ผบ.ทบ.พร้อมร่วมมือดูแบความปลอดภัยพยานในคดีความมั่นคงพื้นที่ภาคใต้ เรียกร้องตำรวจเร่งหาหลักฐาน หากล่วงเลยเวลาจะถูกยกฟ้อง หลังถูกยกฟ้องจำนวนมาก พร้อมแนะหาวิธีการเพิ่มอำนาจในการหาพยานหลักฐาน โบ้ยพิจารณา พ.ร.บ.ความมั่นคงให้สภา ระบุสภากลาโหมทำไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีที่อัยการสูงสุดเตรียมเสนอสภาความมั่นคงแห่งชาติ และขอความร่วมมือจากกองทัพให้ดูแลความปลอดภัยของพยานในคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคง โดยเฉพาะคดีก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายหลังคดีต้องถูกยกฟ้องไปกว่าร้อยละ 60 เพราะไม่ได้รับความร่วมมือจากพยาน โดยยืนยันว่ากองทัพได้พยายามดูแลพยานอยู่แล้ว แต่หน้าที่ในการหาหลักฐานเป็นของตำรวจ ซึ่งการรวบรวมพยานหลักฐานตำรวจต้องช่วยเร่งหาหลักฐาน เพราะขั้นตอนดำเนินคดีมีกำหนดระยะเวลา หากล่วงเลยเวลาไปคดีจะถูกยกฟ้อง จึงต้องหาวิธีแก้ไขและต้องเพิ่มอำนาจในการหาพยานหลักฐาน แม้ว่าจะมี พ.ร.บ.ความมั่นคง และกฎอัยการศึกก็ตาม แต่ประชาชนมองว่าเป็นกฎหมายที่รุนแรงเกินไป
ทั้งนี้ เห็นว่าแนวทางที่ดีควรพูดคุยกันเพื่อความสันติสุข และย้ำว่าการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับพยานเป็นหน้าที่หลักเป็นของตำรวจ ขณะเดียวกัน การเสนอ พ.ร.บ.ความมั่นคงเข้าสู่ที่ประชุมสภากลาโหมนั้นเห็นว่าไม่สามารถทำได้ เพราะไม่มีกฎหมายระบุไว้ว่าให้นำเข้าสู่การพิจารณาของสภากลาโหม เนื่องจากเป็นหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรในการพิจารณา
ส่วนกรณีที่กลุ่มบีอาร์เอ็นรวมพื้นที่ อ.สะเดา จังหวัดสงขลา เป็นพื้นที่ไม่สงบ ทั้งที่ความจริงเป็นพื้นที่ที่ไม่มีเหตุรุนแรงนั้น ผบ.ทบ.ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น เพราะเป็นเพียงความเห็นของบีอาร์เอ็นฝ่ายเดียว ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลจะทำหน้าที่ชี้แจงความจริงโดยผ่าน กอ.รมน.