นายกฯ เผย ครม.ปู 5 อยู่ในขั้นทูลเกล้าฯ อ้างปรับเพื่อความเหมาะสม ยัน เค วอเตอร์ ได้จัดการน้ำตามกติกา พร้อมฟังศาล ปค.แนะ ให้คณะทำงานศึกษาคำสั่ง
วันนี้ (28 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรีว่ากำลังอยู่ในขั้นตอนของฝ่ายดำเนินการอยู่ เมื่อถามว่าแนวคิดการปรับครม.ครั้งนี้ยึดหลักอะไร นายกฯ กล่าวว่า เหมือนเดิม ยึดหลักความเหมาะสม และคิดว่าเราใช้เวลามาพอสมควร และช่วงนี้ก็ใกล้ครบ 2 ปีแล้ว เลยดูเพื่อความเหมาะสม เมื่อถามว่าดูเหมือนปัญหาใหญ่ยังไม่ได้รับการแก้ไขให้ตรงจุด มีแต่เรื่องข้าวอย่างเดียว นายกฯ กล่าวว่า รอให้โผครม.เสร็จก่อนแล้วกันดูภาพรวมอีกที แล้วค่อยฟังความคิดเห็นของสื่อมวลชน เมื่อถามว่าตัดสินใจอย่างไรจึงควบ รัฐมนตรีกลาโหม น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นดำเนินการ ถ้าโผ ครม.เสร็จจะขอรับฟังข้อคิดเห็นจากสื่อมวลชน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงกรณีบริษัทต่างชาติเปิดเผยถึงสถานะทางการเงินที่มีหนี้สินจำนวนมากของบริษัท เค วอเตอร์ มีหนี้สินจำนวนมากแต่กลับชนะการประมูลโครงการบริหารจัดการน้ำว่า ได้บอกให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบซึ่งเชื่อว่ารายละเอียดต่างๆคงจะมีขั้นตอนอยู่แล้ว และตนเองก็ยืนยันให้ตรวจสอบว่าไปตามขั้นตอน เมื่อถามว่าถ้าพบความผิดปกของบริษัทเควอร์เตอร์จริงจะดำเนินการอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ขอให้มีการตรวจสอบ และชี้แจงมาก่อนดีกว่า เชื่อว่าคณะกรรมการคงมีเงื่อนไขรายละเอียดต่างๆทั้งหมด อยากให้ดูตรงนี้ด้วย เพราะจริงๆ แล้ว เป็นเรื่องรายละเอียดที่ต้องมีขั้นตอนเนื้อหา และต้องดูว่ากติกาต่างๆ เป็นอย่างไร
ส่วนกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้ชะลอการประมูลโครงการบริหารจัดการน้ำโดยแนะให้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและจัดทำผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมาย 57 และ 67 วรรคสอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เราทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่เมื่อคำสั่งศาลปกครองออกมาอย่างไรก็คงต้องมอบให้คณะทำงานไปศึกษาในเนื้อหารายละเอียด ขอเรียนเบื้องต้นว่าอะไรที่ศาลปกครองแนะนำ เราก็คงต้องทำซึ่งอาจจะมีผลบ้างในเรื่องของขั้นตอนที่ต้องไปดูรายละเอียดและเงื่อนไข ข้อจำกัดนี้
“รัฐบาลจะพยาามทำอย่างเต็มที่เพราะเราก็ห่วง ว่าการบริหารจัดการน้ำจะไม่ยั่งยืนไม่ได้รับการแก้ไข” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามจะทำให้โครงการนี้ล้มหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับศาลปกครอง แต่เราก็พยายามทำอย่างดีที่สุดเพื่อที่จะให้ประเทศมีทางแก้ไข เพราะเราก็เห็นปัญหาอุทกภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นมากจริงๆ และแผนการบริหารจัดการน้ำไม่ใช่แค่แก้ปัญหาน้ำท่วม แต่จะแก้ปัญหาน้ำด้านการเกษตร ซึ่งปีที่ผ่านมามีปัญหาภัยแล้งตรงนี้จะทำให้ภาคการเกษตรได้รับน้ำหล่อเลี้ยง จากชลประทานและแหล่งน้ำต่างๆ จะมีผลทำให้พื้นที่เพาะปลูกและพืชผลลิตดีขึ้น ขอเรียนว่าจะทำอย่างเต็มที่