ที่ประชุม กก.บห.ปชป.สั่งเอาผิดแก๊งเสื้อแดงป่วนเวทีปราศรัยพรรคต่างจังหวัด ฐานปิดถนน ปลุกระดม และบังคับข่มขู่ขืนใจ ยื่นหลักฐานวิทยุเสื้อแดงต่อ กสทช.พร้อมยื่นหนังสือจี้นายกฯ-รองนายกฯ และ ผบ.ตร.เลิกเกียร์ว่าง ประเมินกลุ่มเสื้อแดงรุนแรงขึ้น ตั้งใจก่อกวนโดยเฉพาะ เพราะเวทีพรรครับรู้วงกว้าง เชื่อประชาชนอึดอัดออกมามากขึ้น
วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะทำงานกฎหมายของพรรคว่า ที่ประชุมได้พิจารณาองค์ประกอบความผิดที่จะดำเนินการเอาผิดกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ก่อกวนเวทีผ่าความจริงของพรรคประชาธิปัตย์ในทุกเวที โดยแยกประเภทความผิดคือ 1.กลุ่มที่ทำความผิด พ.ร.บ.การจราจร และ พ.ร.บ.ทางหลวง เพราะมีการปิดถนน ซึ่งรัฐบาลชุดนี้เคยใช้กฎหมายนี้จัดการกับผู้ชุมนุมที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ที่ จ.ปทุมธานี และศาลเคยสั่งลงโทษมาแล้ว
2.กลุ่มที่ทำความผิดว่าด้วย พ.ร.บ.การโฆษณา 3.กลุ่มกระทำผิดกฎหมายอาญา ที่มีการมั่วสุมเกิน 10 คน และบังคับข่มขู่ขืนใจ ละเมิดสิทธิ์คนอื่น ซึ่งได้ให้ทีมกฎหมายไปร่างหนังสือเพื่อนำไปดำเนินการกล่าวโทษในทุกสถานที่เกิดเหตุ เช่น ที่ จ.ลำพูน ก็จะไปแจ้งความที่ สภ.ป่าซาง นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่กระทำผิด โดยใช้อาวุธ เช่น ลูกแก้ว หัวนอต ยิงเข้ามายังเวทีปราศรัย จนประชาชนได้รับบาดเจ็บ โดยทางพรรคจะติดต่อไปยังผู้ที่บาดเจ็บเพื่อมาเป็นพยานในคดีนี้ และ 3.กลุ่มที่จัดวิทยุชุมชน ปลุกระดมให้ประชาชนออกมาพังเวทีผ่าความจริง โดยพรรคมีคลิปเสียง ทั้งวิทยุชุมชนที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.ลำพูน โดยพรรคจะรวบรวมหลักฐานยื่นต่อคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ให้ดำเนินการกับวิทยุชุมชนเหล่านี้ด้วย
ในส่วนการดำเนินการกับฝ่ายการเมือง ทางพรรคจะยื่นหนังสือต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ด้วย เพราะบางเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ดูแลให้ผู้ชุมนุมอยู่ในขอบเขตกฎหมายอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ที่ผ่านมาพรรคได้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อกวนเวทีผ่าความจริงไปแล้ว เช่น ที่ จ.ศรีสะเกษ และ จ.พะเยา แต่ที่จังหวัดดำเนินการต่อไป คือ จ.สิงห์บุรี สุพรรณบุรี และ ลำพูน
ทั้งนี้ มีการประเมินว่าเหตุที่กลุ่มคนเสื้อแดงมีพฤติกรรมที่รุนแรงขึ้น เพราะเวทีผ่าความจริงของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นที่รับรู้ของประชาชนในวงกว้างขึ้น ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมียุทธศาสตร์มาสกัดกั้น โดยในทุกที่มักมีแกนนำเป็นกลุ่มเดียวกัน แต่อาศัยคนเสื้อแดงในชุมชนมาร่วมประปราย อีกทั้งการปราศรัยก็เป็นการใช้คำพูดเดิมๆ จึงถือว่าเป็นกลุ่มเฉพาะกิจตั้งใจมาก่อกวนโดยเฉพาะ ทั้งนี้เหตุการณ์ที่ จ.ลำพูน ที่มีการใช้ลูกแก้ว หัวนอต เป็นอาวุธเดียวกับที่เคยใช้ในการชุมนุมทางการเมืองปี 2553 ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ทำให้ประชาชนเริ่มอึดอัด และมีท่าทีออกมาร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์มากขึ้น