"ทนายสุวัตร" เตรียมยื่นฟัน "ปธ.รัฐสภา - 312 ส.ส. - ส.ว." แก้มาตรา 68 มั่นใจคำร้องฉบับพันธมิตรฯสามารถอุดช่องโหว่ของ 4 คำร้องที่ยื่นก่อนหน้านี้ได้ ด้าน "สุริยะใส" ชี้หากศาลตัดสิทธิทางการเมืองพวกแก้รธน.และยุบพรรคเพื่อไทย เกิดสุญญากาศทางการเมืองทันที แนะจับตาช่วง 4 เดือนอันตราย มั่นใจการเมืองใกล้ถึงจุดเปลี่ยน
วันที่ 22 พ.ค. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน และ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ร่วมใสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
โดยนายสุริยะใส กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีเจตนาล้มศาล เดิมทีเสนอให้ยุบศาลรัฐธรรมนูญ ผ่านทางคณะนิติราษฎร์แต่ถูกกระแสสังคมตีกลับ เมื่อยุบไม่ได้ก็เปลี่ยนเป็นจะยึดศาล ตามข้อเสนของ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน ที่จะให้ที่มาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยึดโยงกับรัฐสภา แล้วพอยึดไม่ได้ก็ใช้วิธีทำลายความชอบธรรมไปเลย ตอนนี้จะเห็นข่าวเสื้อแดงแจ้งความจับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางท่าน ข่าวแบบนี้ไม่ได้หวังผลดำเนินคดีจริง แต่หวังผลให้ทำลายความน่าเชื่อถือ ล่าสุดครม.จะออกมติและรายงานต่อยูเอ็นเพื่อเล่นงานศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตนคิดว่าอันนี้ก็ไม่ได้หวังผลอะไรแค่ดึงยูเอ็นมาเพื่อโจมตีสถาบันตุลาการ ซึ่งเป็นด่านสุดท้ายที่เป็นป้อมปราการที่ทำให้ระบอบทักษิณประกอบจิ๊กซอว์ได้ไม่ครบแผ่น แล้วมันจะลามไปถึงเรื่องเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ลามไปถึงการรื้อรัฐธรรมนูญ และพ.ร.บ.ปรองดองฉบับเฉลิม ซึ่งตนเชื่อว่าไม่ได้ถอยจริงแต่สับขาหลอก สุดท้ายอาจมารวมกับร่างของ นายวรชัย เหมะ
ถ้าควบคุมฝ่ายตุลาการไม่ได้ความฝันเอาระบอบทักษิณกลับมาอีกรอบเป็นไปไม่ได้ คิดว่าด่านสุดท้ายของฝ่ายต่อต้านทักษิณคือสนับสนุนและให้กำลังใจกลไกของศาลรัฐธรรมนูญ และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมถึงป.ป.ช.ด้วย
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามอำนาจนิติบัญญัติใหญ่กว่าศาล การไต่สวนไปไม่รอด เพราะป.ป.ช.ไต่สวนพบมูลเท่าไหร่ ขั้นสุดท้ายก็ต้องส่งศาลฎีกาหรือศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตัดสินถ้าทำลายปลายทางของขบวนการยุติธรรมได้ ขบวนการยึดอำนาจปลายทางของพ.ต.ท.ทักษิณมันก็ชัดขึ้น
แล้วหลังๆนี้พ.ต.ท.ทักษิณตีไปที่ตัวคณะผู้พิพากษาโดยตรง ตนว่าอันนี้เรื่องใหญ่มาก เพราะเป็นพฤติกรรมที่เผชิญหน้าโดยตรงระหว่างฝ่ายบริหารร่วมกับนิติบัญญัติโดยรุมตุลาการ 2 รุม 1 อันนี้ต้องดูยาวๆ เพราะระยะยาวโอกาสเพลี่ยงพล้ำมีสูง เพราะอำนาจบริหารไม่ได้เล่นเฉพาะบนดิน อันนี้เป็นโจทย์ใหญ่ ตุลาการภิวัตน์ที่เราหวังพึ่งพิง พ.ต.ท.ทักษิณรู้ดีว่าตัวชี้ขาดของการต่อสู้ของพันธมิตรฯที่ผ่านมาอยู่ที่ตุลาการภิวัตน์ ถ้าวันนี้ตุลาการภิวัตน์ยืนหยัด ประชาชนก็พร้อมให้กำลังใจ
คำร้องกรณีมาตรา 68 ต้องดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะลงขนาดไหน ตนยืนยันว่าครั้งนี้เหตุเกิดแล้วต่างจากกรณีโหวตวาระ 3 ที่ศาลบอกว่าเหตุยังไม่เกิดยังไม่มีการโหวต เลยยังไม่วินิจฉัยในประเด็นว่าต้องยุบพรรคและตัดสิทธิ์ส.ส. - ส.ว. แต่ครั้งนี้ตนเชื่อว่าเหตุเกิดแล้วเพราะมีจดหมายเปิดผนึกจากส.ส. - ส.ว. 312 คน สนับสนุนการแก้มาตรา 68 ศาลต้องวินิจฉัยต่อว่ากระทำการขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรค 2 หรือไม่ แล้วพวกนี้จะพ้นสภาพหรือเปล่า ถ้าไม่หยิบเรื่องนี้มาวินิจฉัยก็ไม่รู้จะเอาเหตุไหน ต้องถามใจศาลรัฐธรรมนูญเหมือนกัน
ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวอีกว่า โฟกัสทางการเมืองไปอยู่ที่การไต่สวนมาตรา 68 ซึ่งจะได้ข้อชัดเจนก่อนพ.ร.บ.นิรโทษกรรม และ พ.ร.บ.ปรองดอง ถ้าศาลชี้ตามคำขอของพันธมิตรฯ คือตัดสิทธิส.ส. - ส.ว. 312 คน และยุบพรรคเพื่อไทย เกิดสุญญากาศทางการเมืองก่อนสภาเปิดด้วยซ้ำไป แต่ถ้าศาลเห็นว่าเหตุยังไม่เกิด กลับไปแบบเดิม ตัวร่างพ.ร.บ.ปรองดองและพ.ร.บ.นิรโทษกรรม อาจเป็นการสับขาหลอก โดยเอาร่างนายวรชัย มาก่อนแล้วเอาร่างร.ต.อ.เฉลิมมายำในวาระ 1 อีกประเด็นถ้าสถานการณ์อิรุงตุงนังมาก โอกาสรัฐบาลทิ้งไพ่ใบสุดท้ายออกเป็นพ.ร.ก.และยุบสภาหนี
ถึงตอนนี้ภาวะการเมืองเดินมาสู่กระดานสุดท้ายจริงๆ นี่ยังไม่นับรวมการโยกย้ายกองทัพ คำตัดสินศาลโลก เงินกู้ 2 ล้านล้าน กฎหมายปรองดอง นิรโทษกรรม ปัญหาภาคใต้ ความล้มเหลวของรัฐบาล ฉะนั้น 3 - 4 เดือนนี้ จึงเป็นช่วงอันตรายที่อาจเกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง
โดยการพิจารณาคำร้องเป็นด่านแรก ถ้าเป็นไปตามคำขอเกิดสุญญากาศ มีการเปลี่ยนแปลงทันที แต่ถ้าศาลไม่เห็นด้วยก็ยังมีอีกหลายด่านที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
ทุกอย่างมันเชื่อมโยงไปถึงการสไกป์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่ามันลากมาถึงตุลาการภิวัตน์แล้ว ถ้ากุมสภาพไม่ได้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจมีชะตากรรมแบบพี่ชาย ไม่มีแผ่นดินจะอยู่
ด้านนายสุวัตร กล่าวว่า สันดานของพ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนอาฆาตพยาบาท แพ้ไม่เป็น เหมือนเด็กแย่งตุ๊กตา ตัวเองไม่ได้ก็ฉีกทิ้ง กูไม่ได้เล่นมึงก็ไม่ต้องเล่น เมื่อซื้อศาลไม่ได้ก็ทำลาย สรุปได้ว่าความยุติธรรมในความคิดของพ.ต.ท.ทักษิณ คือเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ขณะนี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์บริหารประเทศ ใครไม่ถูกใจปลดออกเลย อย่างเช่น นพ.วิทิต อรรถเวชกุล กับ คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์
นายสุวัตร กล่าวอีกว่า การที่พ.ต.ท.สไกป์ด่าศาลว่าล้มล้างประชาธิปไตย ตนไม่เห็นจะมีใครล้มล้างประชาธิปไตยได้นอกจากเพื่อไทยที่จะแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ นี่ต่างหากที่จะทำลายประชาธิปไตย
ส่วนที่บอกว่ามีคนเสนอฆ่านายสนธิ แต่ตัวเองไม่อนุญาต อย่ามาโม้เลย นายสนธิโดนไป 200 นัด เพราะใคร คำสั่งมาจากดูไบ มาที่กระทรวงกลาโหม ลูกน้องอนุพงษ์บวกกับดีเอสไอ ตัดไฟหมดเลยทำให้ไฟดับ ตำรวจตัดไฟเองแล้วก็ลงมือยิง ขนาดลูกกระสุนยังไม่ลงทุนเลยเป็นของ Royal Thai Army ตนมีหลักฐานทั้งหมด
ทนายความพันธมิตรฯ กล่าวด้วยว่า หลังจากศาลมีมติรับรวม 4 คำร้องค้านแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 พิจารณาในคราวเดียวกัน ตนก็ได้ร่างคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ของเรามาช้า เพราะเห็นว่ามีหลายคณะยื่นแล้ว เลยไปเอามาดู แต่พบว่ามีบางประเด็นที่อยากเอาไปช่วยเติมให้เต็ม และเราเลยเขียนให้ชัดเลยว่า นายโภคิณ ให้สัมภาษณ์ว่าแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับได้ต้องแก้มาตรา 68 พ.ต.ท.ทักษิณพูดว่าอะไรบ้าง นายวรเจต พูดอะไรบ้าง เราเขียนมาหมด ให้ศาลเห็นว่ากรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา นี่คือโรดแมปเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ยังขัดกับคำวินิจฉัยที่ศาลวินิจฉัยไว้แล้วด้วย งานนี้เราเล่นหนัก แล้วอยากให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองเลย แล้วเราจะได้ปฏิรูปประเทศก่อนถึงวันศาลโลกตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร เพราะถึงวันนั้นเราแพ้แน่นอน ประชาชนก็ต้องออกมาไล่รัฐบาลอยู่ดี