“จารุพงศ์” อ้างการเมืองภายในไทยเป็นเรื่องของภูมิภาค ถ้าปฏิรูปต้องมองทั้งโลก ยันเชิญผู้นำต่างชาติคุยเป็นประโยชน์ โอ่ “ปู” วิสัยทัศน์กว้าง บอกคุยแค่ภายในไม่มีใครเชื่อ สับพวกพูดชักศึกเข้าบ้านเหมือนผีกลัวความสว่าง โวเวทีปฏิรูปเป็นรูปธรรม
วันนี้ (10 ส.ค.) ที่สวนอัมพร นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย เปิดเผยกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีแนวคิดเชิญนายโทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร และนายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ร่วมเวทีปฏิรูปประเทศไทยว่า ขณะนี้โลกมีการขับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว มีความเชื่อมโยงกันหมด เราจะอยู่ในมิติเก่าอยู่แต่ในประเทศไม่สนใจใครไม่ได้ และเรื่องของความสงบสันติ เศรษฐกิจ การเมือง สังคมของทุกภูมิภาคจะมีผลถึงกันหมด รวมถึงความไม่สงบในประเทศไทย ก็เป็นที่ห่วงใยของประเทศต่างๆด้วยเช่นกัน ดังนั้น หากเรายังไม่สามารถปรองดองกันได้ เรื่องเหล่านี้จะส่งผลต่อการตัดสินใจของนักลุงทุนว่าเข้าจะเข้ามาลงทุนในเมืองไทยหรือไม่
“ดังนั้น การที่จะปฏิรูปประเทศต้องมองทั้งโลกด้วยว่าเขาต้องการอย่างไร การเชิญผู้นำประเทศที่มีศักยภาพ เข้ามาพูดคุยถือว่า เป็นประโยชน์และเป็นวิสัยทัศน์ ที่เปิดกว้างของ นายกฯยิ่งลักษณ์ และอยากให้คนที่จะนายกฯ ข้างหน้ามีใจกว้างเช่นนี้ อย่าแคบนะ ผมไม่ได้ว่า อดีตนายกฯคนไหนนะ และจะสร้างความเชื่อมั่นได้อย่างดี เพราะการคุยภายในประเทศอย่างเดียวไม่ให้ประเทศอื่นมีส่วนร่วมด้วยเลย แล้วบอกให้เขาเชื่อ ใครเขาจะเชื่อคุณ ดังนั้นใครจะมาพูดในลักษณะชักศึกเข้าบ้าน พวกนั้นเหมือนผีที่กลัวความจริง กลัวความสว่าง กลัวโลกที่จะก้าวหน้าไป จะฉุดรั้งไว้ไม่ให้ประเทศไปข้างหน้า” รมว.มหาดไทยกล่าว
เมื่อถามว่า ยังมีข้อกังขาว่าสภาปฏิรูปประเทศไทยไม่เป็นรูปธรรม นายจารุพงศ์กล่าวว่า เวทีนี้เป็นรูปธรรม เพราะก่อนหน้านี้ กระทรวงมหาดไทย ได้จัดเวทีสานเสวนาหาทางออกประเทศไทย 108 เวที ขึ้นมา เพื่อหาทางทำให้ประเทศสงบสุข โดยนำแนวทางที่ สถาบันพระปกเกล้า คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) และ คณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ฉบับของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ ได้ทำการศึกษาก่อนหน้า มาเป็นหัวข้อในการพูดคุย
นายจารุพงศ์กล่าวว่า ทั้งนี้ ผลการศึกษาของทั้ง 3 สถาบันมีความเห็นตรงกันว่าประเทศไทยจะสงบได้ ต้องมีการพูดคุยเจรจากัน และควรที่จะถามประชาชน จึงได้จัดเวที 108 เวทีขึ้นมา โดยรับฟังความเห็นจากประชาชนทุกภาคส่วน ซึ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมกว่า 116,000 คน ได้บทสรุปออกมาว่า อยากเห็นบ้านเมืองปรองดองกัน อยากเห็นความสงบในบ้านเมือง ให้หันหน้าเข้ามาคุยกัน นายกฯ จึงมองว่า เมื่อประชาชนได้คุยกันแล้ว ก็เชิญพรรคการเมืองมาคุยกัน แล้วก็เอาต่างประเทศเข้ามาร่วมด้วย นี่เป็นความพยายามของรัฐบาลที่จะทำให้บ้านเมืองนี้สงบ อย่างเป็นรูปธรรม
“ส่วนที่พรรคฝ่ายค้านบอกว่าทำไมไม่พูดถึงเรื่อง เศรษฐกิจ ค่าครองชีพนั้น เป็นคนละเรื่อง วันนี้จะพูดว่าทำอย่างไรคนไทยไม่ฆ่ากันในอนาคต แล้วรู้ได้อย่างไรว่าไม่ตาย มันตายมาแล้ว 90 กว่าศพ เจ็บมา 2,000 คน ถ้ายังแตกแยกกันอย่างนี้ต่อไปมีหน้ากากขาว มีเท้าตบมือตบ มีเสื้อแดง มีเสื้อเหลืองต่อไป แล้วเมื่อไหร่จะจบ ฝากไปบอกหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านให้เข้าใจด้วย” รมว.มหาดไทยกล่าว
