“วิลาศ” ยัน กมธ.ป.ป.ช.เรียกเอกสารจัดซื้อจัดจ้างในงบฯ 55-56 ไม่ต้องผ่าน คกก.ข้อมูลข่าวสารตามที่สภาอ้าง ตอกเลขาฯ สภาคุยโปร่งใสแต่เลี่ยงส่งเอกสารแจง ส่อทุจริต งัด พ.ร.บ.คำสั่งเรียกครั้งที่ 2 นิ่งดำเนินการตาม กม. พร้อมเรียก ผอ.สำนักการคลังฯ เคลียร์ เหตุดึงเวลาไม่ส่งเอกสาร ชี้เรื่องฉาวอื้อไม่ใช่แค่นาฬิกา “วัชระ” ซัดสภาโกงซเสียเอง ฉะ “สุวิจักขณ์” หายหัว ทั้งที่รับปากจะเคลียร์ ลั่นเห็นดำเห็นแดง
วันนี้ (16 ส.ค.) นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ก่อนหน้านี้ตนได้ยื่นญัตติให้คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของประธานสภาผู้แทนราษฎร และเลขาธิการสภาฯ ว่าปฏิบัติหน้าที่ส่อไปในทางไม่สุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.ก็มีมติรับไว้พิจารณา และมีมติให้เรียกเอกสารการจัดซื้อจัดจ้างจากสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ในทุกรายการที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ 55-56 ซึ่งเมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมากรรมาธิการ ป.ป.ช.ก็ได้ส่งหนังสือเรียกเอกสารไปแล้ว แต่ทางสภาฯกลับอ้างว่า การจะส่งหนังสือต้องผ่านคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารทางราชการของสภาฯ ก่อน ทั้งที่ใน พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารกำหนดให้ทุกหน่วยงานมีคณะกรรมการพิจารณาเรื่องนี้ แต่เป็นกรณีของบุคคลภายนอกขอเอกสาร แต่กรรมาธิการ ป.ป.ช.ถือว่ามีอำนาจในการเรียกเอกสารหลักฐานในการสอบสวน จึงไม่มีหน่วยงานใดโต้แย้งเรื่องข้อมูลข่าวสารได้
“เลขาธิการสภาฯ บอกว่าทำทุกอย่างโปร่งใสบริสุทธิ์ แต่น่าสงสัยว่าเมื่อบอกว่าทำอย่างโปร่งใสแล้วทำไมไม่รีบส่งเอกสารให้กรรมาธิการ ป.ป.ช. ซึ่งหน่วยงานไหนที่หลีกเลี่ยงส่งข้อมูลให้กรรมาธิการ หลีกเลี่ยงการมาชี้แจงนั้นส่อไปในทางทุจริตทั้งสิ้น และหน่วยงานนี้ผมก็เริ่มตั้งข้อสังเกตเหมือนกัน เพราะสภาพยายามหลบหลีกโดยให้ไปผ่านคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร ผมจึงได้เสนอกรรมาธิการ ป.ป.ช.มีมติเรียกเอกสารครั้งที่ 2 ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.คำสั่งเรียก หากสำนักงานเลขาธิการสภาไม่ให้ความร่วมมือ กรรมาธิการก็จะดำเนินการตามกฎหมาย” นายวิลาศกล่าว
นายวิลาศกล่าวอีกว่า กรรมาธิการ ป.ป.ช.จะมีการเรียกผู้อำนวยการสำนักการคลังและงบประมาณ สภาฯ เข้าชี้แจงต่อกรรมาธิการ เพราะทราบมาว่า ผอ.สำนักการคลังฯ ไปชี้แจงกับคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสภา เพื่อส่งเอกสารให้กรรมาธิการ ป.ป.ช. แต่ไม่มีการนำเอกสารใดๆมาให้คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารพิจารณาเลย ซึ่งเป็นเจตนาชัดเจนว่าพยายามหน่วงเหนี่ยวเวลา ทั้งนี้นอกจากการตรวจสอบเรื่องการจัดซื้อนาฬิกาของสภาแล้วยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องตรวจสอบ ทั้งการตั้งกรรมการหลายสิบคณะ และมีการเบิกเบี้ยเลี้ยงเอิกเกริก บางคนเป็นกรรมการ 5 คณะ นอกจากนั้นยังมีการซื้อเครื่องทำน้ำร้อนมูลค่าเกือบ 7 หมื่นบาท ซึ่งกรรมาธิการ ป.ป.ช.จะทำการตรวจสอบต่อไป
ด้านนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 57 กล่าวว่า สภาต้องเป็นแบบอย่างในการซื่อสัตย์สุจริตไม่มีการทุจริตใดๆ แต่กลับมีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตในการเบิกจ่ายงบประมาณของสำนักเลขาธิการสภาฯ เพราะกรรมาธิการงบฯ เคยเรียกนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาฯ ไปชี้แจงการของบประมาณ ซึ่งก็ได้รับปากจะส่งสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างของสำนักเลขาธิการสภาฯ ทั้งการซื้อนาฬิกา และการปรับปรุงห้องนักข่าว แต่ขณะนี้ยังไม่มีการส่งข้อมูลให้กรรมาธิการงบฯ แสดงให้เห็นว่าไม่มีความโปร่งใส และเป็นการปกปิดไม่ให้ข้อมูลข้อเท็จจริงแก่กรรมาธิการ และตลอดการประชุมพิจารณางบประมาณในวาระ 2 ที่ผ่านมา 3 วันแล้ว นายสุวิจักขณ์กลับไม่ขึ้นไปทำหน้าที่ในตำแหน่งเลขาธิการสภาฯ เลย ส่อให้เห็นว่าไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ จึงควรที่จะพิจารณาตนเอง
“ผมในฐานะโฆษกกรรมาธิการงบฯ ได้ขอให้ประธานกรรมาธิการงบฯ ส่งเรื่องให้คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ไต่สวนการทุจริตในสภาฯ ทั้งการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ และเรื่องที่ประธานสภาอนุมัติงบ 10 ล้านบาทต้อนรับประธานสภาเกาหลีไปพร้อมกันด้วย ซึ่งเรื่องนี้ต้องพิสูจน์ให้เห็นดำเห็นแดง เพราะเราไม่อาจให้ใครมาใช้ชื่อและเกียรติยศสภาในการมาหากิน” นายวัชระกล่าว