รองโฆษก พท.เมินหน้ากากขาวแค่คนหน้าเดิม สับเปลี่ยนตามสถานการณ์ เย้ยไร้น้ำยาล้มรัฐบาลได้ อ้างประชาชนเบื่อเพราะห่วงปากท้องมากกว่า อุ้ม “ปลอดประสพ” ปากพล่อย อ้างเป็นลีลาส่วนตัว เหน็บประชาธิปัตย์ก็เคยทำ
วันนี้ (6 มิ.ย.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มหน้ากากขาวและหน้ากากแดงในวันนี้ ว่าเป็นเพียงการใช้สิทธิตามระบอบประชาธิปไตย ไม่มีนัยยะทางการเมือง แต่เห็นว่ากลุ่มหน้ากากขาวมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มไทยสปริงของนายแก้วสรร อติโพธิ อดีต คตส.ที่มีผลประโยชน์จากการรัฐประหารและอยู่ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาล ซึ่งมีความพยายามขับไล่รัฐบาลมาโดยตลอด ซึ่งตนมองว่าขณะนี้ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะถ้ารัฐบาลทำไม่ดีประชาชนก็มีสิทธิ์ตรวจสอบ ซึ่งมองว่าม็อบดังกล่าวเป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มเดิม อาทิ ม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ม็อบเสื้อหลากสี และม็อบสนามหลวง ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ พร้อมทั้งเชื่อว่าม็อบดังกล่าวจะไม่สามารถนำไปสู่การล้มล้างรัฐบาลได้ เพราะจากผลการสำรวจโพลหลายสำนักพบว่าประชาชนไม่ให้ความสนใจกับม็อบต่างๆ แล้ว แต่สนใจเรื่องปากท้องมากกว่า ทั้งนี้ยังมองว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีการชุมนุมครั้งใดที่สามารถล้มรัฐบาลได้นอกจากการทำรัฐประหารเท่านั้น
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงม็อบ กวป.ว่าไม่ได้มีใครอยู่เบื้องหลัง หรือรัฐจัดตั้งให้มาปะฉะดะกับม็อบต่างๆ แต่อย่างใด แต่ม็อบนี้เกิดจากภาคประชาชนที่มีการรวมตัวกันเพื่อปกป้องความยุติธรรมของสังคม ซึ่งเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ในกรอบของกฎหมาย
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงการเรียกร้องของกลุ่มหน้ากากขาวให้ปลดนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี เนื่องจากใช้ถ้อยคำไม่สุภาพบนเวทีปราศรัยที่จังหวัดเชียงใหม่ ว่า ถือเป็นลีลาการปราศรัย ซึ่งทุกคนก็มีลีลาเป็นของตัวเองและพรรคไม่ได้ติดใจ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ อีกทั้งเมื่อเปรียบเทียบกับการปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ก็มีความรุนแรงเช่นเดียวกัน ซึ่งถือว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องธรรมดาของนักการเมือง ส่วนกรณีที่ประชาชนในจังหวัดภูเก็ตไม่พอใจนายปลอดประสพ ที่ระบุว่าจะไม่ให้งบประมาณลงไปพัฒนาพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติภูเก็ตนั้น ไม่เป็นความจริง ซึ่งตนในฐานะที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการและเป็นคนในพื้นที่ไม่อยากให้นำประเด็นนี้ไปสู่ความขัดแย้ง เพราะขณะนี้รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการอยู่ แต่เนื่องจากติดปัญหาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และหากดำเนินการผ่านในขั้นตอนนี้ก็จะเดินหน้าโครงการนี้ทันที