ผ่าประเด็นร้อน
งานนี้รับรองว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับอำมาตย์แกล้งแน่นอน แต่เป็นเรื่องเฉพาะตัวของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ล้วนๆ เพราะฉับพลันที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ออกมาเตือนว่าประเทศไทยเสี่ยงต่อการถูก “ลดระดับเครดิต” ของประเทศในอนาคต หากยังดันทุรังเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวที่ขาดทุนยับกว่าสองแสนล้านบาท เท่านั้นแหละพี่น้องเอ๋ย ทำเอาเต้นกันไปทั้งรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ถึงกับเครียดสั่งการให้กระทรวงการคลัง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไปหาทางชี้แจงให้ทางมูดีส์ และชาวบ้านได้เข้าใจ เพราะถ้าเกิดถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือขึ้นมาจริงละก็ “วายป่วง” แน่
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ดูแล้วทำท่าไม่สู้ดีเอาเสียเลย เมื่อพิจารณาจากท่าทีล่าสุดที่ออกมาจากผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สมชัย สัจจพงษ์ ที่แถลง “ประณามมูดี้ส์” โดยระบุว่าเป็นการกระทำแบบไม่ใช่มืออาชีพ ทำนองว่าเป็นการนำข้อมูลจากสื่อ “มาตัดแปะ” อะไรทำนองนั้น โดยไม่ได้ตรวจสอบโดยตรงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะจากกระทรวงการคลัง ความหมายก็คือ “ลดความน่าเชื่อถือหรือลดเครดิตมูดี้ส์” สวนทางไปเลย พร้อมทั้งอ้างว่า หากขาดทุนถึงขั้นเลวร้ายจริงๆ ก็ราว 1 แสนล้านบาทเท่านั้น ไม่มีทางถึง 2 แสนล้านบาท
แม้จะอ้างว่าไม่ใช่สองแสนล้าน แค่หนึ่งแสนล้านบาทก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าตกใจแล้ว เพราะถือว่าไม่ใช่เงินจำนวนน้อย
ขณะเดียวกัน ตามข่าวบอกว่า สำหรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กิตติรัตน์ คงจะไม่แถลงออกมาเพิ่มเติม และการแถลงของผู้อำนวยกานสำนักงานเศรษฐกิจการคลังดังกล่าวก็คงได่รับความเห็นชอบมาแล้วนั่นแหละ เพราะก่อนหน้านี้เขาได้บอกว่าหากแถลงเองอาจจะไม่น่าเชื่อถือก็เป็นได้ หลังจากเคยมีวาทะเรื่อง “ไวต์ลาย”และเคยประกาศมาแล้วว่าหากโครงการรับจำนำข้าวขาดทุนเกิน 6 หมื่นล้านบาทก็จะลาออก
แต่เมื่อพิจารณาจากอาการตื่นเต้นของรัฐบาลจากเรื่องดังกล่าวพอมองออกว่า “เป็นเรื่องใหญ่จริงๆ” เพราะล่าสุดรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ด้านสถียรภาพการเงิน ผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ที่ยอมรับว่าหากเป็นไปตามที่มูดี้ส์เตือนเอาไว้จริง จะส่งผลกระทบถึงค่าเงินบาท และต้นทุนในการกู้ยืมเงินของภาคเอกชนจะสูงขึ้น จะกระทบเป็นลูกโซ่
นอกเหนือจากเรื่องความเสี่ยงต่อการถูกหั่นเครดิตดังกล่าวแล้วยังมีเรืองคำเตือนเสียงเข้มจากองค์การการค้าโลก (WTO) จากนโยบายจำนำข้าวนี้ด้วยเหมือนกัน เพราะเห็นว่าเป็นการขัดกับระเบียบในเรื่องการอุดหนุนสินค้า การแทรกแซงกลไกตลาด และการระบายสต๊อกข้าวออกสู่ตลาดโลกที่ไทยจำเป็นต้องขายขาดทุนแบบต่ำกว่าทุนอย่างมโหฬาร เพื่อลดภาระหนี้สิน โดยก่อนหน้านี้เมื่อปลายเดือนตุลาคมสำนักข่าว “รอยเตอร์” ได้รายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการการเกษตรองค์การการค้าโลกที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ หลายประเทศ เช่น สหรัฐ แคนาดา ออสเตรเลีย และสหภาพยุโรป เคยตั้งคำถามและจับตาดูรัฐบาลไทยว่ากำลังทำผิดกฎขององค์การการค้าโลก ในเรื่องการแทรกแซงกลไกตลาด
อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันตามความเป็นจริงกรณีขององค์การการค้าโลกอาจจะไม่ฉุกเฉินเลวร้ายเท่ากับกรณีคำเตือนจะลดเครดิตไทยจากการขาดทุนโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทางมูดี้ส์จะแถลงออกมาในช่วงปลายปี แต่การส่งสัญญาณเตือนออกมาดังกล่าวก็ต้องถือว่าสร้างแรงสั่นสะเทือนกันไม่น้อยแล้ว เพราะไม่เช่นนั้นคนในรัฐบาล ตั้งแต่ตัวนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ลงมาคงไม่วิ่งกันวุ่น นั่งไม่ติดอย่างที่เห็นหรอก เพราะงานนี้ไม่เกี่ยวกับ “อำมาตย์-ไพร่” หรือพวกเผด็จการขัดขวางประชาธิปไตยใดๆ ทั้งสิ้น แต่เกี่ยวกับเครดิตล้วนๆ ถ้าความน่าเชื่อถือลดลงก็ลองหลับตานึกภาพเอาเองว่าจะเกิดผลกระทบตามมาขนาดไหน โดยเฉพาะระบบทุนข้ามชาติ ต้องเชื่อมโยงกับการกู้ยืมระหว่างประเทศ แม้ว่าอาจจะไม่เลวร้ายสาหัสในทันที แต่มันก็ทำให้ต้นทุนพุ่ง หลายอย่างอาจ “รวน” ตามมาเป็นพรวน
ขณะเดียวกัน แม้ว่าหากถามในใจจริงๆสำหรับรัฐบาลมาถึงนาทีนี้ก็อยากลดขนาดโครงการรับจำนำข้าวลงมาเหมือนกัน จากเดิมที่เคยรับทุกเมล็ดในฤดูกาลใหม่เริ่มจำกัดพันธุ์ข้าว จำกัดพื้นที่มากขึ้น เพื่อลดภาระ แต่ถึงขั้นเปลี่ยนแปลงยกเลิกนั้นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้เคยส่งปลัดกระทรวงพาณิชย์ออกมาพูดแบบโยนหินถามทางทำนองว่าจะลดราคาจำนำลงมาโดยอ้างว่าที่ผ่านมาทำให้ชาวนาสามารถลืมตาอ้าปากได้แล้ว แต่เมื่อถูกด่ากันขรมพวกชาวนาภาคกลางขู่จะยกขบวนมาประท้วงเท่านั้นแหละรัฐบาลต้องถอยกรูดรีบยืนยันปากสั่นว่าไม่จริง
ดังนั้น หากพิจารณาตามสภาพความเป็นจริงทางการเมืองแล้วมาถึงตอนนี้แล้วสำหรับนโยบายจำนำข้าวรัฐบาลคงเลิกยาก หรือแม้แต่จะลดขนาดลงเป็นไม่รับจำนำทุกเมล็ดก็ทำไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาเป็นอีกประชานิยมหนึ่งที่เสพติดกันไปแล้ว แต่ขณะเดียวกันเมื่อเดินหน้าก็ยิ่งเจ๊งเป็นภาระการคลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเชื่อว่าภายในฤดูกาลนี้คงจะได้เห็นปัญหาเน่าเฟะที่อั้นกันมานานแตกออกมา ทั้งเรื่่องข้าวที่เสืื่อมสภาพ โกดังเก็บข้าวที่มีปัญหา การระบายข้าวออกนอกประเทศที่ต้องขายขาดทุนบักโกรก ทุกอย่างขึี้นอยู่กับการปิดบังซ่อนเร้น แต่ในที่สุดความลับมันไม่มีในโลกต้องถูกเปิดเผยออกมาจนได้
ลักษณะก็คือเดินหน้าก็มีปัญหา ถอยหลังก็ไม่ได้ มีแต่ติดหลุ่มถลำลึกลงไปเรื่อยๆ แต่ซวยหนักกว่าใครก็คือภาระหนี้ อันเกิดจากงบประมาณจากภาษีของชาวบ้านต่างหาก!!