วานนี้ ( 6 ส.ค.) นายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าว กรณีที่นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ ส.ส. กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ต้องการยื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฏร และนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร เนื่องจากเห็นว่าการปฏิบัติหน้าส่อทุจริต กรณีเดินทางไปเยือนต่างประเทศของประธานรัฐสภา กรณีจัดซื้อจัดจ้างปรับปรุงอาคารสถานที่บริเวณรัฐสภาด้วยวิธีพิเศษ รวมทั้งกรณีใช้งบประมาณต้อนรับแขกต่างประเทศ ตลอดจนกรณีการจัดซื้อนาฬิกาจำนวน 200 เรือน มูลค่า 15 ล้านบาท เฉลี่ยเรือนละ 7.5 หมื่นบาท นั้น
โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าอำนาจหน้าที่ของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎรคือการออกนโยบาย ออกระเบียบภายใต้คณะกรรมการ กร.ที่มีประธานรัฐสภาเป็นประธาน ส่วนเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีหน้าที่ควบคุมการปฎิบัติงานของข้าราชการ ที่ต้องดำเนินงานภายใต้ระเบียบและมติ ของคณะกรรมการ กร. ในกรณีการเดินทางไปต่างประเทศของประธานรัฐสภานั้น ได้มีการเน้นย้ำเสมอให้มีการส่งเรื่องมาก่อน 15 วัน ซึ่งเป็นการดำเนินงานของข้าราชการที่ทำตามระเบียบราชการทุกประการ ประธานรัฐสภาเป็นเพียงผู้เซ็นรับรองค่าใช้จ่ายเท่านั้น
นายวัฒนา กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่างๆว่า ไม่ทราบรายละเอียด แต่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบเอกสารหลักฐานได้กับ สำนักการคลัง สำนักงานเลธิการสภาผู้แทนราษฎร และหากคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เชิญเข้าชี้แจง เชื่อว่าสามารถชี้แจงได้ ซึ่งต้องขอบคุณ ส.ส.วิลาศ ที่ช่วยตรวจสอบ
วันเดียวกัน ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 วงเงิน 2.525 ล้านล้านบาท โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ได้พิจารณารายงานของคณะอนุกรรมาธิการทั้ง 6 คณะเสร็จแล้ว มียอดปรับลดรวมทั้งสิ้น 31,899 ล้านบาท และที่ประชุมได้มีมติให้นำงบประมาณที่ปรับลดไปแปรเพิ่มในหน่วยงานที่เห็นว่ามีความจำเป็น รวม 18 หน่วยงาน อาทิ
กระทรวงมหาดไทย ได้รับการปรับเพิ่มมากที่สุด 1.22 หมื่นล้านบาท กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ปรับเพิ่ม 4.56 พันล้านบาท และกระทรวงศึกษาธิการ 4.18 พันล้านบาท ส่วนรัฐสภา ปรับเพิ่ม 615 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ 451 ล้านบาท หน่วยงานวิจัยของสภา 50 ล้านบาท และให้กรรมาธิการสามัญ 35 คณะ รวม 50 ล้านบาท ทั้งนี้ กมธ. ได้ทำหนังสือถึงนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้กำหนดวันประชุมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ในวาระ 2-3 วันที่ 14–15 ส.ค. นี้ เพื่อให้เป็นไปตามปฏิทินที่กำหนดไว้แต่ต้น ส่วนรายงานของ กมธ. และเอกสารที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะส่งถึง ส.ส. ไม่เกินวันที่ 9 ส.ค. นี้.
โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าอำนาจหน้าที่ของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎรคือการออกนโยบาย ออกระเบียบภายใต้คณะกรรมการ กร.ที่มีประธานรัฐสภาเป็นประธาน ส่วนเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีหน้าที่ควบคุมการปฎิบัติงานของข้าราชการ ที่ต้องดำเนินงานภายใต้ระเบียบและมติ ของคณะกรรมการ กร. ในกรณีการเดินทางไปต่างประเทศของประธานรัฐสภานั้น ได้มีการเน้นย้ำเสมอให้มีการส่งเรื่องมาก่อน 15 วัน ซึ่งเป็นการดำเนินงานของข้าราชการที่ทำตามระเบียบราชการทุกประการ ประธานรัฐสภาเป็นเพียงผู้เซ็นรับรองค่าใช้จ่ายเท่านั้น
นายวัฒนา กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่างๆว่า ไม่ทราบรายละเอียด แต่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบเอกสารหลักฐานได้กับ สำนักการคลัง สำนักงานเลธิการสภาผู้แทนราษฎร และหากคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เชิญเข้าชี้แจง เชื่อว่าสามารถชี้แจงได้ ซึ่งต้องขอบคุณ ส.ส.วิลาศ ที่ช่วยตรวจสอบ
วันเดียวกัน ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 วงเงิน 2.525 ล้านล้านบาท โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ได้พิจารณารายงานของคณะอนุกรรมาธิการทั้ง 6 คณะเสร็จแล้ว มียอดปรับลดรวมทั้งสิ้น 31,899 ล้านบาท และที่ประชุมได้มีมติให้นำงบประมาณที่ปรับลดไปแปรเพิ่มในหน่วยงานที่เห็นว่ามีความจำเป็น รวม 18 หน่วยงาน อาทิ
กระทรวงมหาดไทย ได้รับการปรับเพิ่มมากที่สุด 1.22 หมื่นล้านบาท กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ปรับเพิ่ม 4.56 พันล้านบาท และกระทรวงศึกษาธิการ 4.18 พันล้านบาท ส่วนรัฐสภา ปรับเพิ่ม 615 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ 451 ล้านบาท หน่วยงานวิจัยของสภา 50 ล้านบาท และให้กรรมาธิการสามัญ 35 คณะ รวม 50 ล้านบาท ทั้งนี้ กมธ. ได้ทำหนังสือถึงนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้กำหนดวันประชุมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ในวาระ 2-3 วันที่ 14–15 ส.ค. นี้ เพื่อให้เป็นไปตามปฏิทินที่กำหนดไว้แต่ต้น ส่วนรายงานของ กมธ. และเอกสารที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะส่งถึง ส.ส. ไม่เกินวันที่ 9 ส.ค. นี้.