“พงศ์เทพ” โต้ ปชป.ถอดถอน ครม.ปมประมูลน้ำ ลั่นไม่มีใครคิดจะไปฝ่าฝืนกฎหมาย

รองนายกฯ เผย เวทีประชาเสวนาเสร็จสิ้น ก.ค.นี้ มอบหมายมหาดไทยเผยแพร่ประชาชน ไม่หวั่น ปชป.ถอดถอน ครม.ทั้งคณะ รับประกันแทนข้าราชการ-ฝ่ายการเมือง ไม่มีใครกล้าทำผิดกฎหมายแน่ พร้อมเลื่อนประชุมกรรมการอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองศุกร์นี้


วันนี้ (3 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมหารือการบูรณาการประชาสัมพันธ์เชิงรุกนโยบายของรัฐบาล เรื่องการสร้างความปรองดองสมานฉันท์และการปฏิรูปการเมืองว่า ขณะนี้เวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย 108 เวที ที่มีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เป็นผู้รับผิดชอบกำลังจะดำเนินการเสร็จสิ้นภายในเดือน ก.ค.นี้ โดยได้ขอให้กระทรวงมหาดไทยนำผลที่ได้จากการประชาเสวนามาเผยแพร่ให้พี่น้องประชาชนทราบในภาพรวม ว่าที่ผ่านมารัฐบาลชุดนี้ได้ดำเนินการอะไรไปบ้าง ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังได้เสนอแผนงานประชาสัมพันธ์ 3 ระยะคือ ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยให้สำนักโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี และกรมประชาสัมพันธ์ไปทำรายละเอียดเพื่อจะดำเนินการต่อไป

นายพงศ์เทพ กล่าวถึงกรณีที่มอบหมายให้มหาวิทยาลัย 3 แห่ง ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยรามคำแหง ไปศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้ 2 มหาวิทยาลัยได้แจ้งมาว่ามีความคืบหน้าไปมาก โดยในวันที่ 10 ก.ค.เวลา 13.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล จะมีการแถลงให้ทราบว่าผลการศึกษาเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ผลการศึกษาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญของมหาวิทยาลัยนั้น เราจะนำส่วนหนึ่งมาประกอบการพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพราะเราให้อิสระกับมหาวิทยาลัยทั้ง 3 แห่งอย่างเต็มที่

นายพงศ์เทพ ในฐานะประธานคณะกรรมการกลั่นกรองให้ความเห็นเกี่ยวกับคำสั่งศาลปกครองกลางในคดีโครงการบริหารจัดการน้ำมูลค่า 3.5 แสนล้านบาท ยังได้กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการยื่นถอดถอนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งคณะว่า ส่วนตัวไม่ได้หวั่นไหว เพราะเรื่องนี้มีการทำงานกันมาตั้งแต่สมัยน้ำท่วมใหญ่ มีทั้งข้าราชการประจำ และฝ่ายการเมืองมาช่วยกันคิดช่วยกันทำ โดยคิดว่าวิธีการในการแก้ไขปัญหาอุทกภัย หรือการบริหารจัดการน้ำจะทำแบบเดิมอย่างการทำเป็นจุดๆ นั้นไม่ได้ แต่เป็นโครงการที่ต้องมองในภาพรวมถึงจะแก้ปัญหาได้ ซึ่งมีการพยายามทำให้ถูกต้องกฎหมายที่สุด และคิดว่ามีการทำตามกฎหมายแล้ว อย่างไรก็ตาม ทีนี้การจะตีความกฎหมายฉบับต่างๆ มีความเห็นต่างกันได้ แม้กระทั่งศาลเองมีคำพิพากษามาก็มีเสียงข้างมากข้างน้อย ศาลชั้นต้นและศาลสูงไม่ใช่จะตัดสินคดีเหมือนกันหมด ตนกล้าพูดและรับประกันได้ว่าคนที่เขาทำ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายการเมือง หรือฝ่ายประจำ ไม่มีใครคิดจะไปฝ่าฝืนกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใด เพราะรู้ดีว่าหากทำจะเดือดร้อน เว้นเสียแต่ว่ามีความเข้าใจกฎหมายที่แตกต่างกัน เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์มองว่ารัฐบาลขัดต่อหลักกฎหมาย 5 ฉบับนั้น ขณะนี้ตนยังไม่เห็นรายละเอียด

“รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาน้ำท่วม มีความตั้งใจที่จะจัดการเรื่องน้ำเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ของประเทศ จากที่ปกติฤดูฝนจะถูกน้ำท่วม ฤดูแล้งไม่มีน้ำใช้ หากจะปล่อยกันอยู่อย่างนี้ประเทศชาติจะเสียหายขนาดไหน แล้วทุกปีที่มีน้ำแล้งน้ำท่วมเราสูญเสียเท่าไร การที่เราลงทุน 3.5 แสนล้านบาท สามารถแก้ตรงนี้ได้ ผลตอบแทนที่ประเทศชาติจะได้รับเยอะขนาดไหน ยิ่งช้าไปทุกปีๆ มันเป็นความสูญเปล่า ผมยืนยันได้ว่าโครงการเหล่านี้เป็นประโยชน์ และจำเป็นต้องทำ แต่จะทำให้ถูกต้องตามกฎหมายและคำพิพากษาอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง” นายพงศ์เทพ กล่าว

นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการเลื่อนเวลาจากเดิมจะมีการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองให้ความเห็นเกี่ยวกับคำสั่งศาลปกครองกลางในคดีโครงการบริหารจัดการน้ำมูลค่า 3.5 แสนล้านบาทในวันที่ 8 ก.ค.มาเป็นวันที่ 5 ก.ค.เวลา 09.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาลแทน โดยจะมีการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาศึกษา ส่วนเรื่องการอุทธรณ์เราคงให้ได้แค่ความเห็น ส่วนการตัดสินใจจะเป็นเรื่องของหน่วยงานเจ้าของเรื่องกับอัยการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า การประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ (เอชไอเอ) จะทำเฉพาะในส่วนของเขื่อน ส่วนโมดูลอื่นไม่ต้องทำจริงหรือไม่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า หลายเรื่องไม่เกี่ยวอยู่แล้ว มีเฉพาะบางเรื่องเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่นเขื่อนที่ต้องทำ