ผู้บัญชาการทหารบกไม่รู้ เสธ.คนดังเอี่ยวอุ้มฆ่า “เอกยุทธ” แต่ลั่นทหารเกี่ยวคดีต้องถูกลงโทษ เตือนกำลังพลอย่าหลงทาง วอนอย่าโยงการเมือง อ้างไปสหรัฐฯ ถึง 5 รัฐไม่มีเวลาพบ “ทักษิณ” ยันบินร่วม ขรก.เพียบไปไหนใครก็รู้ บอกไม่ไปรับปัญหาเพิ่ม
วันนี้ (14 มิ.ย.) ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) เมื่อเวลา 08.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง ตั้งข้อสงสัยว่ามี เสธ.คนดังอยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตของนายเอกยุทธว่า ตนเห็นจากข่าวในหนังสือพิมพ์เห็นท่านบอกว่าถ้าใครไปพาดพิงจะฟ้องเอาจึงต้องระวังตัวไว้ ตนตอบได้แค่นั้น ตนไม่ทราบ ซึ่งหากในคดีนี้มีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องก็ต้องถูกลงโทษ ไม่ใช่เฉพาะคดีนี้คดีเดียว แต่ที่เป็นคดีอาญาทั้งหมด ตนได้เน้นย้ำเสมอให้มีการลงโทษผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น เพราะถือเป็นการทำให้กองทัพบกเสื่อมเสีย เนื่องจากคนอื่นทำงานทุ่มเทเสียสละชีวิตตามแนวชายแดน ดังนั้นคนที่ทำงานตามภารกิจปกติต้องระมัดระวังตัวเอง อย่าหลงไปในทางที่ไม่ดี อย่าไปร่วมกระทำความผิด ส่วนกรณีที่มีคนพยายามโยงคดีนี้ไปเป็นเรื่องการเมืองนั้น คงต้องขอร้องทุกส่วน ทุกคน โดยเฉพาะสื่อที่มีบทบาทสำคัญในสังคมว่า เราต้องพยายามชี้นำไม่ให้สังคมไปสู่ความรู้สึกยึดโยงอะไรต่างๆ ขอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่และกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมที่เป็นหลักของบ้านเมือง ถ้าเราไม่ยึดถือกฎกติกาอะไรเลยก็อยู่กันไม่ได้ และจะวุ่นวายไปหมด ประเทศไทยอยู่ได้ด้วยกฎหมาย
ผู้บัญชาการทหารบกให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มสื่อวิทยุเพื่อประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) ได้มายื่นหนังสือถึง ผบ.ทบ.เพื่อขอคำยืนยันในการรักษาประชาธิปไตยและจะไม่ปฏิวัติว่า วันนี้ทหารเป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว เคารพในกติกาทั้งหมด ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย ประชาธิปไตยว่าอย่างไรทหารทำตามนั้นตลอด ทหารต้องฟังความคิดเห็นประชาชนทุกกลุ่ม ซึ่งตนได้กำชับกำลังพลให้ทำตามระเบียบวินัยที่เป็นไปตามสายการบังคับบัญชา อะไรที่ไม่สั่งก็อย่าทำ อะไรที่จะเป็นเรื่องเสื่อมเสียก็อย่าไปทำให้มีปัญหามาก วันนี้เรายึดอยู่ในเส้นทางที่ส่งเสริมประชาธิปไตย เพื่อทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ส่วนใครที่เป็นปัญหาต้องแก้ปัญหาให้ได้ ต้องมีกระบวนการในการแก้ไข ถ้าวันนี้แก้ไม่ได้ วันหน้าก็ต้องแก้ให้ได้ ซึ่งต้องแก้กันได้สักวันหนึ่ง ขอบคุณที่ทุกคนให้เกียรติ อุตส่าห์เดินมาทุกวันที่หน้ากองทัพบก ขอบคุณให้ความตั้งใจที่แสดงความรักชาติ รักประเทศ ซึ่งพวกตนก็รักไม่น้อยไปกว่าท่าน แต่กองทัพรักในตัวบทกฎหมาย ไม่อย่างนั้นกองทัพก็ควบคุมกันไม่ได้ และเดินไปข้างหน้าไม่ได้ กองทัพมีหลายภารกิจที่ต้องแก้ปัญหาทั้งชายแดน ภาคใต้ เราควรให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาต่างๆ มากกว่า
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบกยังให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว ระหว่างเดินทางไปเยือนประเทศสหรัฐอเมริกาได้พบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ตนไปทำงานตามหน้าที่ทางทหาร ตนทำงานให้ประเทศชาติ การเดินทางไปเยือนครั้งนี้ใช้เวลามาก เพราะเดินทางไปถึง 5 รัฐ ซึ่งตนคงไม่มีเวลาไปพบ และไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปพบกับใคร และไม่มีใครอยากมาพบตน แล้วท่านจะมาพบตนเรื่องอะไร และทำไมท่านต้องมาพบตน ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไร ตนไม่ใช่คนสำคัญที่ท่านต้องมาพบ และคณะก็มีหลายคน เดินทางด้วยเครื่องบินทางทหารตลอด มีเจ้าหน้าที่ติดตามตลอด ตนไปไหนเขาก็รู้หมด ตนคงไม่ไปรับปัญหาอะไรจากใครมาอีก
“ผมไปสร้างความเข้าใจกับสหรัฐอเมริกาว่า เราไม่มีปัญหาอะไรมากมาย ประเทศไทยพร้อมเป็นประเทศที่ต้อนรับคนที่มาท่องเที่ยว การที่มีระเบิดในภาคใต้ไม่ใช่ว่า ประเทศเราจะเป็นประเทศที่มีความรุนแรงลำดับต้นๆ เราไม่เหมือนกับประเทศอื่นที่มีการปฏิบัติการทางทหารอย่างเต็มที่ สามารถใช้อาวุธได้อย่างเต็มที่ เราไม่ใช่แบบนั้น เป็นคนละลักษณะกัน ซึ่งเขาก็เข้าใจ และคนก่อเหตุไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายจากนอกประเทศ แต่เป็นคนไทยทั้งสิ้น ยังไม่มีต่างประเทศเข้ามาเกี่ยวโยง ถ้าเราใช้ความรุนแรงมากนักจะสุ่มเสี่ยงต่อการทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างศาสนา ไม่ใช่ว่า เราอ่อนแอ เราเข้มแข็งในทุกมิติ แต่ต้องทำภายใต้กฎหมายไทย และกฎหมายระหว่างประเทศ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว