โฆษกเพื่อไทย อ้าง ปชป.จ่อยื่นถอด ครม.เกมการเมืองขวางจัดการน้ำ ท้าโชว์หลักฐานโกง จวกหน้ากากขาวเคลื่อนไหวเกินสิทธิ์ กุนักธุรกิจ ป.เคยวางแผนฆ่า “แม้ว” ผสมโรงสื่อ ส.และนักการเมือง น.เสื้อน้ำเงิน และ ส.ไล่รัฐบาลด้วยยุทธวิธีสหบาทา บอกเดี๋ยวขุดประจานแน่ ยันลดราคาจำนำข้าวไม่ได้ทำนโยบายเหลว โวขาดทุนเพื่อชาวนา
วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่รัฐสภา นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีครม.เงาของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีมติยื่นถอดถอนคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ ฐานที่อนุญาตให้ประมูลโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท โดยจะยื่นต่อประธานวุฒิสภาในสัปดาห์หน้า เพราะมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์และส่อฮั้วประมูล ว่า เรื่องนี้ถือเป็นเกมการเมืองในลักษณะตีขลุม ที่พยายามขัดขวางโครงการบริหารจัดการน้ำ โดยกล่าวหาว่ารัฐบาลทุจริตในโครงการดังกล่าว ทั้งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน โดยยืนยันว่าการประมูลโครงการของรัฐบาลเป็นไปด้วยความโปร่งใสทุกขั้นตอน โดยมี นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกโครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบโครงการต่างๆ อย่างมีขั้นตอน ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเพราะต้องการลดความน่าเชื่อถือของคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการค้านที่ไม่สร้างสรรค์ และไม่เกิดประโยชน์ ส่วนที่กล่าวอ้างว่าส่อไปในทางทุจริต ก็ต้องหาหลักฐานมาแสดงให้ชัดเจน และอยากให้พรรคประชาธิปัตย์ มีการปฏิรูปพรรคให้ดำเนินงานอย่างสร้างสรรค์ไม่ใช่มากล่าวหาอย่างเลื่อนลอย
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ยังแสดงความไม่สบายใจต่อกรณีการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มต่างๆ ในขณะนี้ โดยเฉพาะกลุ่มกลุ่มแนวร่วมรักชาติรักแผ่นดิน นำโดยนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ออกมายื่นถวายฎีกา ขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน ตามมาตรา 7 และการเคลื่อนไหวของกลุ่มหน้ากากขาว ที่มีกิจกรรมอย่างต่อเนื่องนั้น เห็นว่าหากเป็นการแสดงความเห็นที่แตกต่างและภายใต้กรองของกฎหมาย ก็สามารถทำได้ แต่หากต้องการออกมาล้มรัฐบาล โดยใช้วิธีการนอกระบบ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งมองว่าทั้ง 2 กลุ่ม น่าจะเคลื่อนไหวเกินเลยกว่าการใช้สิทธิปกติ ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 เรื่องการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย ซึ่งตนขอเรียกร้องไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดำเนินการตรวจสอบการเคลื่อนไหวของสองกลุ่มดังกล่าวด้วย ซึ่งหากไม่ดำเนินการ ตนจะถือว่าเป็นพวกเดียวกัน
ทั้งนี้ นายพร้อมพงศ์ ยังเปิดเผยว่า มีการเคลื่อนไหวของนักธุรกิจใหญ่ อักษรย่อ “ป.” ที่เคยวางแผนฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมกับนักสื่อสารมวลชน อักษรย่อ ส.และนักการเมือง น.ที่ใส่เสื้อสีน้ำเงินเคยนั่งรถมอเตอร์ไซค์ขับไล่รัฐบาลที่พัทยา และ ส.ที่เคลื่อนไหวใต้ดิน ร่วมกันเดินหน้าขับไล่รัฐบาลด้วยยุทธศาสตร์ “สหบาทา” คือเป็นกลุ่มคนที่เสียประโยชน์เสียอำนาจ พวกขี้อิจฉาและพวกที่หวังว่าจะได้รับการเลือกตั้งด้วยวิธีพิเศษ เพราะแพ้การเลือกตั้งมาหลายตรั้ง โดยตนตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะเป็นแนวร่วมที่ให้การสนับสนุนเครือข่ายม็อบต่างๆ ที่ต่อต้านรัฐ โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือการล้มรัฐบาล ซึ่งตนจะตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้วนำหลักฐานมาประจานและเมื่อได้หลักฐานที่ชัดเจนแล้วตนจะดำเนินการยื่นยุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องตามมาตรา 68 ทันที
สำหรับคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่ลดราคาจำนำข้าว จาก 15,000 บาทต่อตัน เหลือ 12,000 บาทต่อตัน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 56 นั้น โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่ได้สะท้อนว่านโยบายของรัฐบาลล้มเหลว เพียงแต่เป็นการแก้ไขปัญหาขาดทุน ซึ่งเป็นการดำเนินงานของฝ่ายบริหาร และยืนยันว่า จะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป เพราะเห็นว่าเป็นโครงการที่ดีและมีประโยชน์ต่อชาวนา อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยไม่กังวลว่าชาวนาจะออกมาคัดค้าน หรือแสดงความไม่พอใจ ที่ได้ราคารับจำนำข้าวน้อยลงกว่าเดิม เนื่องจากรัฐบาลได้เตรียมแผนการที่จะลดต้นทุนการผลิตให้แก่ชาวนา อาทิ ลดค่าปุ๋ย และค่าเมล็ดพันธุ์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังขอให้ฝ่ายค้านที่โจมตีโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลว่ามีการทุจริต ไม่ว่าจะระบุว่ามีเสี่ย ป.มาเป็นนายหน้าในการขายข้าว หรือพบข้าวเน่าในโรงสีต่างๆ นั้น ขอให้ฝ่ายค้านนำหลักฐานและข้อมูลที่มีมาให้กับรัฐบาล เพื่อจะได้ดำเนินการตรวจสอบต่อไป ดีกว่าที่จะมามุ่งโจมตีรัฐบาลโดยหวังผลทางการเมือง เพราะเรื่องการทุจริตต่างๆ ที่ได้รับการร้องเรียนมานั้นรัฐบาลก็ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบในเรื่องนี้อยู่
เมื่อถามว่า ร้านค้าถูกใจเป็นโครงการที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมืออนุมัติการระบายข้าว 2.5 ล้านตันหรือไม่ เพราะจำหน่ายได้จริงเพียงแค่ 7-8 หมื่นตันเท่านั้น นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ร้านค้าถูกใจก็เป็นเพียงช่องทางหนึ่งในการระบายข้าว จะจำหน่ายได้เท่าใดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นโครงการรับจำนำข้าว หรือประกันราคาข้าวรัฐบาลก็ขาดทุนทั้งนั้น แต่จะมากหรือน้อยแตกต่างกันไปเท่านั้น เพราะการขาดทุนในโครงการก็เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร เชื่อว่าทุกวันนี้รัฐบาลเดินหน้ามาถูกทางแล้วแม้ว่าจะถูกโจมตีอย่างหนัก ส่วนเรื่องการทุจริต เชื่อว่าคงไม่มีรัฐบาลใดอยากให้เกิดขึ้น เพราะหากคนในพรรคเพื่อไทยทำการทุจริตจริงรัฐบาลก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน