"ทักษิณ" ยก "เนลสัน แมนเดล่า" ยอดนักสู้ สร้างความปรองดองในชาติไม่หวั่นแม้ติดคุก พ้ออยากเห็นคนไทยสามัคคีกัน ทำประเทศให้กลับมาน่าอยู่ น่าเคารพในสายตาคนอื่น โบ้ยไม่หมู ถ้ายังมีขบวนการปล่อยข่าวลือหวังช่วงชิงอำนาจ โดยไม่เคารพกติกา แถมคนรักษากติกาก็ไม่มีใจเป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่29มิ.ย. เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดิน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Thaksin Shinawatra เล่าถึงความพยายามของประธานาธิบดีเนลสัน แมนเดล่า ต่อสู้เพื่อความปรองดองของคนในชาติ แม้ตัวเองต้องติดคุกเป็นสิบๆปี ก่อนโยงถึงประเทศไทย ดังนี้
หายไปนานครับ เดินทางมากไปหน่อย วันนี้ทราบข่าวท่านประธานาธิบดีเนลสัน แมนเดล่า (Nelson Mandela) ประธานาธิบดีผิวดำคนแรกของแอฟริกาใต้ ผู้เป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย อายุ 94 ปี เกิดอาการป่วยหนักรักษาตัวอยู่ในไอซียู ผมก็เลยขออนุญาตเขียนถึงท่านหน่อยครับเพื่อแสดงความนับถือและยกย่องบุคคลที่เป็นรัฐบุรุษของโลกไม่ใช่เพียงแอฟริกาใต้เท่านั้น
ท่านถูกจับติดคุกหลายปีในขณะต่อสู้กับการปกครองของคนผิวขาวเพื่อเรียกร้องสิทธิให้กับคนผิวดำซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศจนต้องถูกจับเข้าคุกไปเป็นสิบๆปี แต่ก็ไม่เคยลดละความพยายามที่จะต่อสู้
ในขณะที่ท่านติดคุก ก็มีภริยาของท่านคือ Winnie Mandela ภรรยาแรกที่มีบุตรด้วยกันหลายคนเป็นผู้นำการต่อสู้อยู่ข้างนอก จนท่านเนลสัน แมนเดลาพ้นคุก และลงเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยชนะได้เป็นประธานาธิบดีด้วยเสียงท่วมท้น แล้วท่านก็มาเริ่มขบวนการสร้างความปรองดองในชาติโดยใช้กีฬาคือรักบี้ฟุตบอลเป็นสื่อกลางให้คนขาวและคนดำมารวมกัน ซึ่งก็ได้ผลมากจนเกิดความปรองดองในชาติได้
ผมบังเอิญรู้จักภรรยาของท่านคือ Winnie Mandela ซึ่งเป็น ส.ส.อยู่ในสภา ขณะนั้นท่านก็อายุ 80 กว่าแล้ว(ภายหลังเลิกกันและภรรยาคนปัจจุบันของท่านคืออดีตภรรยาของอดีตประธานาธิบดีโมซัมบิก ซึ่งถึงแก่กรรมไปก่อนนานแล้ว) มาดาม Winnie ได้ชวนผมไปเยี่ยมที่บ้านที่อยู่ปัจจุบัน เป็นบ้านที่ท่านเนลสัน แมนเดลาได้มาอยู่ด้วยหลังจากออกจากคุก และก็ได้ให้ลูกสาวท่านพาผมไปเยี่ยมคารวะท่านประธานาธิบดี เมื่อ 2 ปีกว่าที่ผ่านมา ตอนนั้นท่านยังสมอง sharp มาก แต่ก็ไม่ค่อยดี ท่านยืนไม่ค่อยได้นาน ท่านเล่าให้ฟังว่าท่านถูกล่ามโซ่ ทำให้ขามีปัญหา และท่านก็ถามถึงเหตุการณ์บ้านเราในขณะนั้น ท่านอยากเห็นความปรองดองในประเทศไทย ก็แลกเปลี่ยนความเห็นกันอยู่พักนึง
พอวันนี้ผมก็เลยเขียนเพื่อแสดงความเคารพและหัวใจนักสู้ที่มีความเมตตาคิดถึงส่วนรวมมากกว่าตัวเอง และก็ได้แต่อยากเห็นประเทศไทยซึ่งเคยเป็นเมืองศิวิไลซ์แต่วันนี้กลับมีความแตกแยกได้กลับมาเป็นประเทศที่น่าอยู่เป็นที่ชื่นชมและน่าเคารพในสายตาคนอื่นเขาบ้าง แต่ก็ไม่ง่าย ถ้าเรายังอยู่กันด้วยการปล่อยข่าวลือโกหกทุกเรื่องเพียงเพื่อหวังทำลายฝ่ายตรงข้ามเพื่อให้ตัวเองได้มีอำนาจโดยไม่เคารพกติกาของประชาธิปไตย แถมคนรักษากติกาก็ไม่มีใจเป็นธรรม
วันนี้คนแอฟริกาใต้ไม่ว่าจะเป็นคนผิวขาวหรือคนผิวดำ เขาก็มีความรักชาติเขาและเคารพกติกาที่มีอยู่ทั้งๆที่คนผิวขาวแทบจะไม่มีบทบาททางการเมืองมากนัก เขาก็เต็มใจที่จะอยู่ในกติกาของเขา
บังเอิญกัปตันเครื่องบินส่วนตัวผมทั้งสองคนก็เป็นคนแอฟริกาใต้ผิวขาวทั้งคู่ เลยได้คุยกันถึงการต่อสู้ของท่านแมนเดลาและการอยู่ร่วมกันของคนทั้งผิวขาวและผิวดำอย่างสันติครับ