คณะกรรมการสิทธิฯ เสียงแตก 2 เสียงข้างน้อยไม่ลงนามรายงานสรุปแก๊งแดงชุมนุม ปี 53 "พล.ต.อ.วันชัย" เจ้าเก่า อ้างไม่ได้มาตรฐาน ข้อเสนอไม่เป็นรูปธรรม ยากนำไปใช้จริง เอนเอียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ยุ่งเกี่ยวการเมืองมากเกินไป
พล.ต.อ.วันชัย ศรีนวลนัด กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวถึงรายงานการตรวจสอบของ กสม. เพื่อเสนอแนะเชิงนโยบายกรณีการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) ระหว่างวันที่ 12 มี.ค.ถึง 19 พ.ค.53 ที่ได้เผยแพร่ออกไป จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าบิดเบือนข้อเท็จจริง ตนซึ่งเป็นเสียงข้างน้อย ไม่ได้ลงนามรับรองเห็นด้วยกับรายงานฉบับนี้ เนื่องจากเห็นว่าเป็นรายงานที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ได้นำเสนอข้อมูลอย่างครบถ้วน ซึ่งหากรายงานฉบับนี้เผยแพร่ออกมาหลังเกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุมภายใน 3 เดือนจะถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่นี่มาเผยแพร่ในตอนที่เหตุการณ์ผ่านมา 3 ปีแล้ว ข้อมูลเนื้อหาในรายงานกลับไม่ได้มีการปรับปรุงตามสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น กรณีที่ศาลพิพากษาคดี 6 ศพวัดปทุมวนาราม ว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ทหาร
อีกทั้งเหยื่อที่เสียชีวิตไม่ได้ใช้อาวุธตอบโต้ หรือแม้แต่คดีที่ศาลยกฟ้องกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกกล่าวหา ทางกรรมการสิทธิฯเสียงข้างมากก็ไม่ได้นำข้อมูลเหล่านี้มาพิจารณาแต่อย่างใด โดยตนก็ได้ทำหนังสือโต้แย้งเสนอไปยังที่ประชุมคณะกรรมการสิทธิฯ แต่ก็กลับไม่มีการพิจารณา
ส่วนเหตุจำเป็นที่ต้องโต้แย้ง เนื่องจากเห็นว่าผู้ชุมนุมมีหลายระดับ มีทั้งแกนนำ ประชาชนทั่วไป และผู้ก่อเหตุรุนแรง ดังนั้นกรรมการสิทธิฯควรจำแนกว่าใครได้กระทำการใด ไม่ใช่เหมารวมไปทั้งหมด รวมถึงข้อเสนอในรายงานที่เป็นเชิงนโยบาย ตนมองว่ามันยังไม่เป็นรูปธรรมที่สามารถนำไปใช้จริงได้
“โดยรวมแล้วผมคิดว่ารายงานฉบับนี้ยังไม่ได้มาตรฐาน ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้พยายามท้วงติงก่อนที่รายงานจะเผยแพร่ แต่กลับไม่มีใครรับฟัง จึงไม่แปลกอะไรที่หลังเผยแพร่รายงานฉบับนี้ออกมาแล้วจะถูกหลายฝ่ายต่อต้าน ซึ่งผมก็แสดงความไม่เห็นด้วยกับรายงานฉบับนี้ด้วยการไม่ลงนามเซ็นชื่อรับรอง แต่หากรายงานนี้สร้างความเสียหายคนที่เซ็นชื่อลงนามเป็นคนรับผิดชอบ”
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการจัดทำรายงานฉบับดังกล่าวของกรรมการสิทธิทั้ง 7 คน มีกรรมการสิทธิ 2 คนที่ไม่ได้ร่วมลงนามในรายงาน ก็คือนายปริญญา ศิริสารการ และ พล.ต.อ.วันชัย เนื่องจากเห็นว่า รายงานฉบับนี้ยังนำเสนอข้อมูลไม่รอบด้าน เป็นการให้คุณให้โทษกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งและเข้าไปยุ่งเกี่ยวทางการเมืองมากเกินไป อีกทั้งกรรมการสิทธิได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการที่มีบุคคลจากฝ่ายต่างๆ อาทิ นักวิชาการ กลุ่มมวลชนที่เคลื่อนไหวทางการเมือง และองค์กรต่างๆ มาร่วมกันพิจารณาและให้ข้อมูล แต่ปรากฏว่าคณะกรรมการชุดนี้กลับไม่ได้ทำงาน เหมือนตั้งขึ้นมาเฉยๆ เท่านั้น
