ข่าวปนคน คนปนข่าว
ความน่าสนใจของการยกเครื่องปรับโฉมหน้า ครม. “ยิ่งลักษณ์ ”กันขนานใหญ่ ไม่ได้อยู่ที่การหมุนเวียนเก้าอี้ดนตรีกันครึ่งคณะ 18 เก้าอี้เท่านั้น เพราะยังมีเรื่องผลกระทบที่ตามมา ทั้งบรรดา “คนอกหัก”ที่ส่ง “คลื่นใต้น้ำ”กระเซ็นกระสายออกมาต่อเนื่อง
โดยเฉพาะขาใหญ่อย่าง “เฉลิม อยู่บำรุง” รมว.แรงงาน ที่ออกอาการคล้าย“คนวัยทอง”ส่งสัญญาณไม่พอใจเป็นสีสันการเมืองอยู่ในตอนนี้ หรือจะอารมณ์ “คนในพรรค”ที่หงุดหงิดงุ่นง่านเมื่อเห็น“คนนอก”สอยชิ้นปลามันไปรับประทาน ต่อหน้าต่อตา
อย่างการที่โควตาของ ส.ส.สายอีสานไม่สอดคล้องกับจำนวนส.ส.ที่อยู่ค่อนพรรค ปรับกี่ครั้งกี่หนก็ไม่คิดจะอัพเติมเพิ่มตำแหน่งให้ หรือโควตาภาคกลาง ที่สาละวันเตี้ยลงๆ จากเดิมมี 2 เก้าอี้ว่าการของ “เผดิมชัย สะสมทรัพย์-วิทยา บุรณศิริ”แต่การปรับ 2 หนหลังเหลือแค่ 1 เก้าอี้ รมช.ของ“พ้อง ชีวานันท์”ที่กระทรวงคมนาคม เท่านั้น
แต่ก็อย่างว่าเป็นแค่“ขี้ข้า-พนักงานบริษัท”จะไปโวยวายพูดมากไม่ได้
ไม่เหมือน“นายใหญ่-นายหญิง”จับวางจัดแต่งบรรดา“ขี้ข้า”ไว้รับใช้อย่างสบายใจเฉิบ เห็นได้จากโควตา “สายตรงจันทร์ส่องหล้า”เข้ามายึดสัมปทานใน ครม.ปู 1/5 เพียบ ไล่ตั้งแต่ “ชัยเกษม นิติสิริ -เบญจา หลุยเจริญ - ปวีณา หงสกุล - ยรรยง พวงราช - วิเชษฐ์ เกษมทองศรี”หรือการอัพเกรดของ “นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล”ที่มาดูแลเรื่องข้าวเต็มตัว แถมรัฐมนตรีโลกลืมอย่าง“สันติ พร้อมพัฒน์”ก็ยังได้อยู่ค้ำเก้าอี้ รมต.อยู่ แม้จะไร้ผลงานก็ตาม
โดยเฉพาะอดีตข้าราชการอย่าง “ชัยเกษม-เบญจา-ยรรยง”ที่ชักแถวเรียงหนึ่งเข้ามารอบนี้ ล้วนเคยมีผลงานเข้าตา“นายใหญ่-นายหญิง”มาแล้วทั้งนั้น จึงไม่แปลกที่จะได้โบนัสตอบแทน
ดูจากผลที่ออกมาก็ชัดเจนว่า “นายใหญ่”คนแดนไกลยังเสียงดังฟังชัดในการจัดสรรเก้าอี้เสนาบดี และยังแสดงให้เห็นถึงพลานุภาพของ“นายหญิง” แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า อีกครั้ง ส่วน“คุณน้องปู”ที่สวมหัวโขนนายกฯอยู่ ก็เอาแต่พูดว่า“ตามความเหมาะสมๆ คร๊าาาา”
ที่น่าสนใจอยู่ที่ชื่อ“วิเชษฐ์ เกษมทองศรี”ที่ทิ้งตำแหน่งบิ๊กบึ้ม “ประธานบอร์ด ปตท.”มารับตำแหน่ง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ เป็น“เด็กดี”ที่อยู่ในโอวาทของนายหญิง ที่สั่งซ้ายหัน ขวาหัน ลุกนั่งได้ตามใจชอบ
เอาเข้าจริง “เสี่ยวิเชษฐ์”คงยังไม่อยากทิ้งเก้าอี้ประธานบอร์ด ปตท. ที่มีผลประโยชน์มหาศาลออกมาเท่าไร เพราะตำแหน่งที่ว่าเหมือนอยู่“หลังม่าน”ไม่ต้องโดนตรวจสอบมากนัก ผิดกับเก้าอี้รัฐมนตรี ที่มีโอกาสเสี่ยงเจ็บตัวมากกว่า
แต่แล้วก็ถึงบางอ้อ เมื่อปรากฏชื่อ “เสี่ยตั๊ก - ปานปรีย์ มหิทธานุกร”อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ชื่อลอยมาเสียบแทนตำแหน่งบอร์ดปตท.ของ “วิเชษฐ์” ตั้งแต่ยังไม่มีการโปรดเกล้าฯ ครม.ใหม่ด้วยซ้ำ และก็เป็นไปตามคาดว่า“ปานปรีย์”จะผงาดขึ้นยึดเก้าอี้ประธานบอร์ด ปตท. ตาม "ใบสั่ง" ที่ล็อกไว้ตั้งแต่ต้น
ว่ากันว่า“เสี่ยตั๊ก”ที่แม้จะพะยี่ห้อคนซอยราชครู หลานเขย“น้าชาติ - พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ”อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็น“สายตรง”ที่ได้รับความไว้วางใจ และเอ็นดูจาก“นายหญิง”มากเป็นพิเศษ แถมได้เข้าๆ ออกๆ บ้านจันทร์ส่องหล้าอยู่เป็นประจำ เคยถึงขนาดมีชื่อเป็นแคนดิเดต “นายกรัฐมนตรี -หัวหน้าพรรคเพื่อไทย” มาแล้ว และไม่ว่าจะมีการปรับครม. หรือมีการเปิดตำแหน่งสำคัญ มักมีชื่อเข้าไปพัวพันอยู่เสมอ
อย่างการปรับ ครม.ปู 1/5 ที่เพิ่งผ่านไป ก็มีชื่อว่าจะเข้าเป็น“เสนาบดี”คุมกระทรวงเกรดเอ ในช่วงแรกๆ ก่อนชื่อจะหายไปจากโผ เพราะสนใจตำแหน่งประธานบอร์ดรัฐวิสาหกิจอันดับ 1 อย่างปตท.มากกว่า “นายหญิง”ก็ไม่ขัดใจ ส่งผลให้ วิเชษฐ์ ต้องเก็บข้าวของย้ายที่ทำงานในที่สุด แต่ก็ใช่ว่าจะใจไม้ไส้ระกำส่งวิเชษฐ์ ไปนั่งกระทรวงเล็กต๊อกต๋อย จัดที่ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ให้สมฐานะ ทั้งที่รู้กันทั้งบางว่า เก้าอี้นี้เป็นโควตาของ“ยุทธ ตู้เย็น - ยงยุทธ ติยะไพรัช” ที่กันที่นั่งไว้ให้ “วิสาร เตชะธีราวัฒน์”มานานสองนาน
แต่อย่างว่า“เจ้านาย”ย่อมเสียงดังกว่า “ขี้ข้า” จึงถีบส่ง “วิสาร” ไปเป็น มท.2 และยึดเก้าอี้ รมว.ทส. ไปแบบมีเลศนัย
แถมงานนี้ยังมีแรงพิสวาทจาก “เจ๊ จ.”ผู้ตั้งตัวเป็นขาใหญ่ในวงการสื่อ ที่ทั้งผลักทั้งดัน“ปานปรีย์”อีกแรง ให้เข้ามาเสียบในเก้าอี้ประธานบอร์ดปตท.
เมื่อเชื่อมต่อเรื่องราวดูการจัดวางตำแหน่งของ “จันทร์ส่องหล้าคอนเนกชั่น” ก็ยิ่งชัดเจนว่า “นายใหญ่-นายหญิง” ให้ความสำคัญกับขุมทรัพย์พลังงานไทย มากเป็นพิเศษ เพราะวางเครือข่ายไว้อย่างแน่นหนา โดยส่ง สายตรงไปคุมบนส่วนยอดของหน่วยงานขับเคลื่อนทั้งระบบ
ทั้งกระทรวงพลังงาน ก็มีกระบี่มือหนึ่งอย่าง “เสี่ยเพ้ง-พงศ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล”กุมบังเหียนอยู่ เชื่อมต่อกับ “เสี้ยตั๊ก” ประธานบอร์ด ปตท. และยังมี “วิเชษฐ์” ที่มาคุมกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ อีก เพราะแน่นอนว่ากระทรวงพลังงาน ย่อมเป็นเจ้าภาพหลัก โดยมี ปตท. เป็นตัวขับเคลื่อน เสริมด้วยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ที่จะมีส่วนสำคัญในเรื่องการสำรวจทรัพยากรต่างๆ
เข้าอีหรอบนี้ก็น่าหวั่นใจว่า แผนการที่จะฮุบ“พลังงานในอ่าวไทย”คงไม่ยากเกินเอื้อม
ความน่าสนใจของการยกเครื่องปรับโฉมหน้า ครม. “ยิ่งลักษณ์ ”กันขนานใหญ่ ไม่ได้อยู่ที่การหมุนเวียนเก้าอี้ดนตรีกันครึ่งคณะ 18 เก้าอี้เท่านั้น เพราะยังมีเรื่องผลกระทบที่ตามมา ทั้งบรรดา “คนอกหัก”ที่ส่ง “คลื่นใต้น้ำ”กระเซ็นกระสายออกมาต่อเนื่อง
โดยเฉพาะขาใหญ่อย่าง “เฉลิม อยู่บำรุง” รมว.แรงงาน ที่ออกอาการคล้าย“คนวัยทอง”ส่งสัญญาณไม่พอใจเป็นสีสันการเมืองอยู่ในตอนนี้ หรือจะอารมณ์ “คนในพรรค”ที่หงุดหงิดงุ่นง่านเมื่อเห็น“คนนอก”สอยชิ้นปลามันไปรับประทาน ต่อหน้าต่อตา
อย่างการที่โควตาของ ส.ส.สายอีสานไม่สอดคล้องกับจำนวนส.ส.ที่อยู่ค่อนพรรค ปรับกี่ครั้งกี่หนก็ไม่คิดจะอัพเติมเพิ่มตำแหน่งให้ หรือโควตาภาคกลาง ที่สาละวันเตี้ยลงๆ จากเดิมมี 2 เก้าอี้ว่าการของ “เผดิมชัย สะสมทรัพย์-วิทยา บุรณศิริ”แต่การปรับ 2 หนหลังเหลือแค่ 1 เก้าอี้ รมช.ของ“พ้อง ชีวานันท์”ที่กระทรวงคมนาคม เท่านั้น
แต่ก็อย่างว่าเป็นแค่“ขี้ข้า-พนักงานบริษัท”จะไปโวยวายพูดมากไม่ได้
ไม่เหมือน“นายใหญ่-นายหญิง”จับวางจัดแต่งบรรดา“ขี้ข้า”ไว้รับใช้อย่างสบายใจเฉิบ เห็นได้จากโควตา “สายตรงจันทร์ส่องหล้า”เข้ามายึดสัมปทานใน ครม.ปู 1/5 เพียบ ไล่ตั้งแต่ “ชัยเกษม นิติสิริ -เบญจา หลุยเจริญ - ปวีณา หงสกุล - ยรรยง พวงราช - วิเชษฐ์ เกษมทองศรี”หรือการอัพเกรดของ “นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล”ที่มาดูแลเรื่องข้าวเต็มตัว แถมรัฐมนตรีโลกลืมอย่าง“สันติ พร้อมพัฒน์”ก็ยังได้อยู่ค้ำเก้าอี้ รมต.อยู่ แม้จะไร้ผลงานก็ตาม
โดยเฉพาะอดีตข้าราชการอย่าง “ชัยเกษม-เบญจา-ยรรยง”ที่ชักแถวเรียงหนึ่งเข้ามารอบนี้ ล้วนเคยมีผลงานเข้าตา“นายใหญ่-นายหญิง”มาแล้วทั้งนั้น จึงไม่แปลกที่จะได้โบนัสตอบแทน
ดูจากผลที่ออกมาก็ชัดเจนว่า “นายใหญ่”คนแดนไกลยังเสียงดังฟังชัดในการจัดสรรเก้าอี้เสนาบดี และยังแสดงให้เห็นถึงพลานุภาพของ“นายหญิง” แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า อีกครั้ง ส่วน“คุณน้องปู”ที่สวมหัวโขนนายกฯอยู่ ก็เอาแต่พูดว่า“ตามความเหมาะสมๆ คร๊าาาา”
ที่น่าสนใจอยู่ที่ชื่อ“วิเชษฐ์ เกษมทองศรี”ที่ทิ้งตำแหน่งบิ๊กบึ้ม “ประธานบอร์ด ปตท.”มารับตำแหน่ง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ เป็น“เด็กดี”ที่อยู่ในโอวาทของนายหญิง ที่สั่งซ้ายหัน ขวาหัน ลุกนั่งได้ตามใจชอบ
เอาเข้าจริง “เสี่ยวิเชษฐ์”คงยังไม่อยากทิ้งเก้าอี้ประธานบอร์ด ปตท. ที่มีผลประโยชน์มหาศาลออกมาเท่าไร เพราะตำแหน่งที่ว่าเหมือนอยู่“หลังม่าน”ไม่ต้องโดนตรวจสอบมากนัก ผิดกับเก้าอี้รัฐมนตรี ที่มีโอกาสเสี่ยงเจ็บตัวมากกว่า
แต่แล้วก็ถึงบางอ้อ เมื่อปรากฏชื่อ “เสี่ยตั๊ก - ปานปรีย์ มหิทธานุกร”อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ชื่อลอยมาเสียบแทนตำแหน่งบอร์ดปตท.ของ “วิเชษฐ์” ตั้งแต่ยังไม่มีการโปรดเกล้าฯ ครม.ใหม่ด้วยซ้ำ และก็เป็นไปตามคาดว่า“ปานปรีย์”จะผงาดขึ้นยึดเก้าอี้ประธานบอร์ด ปตท. ตาม "ใบสั่ง" ที่ล็อกไว้ตั้งแต่ต้น
ว่ากันว่า“เสี่ยตั๊ก”ที่แม้จะพะยี่ห้อคนซอยราชครู หลานเขย“น้าชาติ - พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ”อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็น“สายตรง”ที่ได้รับความไว้วางใจ และเอ็นดูจาก“นายหญิง”มากเป็นพิเศษ แถมได้เข้าๆ ออกๆ บ้านจันทร์ส่องหล้าอยู่เป็นประจำ เคยถึงขนาดมีชื่อเป็นแคนดิเดต “นายกรัฐมนตรี -หัวหน้าพรรคเพื่อไทย” มาแล้ว และไม่ว่าจะมีการปรับครม. หรือมีการเปิดตำแหน่งสำคัญ มักมีชื่อเข้าไปพัวพันอยู่เสมอ
อย่างการปรับ ครม.ปู 1/5 ที่เพิ่งผ่านไป ก็มีชื่อว่าจะเข้าเป็น“เสนาบดี”คุมกระทรวงเกรดเอ ในช่วงแรกๆ ก่อนชื่อจะหายไปจากโผ เพราะสนใจตำแหน่งประธานบอร์ดรัฐวิสาหกิจอันดับ 1 อย่างปตท.มากกว่า “นายหญิง”ก็ไม่ขัดใจ ส่งผลให้ วิเชษฐ์ ต้องเก็บข้าวของย้ายที่ทำงานในที่สุด แต่ก็ใช่ว่าจะใจไม้ไส้ระกำส่งวิเชษฐ์ ไปนั่งกระทรวงเล็กต๊อกต๋อย จัดที่ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ให้สมฐานะ ทั้งที่รู้กันทั้งบางว่า เก้าอี้นี้เป็นโควตาของ“ยุทธ ตู้เย็น - ยงยุทธ ติยะไพรัช” ที่กันที่นั่งไว้ให้ “วิสาร เตชะธีราวัฒน์”มานานสองนาน
แต่อย่างว่า“เจ้านาย”ย่อมเสียงดังกว่า “ขี้ข้า” จึงถีบส่ง “วิสาร” ไปเป็น มท.2 และยึดเก้าอี้ รมว.ทส. ไปแบบมีเลศนัย
แถมงานนี้ยังมีแรงพิสวาทจาก “เจ๊ จ.”ผู้ตั้งตัวเป็นขาใหญ่ในวงการสื่อ ที่ทั้งผลักทั้งดัน“ปานปรีย์”อีกแรง ให้เข้ามาเสียบในเก้าอี้ประธานบอร์ดปตท.
เมื่อเชื่อมต่อเรื่องราวดูการจัดวางตำแหน่งของ “จันทร์ส่องหล้าคอนเนกชั่น” ก็ยิ่งชัดเจนว่า “นายใหญ่-นายหญิง” ให้ความสำคัญกับขุมทรัพย์พลังงานไทย มากเป็นพิเศษ เพราะวางเครือข่ายไว้อย่างแน่นหนา โดยส่ง สายตรงไปคุมบนส่วนยอดของหน่วยงานขับเคลื่อนทั้งระบบ
ทั้งกระทรวงพลังงาน ก็มีกระบี่มือหนึ่งอย่าง “เสี่ยเพ้ง-พงศ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล”กุมบังเหียนอยู่ เชื่อมต่อกับ “เสี้ยตั๊ก” ประธานบอร์ด ปตท. และยังมี “วิเชษฐ์” ที่มาคุมกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ อีก เพราะแน่นอนว่ากระทรวงพลังงาน ย่อมเป็นเจ้าภาพหลัก โดยมี ปตท. เป็นตัวขับเคลื่อน เสริมด้วยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ที่จะมีส่วนสำคัญในเรื่องการสำรวจทรัพยากรต่างๆ
เข้าอีหรอบนี้ก็น่าหวั่นใจว่า แผนการที่จะฮุบ“พลังงานในอ่าวไทย”คงไม่ยากเกินเอื้อม