รองโฆษกรัฐบาลเผย “วราเทพ” จ่อชงวิปรัฐกำหนดวันประชุมสภาวิฯ ถก พ.ร.บ.งบฯ ปี 57 จันทร์นี้ คาด 29-31 พ.ค. รับนายกฯ ติดภารกิจไม่อยู่ร่วมวันโหวต ยันไม่เคยมองม็อบเป็นศัตรูไม่ต้องรีบร้อนไล่ อ้างแก้ รธน.ถ้าไม่ถูกต้องคงไม่ถูกเลือกมาอีก
วันนี้ (18 พ.ค.) ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องกรอบเวลาการประชุมสภาสมัยวิสามัญว่า ขณะนี้ นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เตรียมจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) เพื่อกำหนดกรอบเวลาในการประชุมสภาสมัยวิสามัญ ซึ่งวิปรัฐบาลจะประชุมกันในวันจันทร์ที่่ 20 พ.ค.นี้ โดยคาดว่าการประชุมสภาสมัยวิสามัญ จะใช้เวลาประชุมทั้งหมด 3 วัน โดย 2 วันแรก คือ วันที่ 29 และ 30 พ.ค. จะเป็นการประชุมในส่วนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คาดว่าจะใช้เวลาประชุม ประมาณ 25 ชั่วโมง แต่หากยังประชุมไม่เสร็จก็ยังสามารถประชุมต่อได้อีกในช่วงครึ่งวันเช้าของวันที่ 31 พ.ค. ส่วนในช่วงบ่ายของวันที่ 31 พ.ค. จะเป็นการเปิดประชุมในส่วนของวุฒิสภา
ดังนั้น คาดว่าจะสามารถปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญได้ในวันที่ 1 มิ.ย.56 อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอยากให้การประชุมในส่วนของ ส.ส. เสร็จสิ้นภายในคืนวันที่ 30 พ.ค. เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีภารกิจจะต้องเดินทางไปราชการต่างประเทศ ในวันที่ 31 พ.ค. ซึ่งเป็นการนัดหมายที่กำหนดเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ถึงแม้ว่านายกรัฐมนตรี จะไม่ได้อยู่ร่วมประชุมจนถึงวันสุดท้าย ก็ไม่มีปัญหาอะไร ในส่วนของวาระการประชุมนั้น รัฐบาลมีเรื่องเสนอให้พิจารณาเพียงเรื่องเดียวคือ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีกลุ่มไทยสปริง หรือม็อบสนามหลวงของ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องการปลุกระดมให้ประชาชนออกมาต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้น รัฐบาลขอยืนยันว่า เคารพความคิดเห็นของทุกคนและไม่เคยมองใครเป็นศัตรู แม้ว่าจะมีความเห็นที่แตกต่างจากรัฐบาล แต่ขอให้เคลื่อนไหวอย่างมีสติ และใจเย็น ทุกคนในบ้านเมืองจะได้อยู่กันอย่างสงบสุข ไม่เกิดความรุนแรง แม้จะมีความคิดเห็นที่ต่างกันบ้าง แต่เราก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ ประเทศก็จะไม่บอบช้ำ ทั้งนี้ ขอเตือนสติทุกฝ่ายอีกครั้งว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็ไม่ใช่ว่าจะอยู่บริหารประเทศได้ตลอดไป จึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนปลุกระดมมาขับไล่โดยใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่แกนนำบางคนเคยพูดถึงขั้นประกาศให้ประชาชนลุกขึ้นมาจับอาวุธ เพราะอีกไม่ถึง 2 ปี ก็ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ประชาชนจะมีสิทธิตัดสินใจใหม่อีกครั้ง
ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวต่อว่า โดยเฉพาะในเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากประชาชนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์ และเครือข่ายกล่าวหา ประชาชนก็คงไม่เลือกพรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาลอีก ซึ่งก็เป็นไปตามหลักการ และกลไกของระบอบประชาธิปไตย ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็มีความรับผิดชอบทางการเมือง และพร้อมยอมรับการตัดสินของพี่น้องประชาชนเช่นกัน
แต่ในช่วงระยะเวลาของการเปลี่ยนผ่าน จะปล่อยให้บ้านเมืองได้อยู่กันอย่างสงบสุขไม่ได้หรือ อันที่จริงคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่น่าจะเป็นฝ่ายเตือนสติสังคมให้อดทน รอคอย เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านอำนาจเป็นไปอย่างสงบสุุข ราบรื่น ไม่ใช่เป็นฝ่ายเร่งเติมเชื้อไฟแห่งการนองเลือดเสียเอง อยากถามใจพวกท่านว่า สมมติว่า ไล่รัฐบาลไปได้
แต่ประเทศชาติต้องแตกแยกเป็นเสี่ยงๆ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร ดังนั้น หากพวกท่านไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลในเรื่องอะไรก็ขอให้คุยกันด้วยเหตุด้วยผล อย่าใช้ความรุนแรง ประเทศจะได้สงบสุข และการบริหารบ้านเมืองก็จะได้ไม่สะดุด
วันนี้ (18 พ.ค.) ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องกรอบเวลาการประชุมสภาสมัยวิสามัญว่า ขณะนี้ นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เตรียมจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) เพื่อกำหนดกรอบเวลาในการประชุมสภาสมัยวิสามัญ ซึ่งวิปรัฐบาลจะประชุมกันในวันจันทร์ที่่ 20 พ.ค.นี้ โดยคาดว่าการประชุมสภาสมัยวิสามัญ จะใช้เวลาประชุมทั้งหมด 3 วัน โดย 2 วันแรก คือ วันที่ 29 และ 30 พ.ค. จะเป็นการประชุมในส่วนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คาดว่าจะใช้เวลาประชุม ประมาณ 25 ชั่วโมง แต่หากยังประชุมไม่เสร็จก็ยังสามารถประชุมต่อได้อีกในช่วงครึ่งวันเช้าของวันที่ 31 พ.ค. ส่วนในช่วงบ่ายของวันที่ 31 พ.ค. จะเป็นการเปิดประชุมในส่วนของวุฒิสภา
ดังนั้น คาดว่าจะสามารถปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญได้ในวันที่ 1 มิ.ย.56 อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอยากให้การประชุมในส่วนของ ส.ส. เสร็จสิ้นภายในคืนวันที่ 30 พ.ค. เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีภารกิจจะต้องเดินทางไปราชการต่างประเทศ ในวันที่ 31 พ.ค. ซึ่งเป็นการนัดหมายที่กำหนดเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ถึงแม้ว่านายกรัฐมนตรี จะไม่ได้อยู่ร่วมประชุมจนถึงวันสุดท้าย ก็ไม่มีปัญหาอะไร ในส่วนของวาระการประชุมนั้น รัฐบาลมีเรื่องเสนอให้พิจารณาเพียงเรื่องเดียวคือ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีกลุ่มไทยสปริง หรือม็อบสนามหลวงของ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องการปลุกระดมให้ประชาชนออกมาต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้น รัฐบาลขอยืนยันว่า เคารพความคิดเห็นของทุกคนและไม่เคยมองใครเป็นศัตรู แม้ว่าจะมีความเห็นที่แตกต่างจากรัฐบาล แต่ขอให้เคลื่อนไหวอย่างมีสติ และใจเย็น ทุกคนในบ้านเมืองจะได้อยู่กันอย่างสงบสุข ไม่เกิดความรุนแรง แม้จะมีความคิดเห็นที่ต่างกันบ้าง แต่เราก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ ประเทศก็จะไม่บอบช้ำ ทั้งนี้ ขอเตือนสติทุกฝ่ายอีกครั้งว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็ไม่ใช่ว่าจะอยู่บริหารประเทศได้ตลอดไป จึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนปลุกระดมมาขับไล่โดยใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่แกนนำบางคนเคยพูดถึงขั้นประกาศให้ประชาชนลุกขึ้นมาจับอาวุธ เพราะอีกไม่ถึง 2 ปี ก็ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ประชาชนจะมีสิทธิตัดสินใจใหม่อีกครั้ง
ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวต่อว่า โดยเฉพาะในเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากประชาชนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์ และเครือข่ายกล่าวหา ประชาชนก็คงไม่เลือกพรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาลอีก ซึ่งก็เป็นไปตามหลักการ และกลไกของระบอบประชาธิปไตย ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็มีความรับผิดชอบทางการเมือง และพร้อมยอมรับการตัดสินของพี่น้องประชาชนเช่นกัน
แต่ในช่วงระยะเวลาของการเปลี่ยนผ่าน จะปล่อยให้บ้านเมืองได้อยู่กันอย่างสงบสุขไม่ได้หรือ อันที่จริงคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่น่าจะเป็นฝ่ายเตือนสติสังคมให้อดทน รอคอย เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านอำนาจเป็นไปอย่างสงบสุุข ราบรื่น ไม่ใช่เป็นฝ่ายเร่งเติมเชื้อไฟแห่งการนองเลือดเสียเอง อยากถามใจพวกท่านว่า สมมติว่า ไล่รัฐบาลไปได้
แต่ประเทศชาติต้องแตกแยกเป็นเสี่ยงๆ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร ดังนั้น หากพวกท่านไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลในเรื่องอะไรก็ขอให้คุยกันด้วยเหตุด้วยผล อย่าใช้ความรุนแรง ประเทศจะได้สงบสุข และการบริหารบ้านเมืองก็จะได้ไม่สะดุด