รมช.พาณิชย์ ไม่กังวลถก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับ “วรชัย” วาระแรก อ้างค้างสภาสมัยที่แล้ว ซัด “ปชป.” ออกลูกเล่นเห็นด้วยร่างฉบับ “แม่เกด” หวังถ่วงเวลา ฟันธงจ้องล้มรัฐบาล แต่ยกกฎหมายมาขวาง ปัดรัฐบาลท้าทาย อ้างไม่พร้อมชน แค่ต้องการลดความขัดแย้งในประเทศ อีกด้านทำเนียบตื่นตูม จัดตำรวจคุมฝูงชนรับมือม็อบเปิดสภา “คำรณวิทย์” รับซ้อมประกอบกำลัง
วันนี้ (25 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 17.30 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังนำนักธุรกิจอัญมณี เข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ซึ่งมีกำหนดเดินทางเยือนประเทศโมซัมบิก แทนซาเนีย และยูกันดา อย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 28 ก.ค. ถึง 2 ส.ค. 56 ว่า การนำผู้ค้าอัญมณีที่ประกอบธุรกิจในต่างประเทศในแถบทวีปแอฟริกาเข้าพบนายกฯ เพื่อยื่นข้อเสนอ 4 ข้อ ดังนี้ 1.ขอให้ตั้งสถานกงสุลประจำประเทศโมซัมบิก เนื่องจากประเทศดังกล่าวเป็นแหล่งวัตถุดิบพลอยแดง สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเดือนละกว่า 410,000 ล้านบาทต่อปี 2.ขอให้นายกฯเชิญชวนประเทศโมซัมบิก มาจัดงานเปิดประมูลอัญมณีในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมและสร้างความตื่นตัวธุรกิจอัญมณี 3.ขอให้นายกฯกำชับรัฐบาลโมซัมบิกดูแลชีวิตความปลอดภัยและทรัพย์สินของผู้ประกอบการที่ไปลงทุนประเทศโมซัมบิก และ 4.ในอนาคตอยากให้รัฐบาลเว้นภาษีการนำเข้าอัญมณี เนื่องจากปัจจุบันแม้ว่าภาษีนำเข้าอัญมณีจะเป็น 0% แต่จะสิ้นสุดมาตรการดังกล่าวภายในเดือนธันวาคม 57
จากนั้นเวลา 18.00 น. นายณัฐวุฒิ ให้สัมภาษณ์กรณีการหยิบยกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับของ นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เป็นกฎหมายฉบับแรกพิจารณาในการเปิดสมัยประชุมสภา เดือน ส.ค.ว่า เรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม หากดูตามหลักการ ไม่มีอะไรน่าวิตก เพราะสภาได้มีมติเลื่อน พ.ร.บ.ดังกล่าว มาเป็นวาระแรก เมื่อเปิดสมัยประชุมฯ ก็ดำเนินการไปตามนั้น ส่วนร่างฉบับอื่นๆ ก็ไม่ได้ยื่นเข้ามาพร้อมกัน ดังนั้น ตนเห็นด้วยว่าหากสภาจะพิจารณาร่างดังกล่าวในวันที่ 7 ส.ค.ก็คงยืนหลักที่ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของนายวรชัย ส่วนจะมีประเด็นอื่นเสริมเข้ามาหรือข้อห่วงใยใดๆ จากแต่ละฝ่าย ตนคิดว่าสามารถไปทำร่วมกันในชั้นกรรมาธิการได้ ซึ่งเราต้องมีความจริงใจ และเห็นภาพร่วมกันว่าหากกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้จะทำให้ลดความขัดแย้งคลี่คลายวิกฤตทางการเมืองในประเทศได้มาก และไม่อยากให้ พ.ร.บ.ดังกล่าว เป็นเครื่องมือหรือเงื่อนไขของบางฝ่ายที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาล
“ประชาธิปัตย์ไม่น่าจะหยิบกฎหมายฉบับนี้มาเป็นเครื่องมือ เพราะการร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมในครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ทำครั้งแรกในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่มีการทำกันก่อนหน้านี้หลายครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องของผู้มีอำนาจ หรือผู้ที่ยึดอำนาจทำการนิรโทษกรรมให้กับตัวเองแทบทั้งหมด แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ต้องการนิรโทษกรรมให้กับประชาชนผู้เป็นเหยื่อความขัดแย้งทางการเมือง ก็ไม่น่าจะมีคนมาเล่นเกม แต่เท่าที่ดูพรรคประชาธิปัตย์ พยายามสร้างเงื่อนไขถึงขั้นปลุกระดม ว่าเที่ยวนี้งานใหญ่จัดหนักแน่นอน อยากถามว่าตกลงต้องการอะไร ปากก็พูดว่าอยากให้เกิดความปรองดอง คลี่คลายความขัดแย้ง แต่เท่าที่เห็น 2 ปี ของรัฐบาลชุดนี้ อะไรที่เป็นเครื่องมือในการคลี่คลายความขัดแย้ง ประชาธิปัตย์ค้านหมด จะล้มกระดานทั้งหมด” นายณัฐวุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่า ล่าสุด พรรคประชาธิปัตย์ ยินดีที่จะสนับสนุนร่างนิรโทษกรรม แต่ต้องเอาร่างที่ยื่นไว้แล้วออกมาก่อนเพื่อคุยกันใหม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า นี่คือลูกเล่นของพรรคประชาธิปัตย์ที่ทำมาตลอด เหมือนจะตอบรับแต่มีเจตนาถ่วงเวลา หากเห็นด้วยกับหลักการทำไมไม่รับร่างของ นายวรชัย ไปก่อน และไปทำงานร่วมกันในชั้นกรรมาธิการ และเราก็ไม่รู้อีกว่าหากถอนมาทั้งหมด ประชาธิปัตย์จะเอาอย่างไรต่อ ตนจึงบอกว่าเวลาปากบอกจะสร้างสันติภาพ แต่การกระทำเป็นการสร้างเงื่อนไขตลอดเวลา และตนไม่รู้ว่าการคลี่คลายความขัดแย้งของพรรคประชาธิปัตย์มีรูปธรรมเป็นอย่างไร
เมื่อถามต่อว่า เหตุใดจึงมั่นใจว่าร่างฉบับดังกล่าวจะช่วยลดความขัดแย้ง เพราะขณะนี้มีกลุ่มที่เตรียมเคลื่อนขบวน นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ต้องดูว่าการเคลื่อนไหวเป็นการขัดขวางร่าง พ.ร.บ.หรือต้องการล้มรัฐบาล และหากไม่มี พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะมีการเคลื่อนไหวหรือไม่ หรือไม่ว่ารัฐบาลจะเดินหน้ากฎหมายอะไรก็ยังมีการเคลื่อนไหวโค่นล้มอยู่ดี สำหรับตนฟันธงว่า เป้าหมายที่พรรคประชาธิปัตย์กำลังเคลื่อนไหวอยู่ ไม่ได้เป็นการขัดขวางร่างกฎหมาย แต่เป็นความต้องการล้มรัฐบาล โดยเอาทุกอย่างเป็นเงื่อนไขทางการเมือง
เมื่อถามว่า รัฐบาลรู้อยู่แล้วว่าการยื่น พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสภา จะโดนสกัด แต่ก็ยังพร้อมที่จะชน นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เราไม่ได้ไปท้าทายใคร รัฐบาลนี้ไม่พร้อมชนกับใครทั้งสิ้น แต่ต้องแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนในการแก้ไขวิกฤตความขัดแย้งในประเทศ เราพูดความจริงว่าเราเห็นภาพอะไรอยู่ตรงหน้า และอยากให้พรรคประชาธิปัตย์ปรับท่าทีทางการเมือง มาร่วมกันสร้างความหวังให้กับประชาชนว่าผลประโยชน์ทางการเมืองก็เรื่องหนึ่ง แต่ความทุกข์ยากของประชาชนที่ได้รับผลกระทบและถูกกระทำทางการเมืองต้องแยกไว้ต่างหากและแก้ปัญหานี้ก่อน
อีกด้านหนึ่ง มีรายงานความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาลในวันนี้ว่า ในช่วงเช้าได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (อคฝ.) ประมาณ 2 กองร้อย และกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 และ 9 ประมาณ 3 กองร้อย ทยอยเดินทางเข้ามาประจำการและปักหลักที่ทำเนียบ เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับสถานที่ หลังจากที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ระบุว่าจะมีการฝึกซ้อมการประกอบกำลังต่างๆ ในพื้นที่ในทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภา ระหว่างวันที่ 27-29 ก.ค.นี้ โดยเจ้าหน้าตำรวจได้มีการตั้งเต็นท์บัญชาการสถานการณ์ บริเวณทางเข้าประตู 1 และ บริเวณสะพานอรทัย พร้อมนำรถฉีดน้ำและรถคุมขังมาจัดเตรียมไว้ด้วยตามแผนกรกฎ 52 เพื่อรับมือม็อบกลุ่มต่างๆ ที่จะมีการเคลื่อนไหวในช่วงเปิดสภา ขณะเดียวกันก็รอรับมือกับม็อบเกษตรกรที่เคลื่อนไหวไปตามจุดต่างๆ ด้วย