“วิสาร” อ้างตรวจผับสุขุมวิทไม่ได้จัดระเบียบ แค่เตือน หลังกีดขวางทางจราจร ยันไม่ได้ทุบหม้อข้าวค้นผับสุทธิสาร เห็นใจผู้กำกับโดนเด้ง ขอบคุณ ผบช.น.เข้าใจ หวังเจ้าหน้าที่ตื่นตัว แย้มย่องย่ำราตรีอีกแน่ ไม่ใช่แค่ในกรุง พร้อมสั่งเข้มมาเฟียต่างชาติจุ้นผู้ประกอบการไทย
วันนี้ (30 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวก่อนเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีที่นำกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจสถานบันเทิงเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ใช้การจัดระเบียบสังคม แต่เป็นการเตือนให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ประกอบการ พ่อแม่ผู้ปกครอง และผู้ที่จะไปเที่ยวสถานบันเทิงมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากในการลงพื้นที่ร้านเซฟเฮ้าส์ ซอยสุขุมวิท 63 มีรถยนต์จอดบริเวณถนนด้านหน้า ทำให้การสัญจรลำบาก รวมถึงภายในร้านมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก มีประตูทางออกเพียงทางเดียว จึงเกรงว่าหากมีเหตุไฟใหม่เกิดขึ้นจะซ้ำรอยเหตุการณ์ซานติก้าผับ อยากให้นักท่องเที่ยวระมัดระวังเป็นพิเศษ
นายวิสารกล่าวว่า ส่วนการลงพื้นที่สถานบันเทิงย่านรัชดาภิเษกที่ไปตรวจก็พบว่าเปิดเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ตนไม่ต้องการที่จะทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรือทุบหม้อข้าวใคร และก็เห็นใจ พ.ต.อ.สำเริง สวนทอง ผกก.สุทธิสาร ที่ถูกสั่งย้ายออกจากพื้นที่ แต่ข้อเท็จจริงที่เห็นมีการเปิดให้บริการจนเกือบถึงเวลา 05.00 น. และภายในร้านมีการนำเห็ดเมามาให้บริการนักท่องเที่ยว รวมถึงมียาเสพติด และตู้บอลที่พัฒนามาจากตู้ม้าด้วย ทั้งนี้ต้องขอบคุณ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ที่เข้าใจและกำชับไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่อื่นๆ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก พร้อมทั้งเตือนไปยังจังหวัดต่างๆ ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวลักษณะเช่นนี้ เพราะมีรายงานเข้ามายังตนด้วยเช่นกัน
นายวิสารกล่าวต่อว่า สำหรับผู้ที่บรรลุนิติภาวะแล้วไปเที่ยวเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ แต่เด็กที่มีอายุน้อยเพียง 14-15 ปีไปเที่ยว แล้วต้องไปเจอเครื่องดูดบารากู่ ที่ตัวใบยาเส้นเองมีการนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย และมีการนำยาเสพติดใส่เข้าไปด้วยทำให้เด็กเกิดอาการมึนเมาโดยไม่รู้ตัว รวมถึงเด็กผู้หญิงบางรายอาจจะเจอยาปลุกเซ็กซ์ และอาจทำให้เสียผู้เสียคนได้โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ตรงนี้จึงอยากเตือนให้สังคมระมัดระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีก ส่วนจะมีหน่วยเฉพาะกิจหรือไม่คงไม่มี แต่ก็ขอให้หน่อยงานที่เกี่ยวข้องตื่นตัวในเรื่องดังกล่าว ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กทม. และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ช่วยกันระมัดระวัง ไม่ใช่เกิดเหตุแล้วไปแก้ไข แต่ต้องป้องกันก่อนเกิดเหตุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะมีการเดินหน้าต่อไปอย่างไรบ้าง นายวิสารกล่าวว่า จากนี้จะลงพื้นที่ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นการช่วยเสริมส่วนที่ขาดตกบกพร่อง และขอฝากไปถึงจังหวัดต่างๆ ที่มีสถานที่เช่นนี้ เนื่องจากลงพื้นที่ไปจังหวัดต่างๆ ได้มีการรายงานเข้ามา และตรงนี้มีระเบียบข้อบังคับที่ชัดเจนอยู่แล้ว ก็ให้กำชับเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่างๆ ป้องกันให้มากขึ้น หากพื้นที่ไหนมีเหตุการณ์หลายๆ ครั้ง เชื่อว่าผู้บังคับบัญชาคงมีการดำเนินการ
เมื่อถามต่อถึงจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น พัทยา หรือหัวหิน จะมีมาตรการอย่างไร รมช.มหาดไทยกล่าวว่า ในพื้นที่ท่องเที่ยว ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาก็ได้เข้าไปดูแล โดยเฉพาะแก๊งมาเฟียต่างชาติถือว่าเป็นอันตรายมาก หากเขามีเรื่องกันเองก็ไม่เป็นห่วง แต่ตอนนี้มีพฤติกรรมเข้ามาก้าวก่ายผู้ประกอบการไทย ตรงนี้ยอมไม่ได้ และก็ได้กำชับไปยังหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทยให้ดูแลเรื่องดังกล่าว