xs
xsm
sm
md
lg

แรงต้านผุดเป็นดอกเห็ด สีสันประชาธิปไตยย้อนรัดคอ!! “แม้ว-ปู”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

ผ่านมาเกือบสองปีเต็ม ขาดเกินเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับพรรคเพื่อไทย ที่ได้เสียงข้างมากท่วมท้นเข้ามาบริหารประเทศ มีเครือข่าย กลไกข้าราชการอยู่ในมือพร้อมสรรพ ไม่ต้องสาธยายให้มากเรื่อง สังคมรับรู้กันอยู่แล้ว ด้วยองค์ประกอบดังกล่าวทำให้คำพูดที่พรรคเพื่อไทยใช้ในการหาเสียงอย่าง “เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส” จะเป็นจริงแน่นอน

แม้ว่าในช่วงแรกๆ ก็เริ่มเห็นสัญญาณความไม่ได้เรื่อง ไร้ฝีมือตั้งแต่ตัวนายกรัฐมนตรี คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมไปถึงรัฐมนตรีแต่ละคนล้วนไร้ความสามารถ มือไม่ถึง ผลงานที่ออกมาในตอนต้นก็พอเห็นเค้าลางบ้างแล้ว แต่เมื่ออ้างว่า “พวกอำมาตย์แกล้ง” พวกอำนาจเก่า พวกเผด็จการรวมหัวกันกลั่นแกล้ง ทำให้ผลงานออกมาไม่ดี ทำได้ไม่เต็มที่ ขอเวลาอีกสักระยะหนึ่ง อย่าเพิ่งชักใบให้เรือเสียตั้งแต่เพิ่งออกจากท่า ก็ต้องเงียบเสียง ไม่อยากขัดคอเดี๋ยวจะกลายเป็นพวก “ขัดขวางความรวย” ของชาวบ้านระดับรากหญ้าไปเสียอีก

แต่เมื่อหนึ่งปีก็แล้ว-ปีครึ่งก็แล้ว นี่กำลังจะเข้าสองปีล่วงไปสู่ปีที่ 3 แล้ว ผลที่ออกมากำลังไปในทิศทางที่คาดหมายเอาไว้ตั้งแต่ต้น เพราะยังมองไม่เห็นว่านอกเหนือจากเรื่อง “โคตรกู้-ก่อหนี้มหาศาล” แล้วมีผลงานอะไรมาคุยโอ้อวดได้บ้าง เรื่องราคาสินค้าเกษตรตัวหลักที่มีผลต่อการดำรงชีวิตประจำวันของเกษตรกรล้วนแล้วแต่มีราคาตกต่ำ ทั้งยางพารา ปาล์ม หอม กระเทียม มันสำปะหลัง ราคาตกต่ำสุดๆ ยังไม่ต้องพูดถึงการทุจริตจากโครงการรับจำนำที่ปล่อยให้เน่าเสียคาโกดัง จนปิดกันไม่มิดดังที่มีการประจานโครงการรับจำนำหอมแดงที่จังหวัดศรีสะเกษ ทำให้ผู้อำนวยการลังสินค้า (อคส.) คนหนึ่งต้องถูกเลิกจ้าง และกำลังถูกสอบสวนดำเนินคดีอยู่ในเวลานี้

ขณะที่ราคาสินค้า ค่าครองชีพกลับพุ่งสวนทาง เวลานี้กำลังมีปัญหาเรื่อง “ไข่แพง” ซึ่งมีการวิจารณ์กันว่าไข่ยุคยิ่งลักษณ์ แพงกว่าในยุครัฐบาลก่อนหน้านี้ทั้งหมด ขณะที่รายได้แม้ว่าจะเพิ่มขึ้นจากคาแรงวันละ 300 บาท แต่เมื่อมาเจอกับค่าครองชีพที่แพงสุดกู่ มีสวัสดิการที่ลดลง เพราะถูกนายจ้างที่่ต้องการลดต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทำให้ได้ไม่คุ้มเสีย รายได้เพิ่มขึ้นมาในที่สุดมันก็เหมือนกับไม่เพิ่ม มิหนำซ้ำยังเป็นการลดลงด้วยซ้ำไป

โครงการจำนำข้าวที่คุยกันว่าเป็นการช่วยเหลือชาวนาให้รวยขึ้นขายข้าวได้ราคาดี แต่ถามว่าชาวนาที่ยากจนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์จริงเต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือเปล่า เพราะเอาเข้าจริงต้องถูกหักค่าความชื้น ถูกหักค่าหัวคิว ต้องรอรับใบประทวนกว่าจะได้รับเงินสดก็ตองรออีกนาน และจากราคาเกวียนละ 15,000 บาท ถึงมือชาวนาแค่ 7,000-8,000 บาทเท่านั้น คนที่ได้ประโยชน์เต็มๆ ก็เป็นพวกพ่อค้าเจ้าของโรงสี และชาวนารายใหญ่เท่านั้น แต่ผลจากการรับจำนำราคาสูงกว่าตลาดทำให้รัฐต้องขาดทุนสองปีที่ผ่านมารวมกันไม่น้อยกว่า 2.6 แสนล้านบาท

ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่เคยประกาศว่าจะกระชากค่าครองชีพลงมา ยกเลิกกองทุนน้ำมัน เอาเข้าจริงกลบทำในสิ่งที่ตรงข้าม ราคาพลังงานสูงที่สุด อีกไม่กี่วันจะมีการปรับราคาก๊าซหุงต้มก็ต้องปรับขึ้นราคาใหม่ และแน่นอนว่าหากอ้างเรื่องราคาต้นทุนให้ใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรองรับประชาคมอาเซียนราคาดีเซลในอนาคตก็ต้องปรับเกินลิตรละ 30 บาทแน่นอน ซึ่งเวลานี้ค่ายน้ำมันอย่างเชลล์ก็เพิ่งปรับราคาเกินลิตรละ30 บาทไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนเป็นของจริง มาถึงวันนี้รับรองว่าไม่ใช่เป็นฝีมือของพวกอำมาตย์กลั่นแกล้งแน่นอน และที่สำคัญพวกอำมาตย์คงไม่มีปัญญาทำได้แบบนี้หรอก แต่เป็นเพราะความห่วยแตกล้วนๆมากว่า ภาพความเป็นเทวดา นักแก้ปัญหาปากท้องระดับเทวดาของ ทักษิณ ก็เริ่มถูกลบเลือนไป มีแต่สร้างความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้าเข้ามาแทนที่ ภาพของการสร่างภาระจากการสร้างหนี้สินจาก โคตรกู้ 3.5 แสนล้านบาทในการบริหารจัดการน้ำที่ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน การกู้ 2 ล้านบาท หากรวมดอกเบี้ยก็ราว 5 ล้านล้านบาท ต้องใช้หนี้กันชั่วลูกชั่วหลาน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ดันคุยโม้ไว้ว่าบริหารเป็นไม่ต้องกู้สักบาท แต่วันนี้เป็นไง "โคตรกู้และกู้มาโกง"ของจริง

กลายเป็นว่าสิ่งที่รัฐบาลตั้งหน้าตั้งตาแก้ปัญหาด้วยความมุ่งมั่นกลับเป็นปัญหาส่วนตัวของ ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวเท่านั้น ทั้งในเรื่องธุรกิจและคดี ตัวอย่างที่เพิ่งปรากฏก็คือ การเดินทางไปเยือนญี่ปุ่น เมื่อสัปดาห์ก่อนเป้าหมายสำคัญและสาระในการเจรจาก็กลายเป็นเรื่องการชักชวนนักลงทุนญี่ปุ่น และรัฐบาลญี่ปุ่นให้มาสนับสนุนโครงการพิเศษทวายในพม่า ซึ่งถูกจับตาว่าเป็นธุรกิจที่ ทักษิณ กำลังทำหน้าที่เป็นนายหน้าข้ามชาติและได้ประโยชน์ ขณะที่ปัญหาของชาวบ้าน ดรื่องปากท้องกลับไม่สนใจ และล้มเหลวในการแก้ปัญหา ซึ่งนับวันจะปะทุขึ้นมาให้เห็นเรื่อยๆ

อย่าได้แปลกใจที่เวลานี้เริ่มมีสารพัดกลุ่ม สารพัดม็อบที่ดาหน้าเข้ามาต่อต้าน ประท้วง และทวงสัญญาจากรัฐบาลมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน ซึ่งหากความเคลื่อนไหวที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลเคยให้ท้ายมวลชนเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวสนับสนุนรัฐบาล และรังควาญฝ่ายตรงข้ามว่าเป็น “สีสัน” ประชาธิปไตย ก็เตรียมตัวรับมือสีสันเดียวกันที่นับวันมีแนวโน้มผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด และในช่วงก้าวสู่ปีที่สามจะเป็นการประจานฝีมือตัวเองล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับพวกอำมาตย์ขัดขวางแน่นอน บางทีพวกที่หากินกับประชาธิปไตยจอมปลอมจะต้องสิ้นท่ากับการใช้สิทธิของประชาชน เพียงแต่ขอเวลาเรียนรู้อีกสักพักเท่านั้นเอง!!

กำลังโหลดความคิดเห็น