค 7 ในอันที่จะไม่แทรกแซงกิจการภายในของแต่ละประเทศ
และหากประเทศใดจะคว่ำบาตรขบวนการต่อต้านเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้งในประเทศไทย ก็ถือได้ว่าประเทศนั้นหาได้เป็นมิตรต่อประชาธิปไตยที่แท้จริงของประชาชนไม่ ในทางตรงกันข้ามประชาชนชาวไทยก็พร้อมต้อนรับทุกประเทศที่จะมาเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ที่ช่วยส่งเสริม สนับสนุน กำจัดการคอร์รัปชั่นของพวกเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้ง เพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวไทยเสมอ
ท่านผู้มีเกียรติ,
ผมขอปิดท้ายด้วยการประกาศว่า ประชาชนชาวไทยมีความเจ็บปวดจากระบอบทักษิณมาหลายปีแล้ว และครอบครัวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เสียสละชีวิตกว่า 10 คน และเลือดเนื้ออวัยวะอีกนับพันคนนับตั้งแต่ปี 2008 กระผมหวังว่าการเสียสละของพี่น้องประชาชนชาวไทยผู้รักชาติจะไม่สูญเปล่า และจะไม่ยินยอมให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บิดเบือนโกหกประชาธิปไตยในประเทศไทยในเวทีนานาชาติได้
ขอให้เราได้สนับสนุนระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงที่เป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน และช่วยกันหยุดยั้งขัดขวางเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้งที่แอบอ้างประชาธิปไตย เพื่อเสรีภาพและอิสภาพของประชาชนชาวไทยจะได้รับการปกป้องรักษาเพื่อลูกหลานและคนรุ่นต่อๆ ไป
ขอบคุณครับ
สนธิ ลิ้มทองกุล”
คลิก! อ่านต่อ