นายกฯ และ รมว.กห.เปิดสัมมนามอบนโยบายคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด เน้นแก้ทุจริตเข้มข้น โปร่งใส ยันพร้อมให้สอบกู้ 2 ล้านล้าน
วันนี้ (17 ก.ค.) ที่ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม เมืองทองธานี เมื่อเวลา 09.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีและกล่าวเปิดสัมมนาและมอบนโยบายของรัฐบาลแก่คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด (ก.ธ.จ.) โดยมีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และคณะก.ธ.จ.เข้าร่วมสัมมนา 1,300 คน
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่าเป็นคณะกรรมการ ก.ธ.จ.ที่ประกอบด้วยผู้ตรวจราชการ สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ผู้แทนภาคประชาสังคม ผู้แทนสมาชิกสภาท้องถิ่น รวมถึงผู้แทนภาคเอกชนทั่วประเทศและกรุงเทพมหานคร เป็นคณะกรรมการฯที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดูแลสอดส่องแนะนำการปฏิบัติภารกิจของรัฐ และของเจ้าหน้าที่แต่ละจังหวัดให้เป็นไปตามหลักธรรมมาภิบาล การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา เป็นปัจจัยหลักที่ต้องยึดในการบริหารบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า นโยบายรัฐบาลต่อต้านทุจริตคอรัปชั่นในภาพรวมที่ผ่านมา มีการประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านทุจริตคอร์รัปชันทำงานร่วมกับกระทรวง บูรณาการเสนอแนวคิดปรับปรุงแก้ปัญหาที่เกิดจากภายในส่วนราชการปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนการปรับปรุง
นายกฯ กล่าวว่า อยากเน้นการแก้ไขทุจริตคอร์รัปชันเข้มข้นลงไป ให้ผู้ตรวจการแต่ละกระทรวงตั้งคณะทำงานขึ้นในกระทรวงบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ โดย ก.ธ.จ.ทำงานร่วมกับผู้ตรวจสำนักนายกรัฐมนตรี ภาคเอกชน และภาคประชาชน ร่วมดูแลให้สอดคล้องตามนโยบายอย่างโปร่งใส แนะนำให้สอดคล้องกับนโยบายและเป็นไปตามกฎหมาย และเป็นไปตามทิศทางการจัดซื้อจัดจ้าง ขอชื่นชมคณะกรรม ก.ธ.จ.ที่ร่วมเสียสละช่วยกันทำงาน สร้างกระบวนการต่างๆ ภาครัฐให้เกิดประสิทธิภาพ เกิดความโปร่งใส ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย สร้างความมั่นใจต่างประเทศ เป็นที่เชื่อมั่นยึดหลักมาตรฐานสากล เพื่อก้าวสู่การปราศจากการคอร์รัปชัน การทำงานนี้ลำพังเพียงภาครัฐไม่สามารถสำเร็จถ้าไม่ได้ความร่วมมือ ดูความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชัน ถือเป็นหัวใจของจุดเริ่มต้นเพิ่มความเข้มแข็งเพิ่มภูมิคุ้มกันการทุจริตคอร์รัปชัน
นอกจากนี้ ภาพรวมมีหลายโครงการใหญ่ๆ ที่รัฐบาลลงทุน โดยเฉพาะโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท โครงการที่สื่อมวลชนและภาคประชาชนสนใจ รัฐบาลพร้อมให้ทุกภาคตรวจสอบ และให้มีกลไกตรวจสอบตนเองในกระทรวง มีกลไกจังหวัด ร่วมกับภาคเอกชนตรวจสอบโครงการที่เห็นว่าต้องตรวจสอบ ต้องเปิดเผยขั้นตอนการทำงานต่างๆ ร่วมคิดร่วมทำเพื่อทำงานให้้เกิดความมั่นใจให้งานเดินหน้าต่อไปได้
นายกฯ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลเพิ่มความเข้มข้นตรวจสอบ เริ่มตั้งแต่มติคณะรัฐมนตรี ส่งเสริมผลักดันหน่วยงานภาครัฐให้เปิดเผยข้อมูลในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทุกขั้นตอนตามที่กฎหมาย เกิดความเท่าเทียมของผู้เสนองานและผู้เสนอราคาทุกราย มีการวางมาตรการให้บุคคลต่างๆ ภาคสังคม ที่ผ่านการคัดเลือก อบรมทักษะที่จำเป็นในการรับรองอย่างเป็นระบบให้เข้ามามีส่วนร่วมในการสังเกตุการณ์กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ โดยจะรวบรวมบัญชีรายชื่อของผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเป็นผู้สังเกตุการณ์เข้ามา กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการคัดเลือกโครงการต่างๆ ที่จะต้องมีผู้สังเกตุการณ์ร่วมในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างโครงการใหญ่ โครงการที่ใช้งบประมาณสูง โครงการที่สาธารณชนให้ความสนใจ และจัดตั้งคณะทำงานในการขับเคลื่อนการเสริมสร้างความโปร่งใส คัดเลือกให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อความโปร่งใส เสมอภาคทุกภาคส่วน ทำงานร่วมกันในโครงการใหญ่ และรัฐบาลยินดีเปิดรับฟังร่วมกันแก้ไขปัญหา สร้างความเข้มแข็งหน่วยงานรัฐ เกิดความมั่นใจเอกชนและสุดท้ายเกิดความมั่นใจของประเทศ