ในที่สุด การปรับคณะรัฐมนตรีของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็อุบัติขึ้นแบบอุบาทว์ฉับพลันทันด่วนเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ชนิดแกนนำพรรคเพื่อไทยหลายคนตั้งตัวกันแทบไม่ติด
แม้แต่พวกรัฐมนตรีในครม.ปู 4 ที่หลุดจากตำแหน่งหลายคนถึงกับออกอาการเหวอ ตั้งหลักกันไม่ถูก เก็บของออกจากห้องกันแทบไม่ทัน
สไตล์การปรับครม.ของยิ่งลักษณ์ ก็ทำเหมือนกับทักษิณ ชินวัตร พี่ชาย คือปรับเร็วและเงียบ เพื่อสกัดคลื่นลมแรงภายในพรรคเพื่อไทยไม่ให้กระเพื่อม ครั้งนี้แม้จะมีกระแสข่าวมาตลอดว่าทักษิณ ไฟเขียวให้ยิ่งลักษณ์ปรับครม.ได้แล้วตั้งแต่เมื่อเกือบ 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยิ่งลักษณ์ก็ยังหาโอกาสเหมาะสมไม่ได้
เพราะติดเงื่อนไขหลายอย่าง รวมถึงความไม่ลงตัวในเก้าอี้รัฐมนตรีบางตำแหน่ง ที่เห็นต่างกันของทักษิณกับยิ่งลักษณ์รวมถึง “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ จนมีข่าวต้องคุยกันหลายรอบกว่าจะได้ข้อยุติและได้ข้อสรุปสุดท้ายเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จนเป็นที่มาของการปรับครม.ปู 5 ดังกล่าว
ว่ากันว่า รายชื่อบางตำแหน่งกว่าจะลงตัวทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ก็คิดแล้วคิดอีกหลายรอบเหมือนกัน เพื่อให้เป็นการปรับครม.ที่ออกมาแล้วเรียกเสียงชื่นชมในทางบวกกับโฉมหน้าครม.ทีมเศรษฐกิจ-สังคม-การเมืองความมั่นคง อีกทั้งต้องทำให้กลุ่มการเมืองภายในพรรคมีความพึงพอใจ แม้อาจมีบางกลุ่มต้องผิดหวังบ้าง
เช่น กลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งข่าวหลายกระแสยืนกรานว่า การเปลี่ยนตัวเสนาบดีคราวนี้ยังคงเป็นการปรับครม.ที่สร้างความผิดหวังให้กับคนเสื้อแดงเหมือนเช่นเคยเพราะจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช.ยังคงลุ้นไม่ขึ้น ติดไฟแดงเหมือนทุกครั้ง จนคนชักสงสัยโอกาสจะได้เป็นรัฐมนตรีของจตุพร คงริบหรี่เสียแล้วในชีวิตนี้!
กล่าวถึงปัจจัยหลักๆ ในการปรับครม.ของยิ่งลักษณ์ครั้งนี้ ก็เหมือนกับการปรับครม.ทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่ใช่เฉพาะรัฐบาลยิ่งลักษณ์แต่กับทุกรัฐบาลเลยก็ว่าได้ คือต้องปรับเพื่อหวังผลการเมืองเชิงบวกกับนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเป็นหลัก
ปรับเพื่อ “ต่ออายุรัฐบาล”ออกไปเรื่อยๆ อันหมายถึงปรับรัฐมนตรีบางคนที่กระแสประชาชนไม่ค่อยพอใจคือมองว่าไร้ผลงานออกจากตำแหน่ง เพื่อลดความไม่พึงพอใจดังกล่าวออกไปจะได้ทำให้กระแสนิยมรัฐบาลยังคงดีอยู่ในความรู้สึกของประชาชน
อย่างเช่น เวลานี้ที่กระแสประชาชนและผู้คนในแวดวงต่างๆ มองว่า “บุญทรง เตริยาภิรมย์”คือจุดอ่อนของรัฐบาลกับการเป็นรมว.พาณิชย์ที่บริหารจัดการเรื่องโครงการรับจำนำข้าวล้มเหลว แถมยังมีแต่ข่าวติดลบออกมาต่อเนื่องและลามไปถึงคนใกล้ชิดทักษิณ ชินวัตร
ก็มีความจำเป็นที่ต้องมีการปรับบุญทรงออกไปจากตำแหน่งรมว.พาณิชย์ เพื่อกลบเรื่องเน่าเหม็นในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ชนิดที่แม้บุญทรงจะมีแบ็คอัพคือเจ๊แดง นางเยาวภา คอยหนุนหลังมาตลอด แต่เมื่อทั้งทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ประเมินแล้วว่าการเก็บบุญทรงเอาไว้ในตำแหน่งรมว.พาณิชย์มีแต่ผลเสียกับเสีย
การถีบบุญส่งออกจากก.พาณิชย์และรัฐบาลเลยทำได้แบบไม่ต้องลังเล และตัวเจ๊แดงรวมถึงบุญทรงเองก็ต้องยอมรับสภาพแต่โดยดี เฉดหัวบุญทรงออกจากเก้าอี้รมต.จึงเป็นตัวอย่างที่นำมาอธิบายได้เห็นภาพชัดเจนมากที่สุดว่าการปรับครม.เพื่อต่ออายุรัฐบาลก็คือลักษณะเช่นนี้
เช่นเดียวกับการที่ไม่มีการดัน “คางคกตู่-จตุพร พรหมพันธุ์”และ “พ.อ.อภิวันฑ์ วิริยะชัย”ที่เคยขึ้นเวทีเสื้อแดงแบบฮาร์ดคอร์เปิดหน้ารบกับทุกสายชนิดเสื้อแดงด้วยกันเองยังอึ้ง มาเป็นรัฐมนตรี ทั้งที่ทั้งสองคนมีชื่อติดโผเป็นแคนดิเดทมาร่วมสองปีนับแต่เพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ก็เพราะทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ก็รู้ดีว่า หากเอา คางคกตู่กับเสธ.เปีย ที่มีความเป็นสายล่อฟ้าทางการเมืองสูงมาเป็นรัฐมนตรี มีหวังได้ลากเอาฝ่ายตรงข้ามที่เพลามือในการชนกับรัฐบาลให้ออกมาจากมุมแล้วดาหน้าชนกับรัฐบาลเต็มตัว ทำให้ชื่อของตู่-จตุพร กับเสธ.เปีย เลยต้องถูกแขวนไว้อีกครั้ง
ย่อมพูดได้ว่า ทั้ง “เจ๊แดง-เสื้อแดง”เป็นของแสลงของรัฐบาลเพื่อไทย ณ คาบนี้
จากปัจจัยที่ยกมาข้างต้น แสดงให้เห็นชัดว่า คือยังไงเสีย นักการเมืองก็ต้องคิดถึงความอยู่รอดของตัวเองเป็นหลักหาใช่คิดถึงส่วนรวม เช่นเดียวกับทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ก็ปรับครม.ภายใต้คิดว่าปรับอย่างไรแล้วจะอยู่ได้นานที่สุดเป็นหลัก หาใช่ปรับเพื่อเอาคนดีๆ มาทำงาน รับใช้ประเทศชาติรับใช้ส่วนรวม
ในทางตรงกันข้าม คือปรับเพื่อเอาคนที่สั่งแล้วสนองตอบได้ทุกเรื่องแม้จะเป็นการสนองตอบที่อาจสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายหรือผิดต่อจริยธรรมอันดีทางการเมืองมาเป็นรัฐมนตรี คนไหนสั่งไม่ได้ หัวแข็ง ไม่สนองตอบก็ต้องเฉดหัวทิ้งเหมือนกับที่เคยทำมาแล้วหลายคนก่อนหน้านี้ อาทิ “ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล”อดีตรมว.คลังเป็นต้น
“ทีมข่าวการเมือง”มองว่าการปรับครม.ครั้งนี้เมื่อดูจากรายชื่อที่สื่อมวลชนำเสนออย่างไม่เป็นทางการ หรือที่เรียกกันว่าโผครม.จนถึงช่วงสายวันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน 2556 ที่สื่อหลายสำนักก็เสนอข่าวแตกต่างกันไป อาจมีถูกบ้าง หรือไม่ตรงบ้างในตำแหน่ง แต่ก็มีหลายตำแหน่งที่สร้างเสียงฮือฮาไม่น้อย
อย่างเช่น ข่าวบางกระแสที่อ้างว่า รายชื่อ ครม.ปู 5 มีดังนี้ อย่างเช่น
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม อีกหนึ่งตำแหน่ง
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา กลับเข้ามาเป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เป็นรองนายกฯ ควบ รมว.พาณิชย์
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นรองนายกฯ ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา เป็นรองนายกฯตำแหน่งเดียว
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็น รมว.แรงงาน นายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็น รมว.ศึกษาธิการ
นายพีระพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร เป็น รมว.วิทยาศาสตร์ฯ
นายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
นายพิชิฏ ชื่นบาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
นายชัยเกษม นิติสิริ เป็น รมว.ยุติธรรม
นางปวีณา หงสกุล เป็น รมว.พัฒนาสังคมฯ
นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี เป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช เป็น รมช.มหาดไทย
นายพ้อง ชีวานันท์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา เป็น รมช.คมนาคม
นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมศุลกากร เป็น รมช.คลัง
นายวีระวัฒน์ โอสถานุเคราะห์ ส.ส.กาฬสินธุ์ เป็น รมช.คลัง
นายวิสาร เตชะธีระวัฒน์ เป็น รมช.มหาดไทย
นายสรวงศ์ เทียนทอง เป็น รมช.มหาดไทย
นายยรรยง พวงราช เป็น รมช.พาณิชย์ เป็นต้น
โดยรัฐมนตรีจากครม.ปู 4 ที่พ้นจากตำแหน่งก็มีอาทิเช่นเผดิมชัย สะสมทรัพย์ พ้นจาก รมว.แรงงาน, พล.อ.สุกำพล สุวรรณทัต พ้นจาก รมว.กลาโหม, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง พ้นจาก รมช.คมนาคม, นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข พ้นจาก รมว.ทรัพยากรฯ, นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ พ้นจาก รมว.พาณิชย์ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก พ้นจาก รมช.มหาดไทย
ขณะที่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ยังคงดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.คลัง นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ก็พลิกความคาดหมายยังได้นั่ง มท.1 เช่นเดิม
ขณะที่ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลพบว่าไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ อันผิดไปจากที่หลายคนคาดหมายไว้ก่อนหน้านี้ อย่างเช่นพรรคชาติพัฒนาของสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ที่เดิมหลายคนมองว่าสุวัจน์ที่ว่างเว้นการเมืองมาร่วมหกปีกว่า เมื่อพ้นโทษแบนคดียุบพรรคไทยรักไทย ก็น่าจะกลับเข้ามาเป็นรมว.อุตสาหกรรมแทน ประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรมได้แล้ว แต่ก็ผิดคาดเพราะสุวัจน์ยังคงมอบโอกาสให้ประเสริฐได้เป็นรมว.อุตสาหกรรมต่อไป
อีกหนึ่งก๊วนที่พลิกความคาดหมายก็คือ “กลุ่มมัชฌิมาฯ”ในพรรคภูมิใจไทยของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน”ที่ตามข่าวบอกว่าพยายามวิ่งเต้นกับเจ๊แดง เยาวภาและสมชาย วงศ์สวัสดิ์เพื่อต่อสายเคลียร์กับทักษิณ ชินวัตรให้เปิดโควต้ารัฐมนตรีให้กลุ่มมัชฌิมาฯที่ทำตัวเป็นรัฐบาลในฝ่ายค้านมาร่วมสองปีได้แล้ว หลังกดปุ่มสนับสนุนร่างกฎหมายสำคัญๆของรัฐบาลมาตลอดอย่างล่าสุดก็ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557
จนมีข่าวเจ๊แดงพาสมศักดิ์ไปหายิ่งลักษณ์ถึงตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลมาเมื่อหลายวันก่อนที่จะมีการปรับครม.แม้จะมีการอ้างว่าเป็นการไปพบ เพื่อคุยเรื่องการขอให้สนับสนุนการเกษตรปาล์มน้ำมัน แต่ไม่มีใครเชื่อ เพราะดูแล้วน่าจะเป็นการไปพบเพื่อให้สมศักดิ์ได้ยินจากปากของยิ่งลักษณ์เองว่า
ทำไมถึงยังให้กลุ่มมัชฌิมาฯเข้าร่วมรัฐบาลในเวลานี้ไม่ได้ จึงทำให้มีข่าวว่าหลังจากไปพบกับยิ่งลักษณ์วันนั้น ตัวสมศักดิ์ก็บอกกับส.ส.ในกลุ่มที่มีด้วยกัน 7 คนว่า
“วีซ่าจากดูไบยังไม่ผ่าน”
นั่นหมายถึง ยังต้องรอเพลงรอต่อไปในการจะเข้าร่วมรัฐบาล
เมื่อดูจากที่รัฐมนตรีบางคนในกลุ่มเจ๊แดงถูกลดบทบาทลงไปที่มีทั้งถูกปรับออกไปเลยหรือถูกปรับเปลี่ยนออกไปจากตำแหน่งเดิมที่ใหญ่กว่าตำแหน่งใหม่ในครม.ปู 5
ไม่ว่าจะเป็นทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ที่อาจหลุดจากรมช.คลัง-สันติ พร้อมพัฒน์ ที่แม้ตามข่าวบอกว่ามีสิทธิ์อยู่ต่อแต่โดนโยกจากรมว.พัฒนาสังคมฯมาเป็นรมต.สำนักนายกรัฐมนตรีที่ก็ถือว่าลดชั้นลงไปเรื่อยๆ จากเดิมที่เคยเป็นรมว.คมนาคมมาก่อนหน้านี้
รวมถึงกรณีของบุญทรงและวรวัจน์ เอื้ออภิญากุล ที่ต้องหลุดจากครม.ปู 5 และการที่ไม่สามารถนำกลุ่มสมศักดิ์เข้าร่วมรัฐบาลได้ แสดงให้เห็นอย่างหนึ่งว่าบทบาทของ “เจ๊แดง”ถูกลดบทบาทลงไปไม่ใช่น้อย ที่อาจเป็นไปตามแผนของทักษิณ-เจ๊แดง-ยิ่งลักษณ์ ที่ต้องชูภาพความเป็นผู้นำของยิ่งลักษณ์ให้โดดเด่นขึ้นในช่วงสองปีของรัฐบาลที่เหลืออยู่ต่อจากนี้
แต่คนจะเชื่อในตัวปูกรรเชียงหรือไม่? มีแต่มองว่า ยิ่งลักษณ์ยิ่งนาน ก็ยิ่งเละ