“พล.อ.ชวลิต” ปฏิเสธร่วมดับไฟใต้หากรัฐบาลเชิญ บอกแก่แล้ว ชี้ปัญหาภาคใต้ต้องแก้ด้วยการเมือง เสียดาย “นายกฯ ยิ่งลักษณ์” พลิกลิ้นเมินตั้ง “นครปัตตานี” ทั้งที่เคยประกาศไว้ชัดเจน เช่นเดียวกับการปรองดอง ต้องแก้ด้วยการเมือง
ที่วัดเทพศิรินทราวาส วันนี้ (17 พ.ค.) พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารบก พร้อมภริยาและคณะ ทำบุญในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 81 ปี 15 พ.ค. 2556 โดย มีกลุ่มบุคคล เดินทางมาร่วมอวยพรเป็นจำนวนมาก
พล.อ.ชวลิตกล่าวระหว่างการร่วมงานทำบุญวันเกิด ถึงปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนภาคใต้เกิดขึ้นเพื่อเป็นการสะท้อนปัญหาชาติ เราต้องทราบก่อนว่าปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดภายแดนภาคใต้เกิดขึ้นจากอะไร มันเกิดจากปัญหาการเมือง มันจึงต้องใช้การเมืองแก้ จะไปเอาเศรษฐกิจหรือการทหารไปแก้ก็ไม่ได้ คงจะประสบความสำเร็จยาก คือต้องแก้ปัญหาหลักก่อน แก้ปัญหาหลักได้ ปัญหารองก็จะหมดไปเอง
“ที่ผ่านมาก็มีคนเสนอว่าให้แก้ปัญหาน้ำมันเถื่อน แก้ปัญหาความไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม แต่เมื่อปัญหาหลักในพื้นที่มันเป็นปัญหาการเมืองก็ต้องแก้ด้วยการเมือง พี่น้องในพื้นที่ภาคใต้ระบุว่ารัฐบาลให้ทุกสิ่งทุกอย่างมาเยอะแล้ว แต่ยังมีส่วนเดียวที่ยังไม่ให้คืออำนาจในการไปจัดการตัวเอง แต่ต้องเข้าใจว่าเขาต้องการอำนาจในระดับหนึ่งเท่านั้น เพื่อนำไปจัดการตัวเอง ไม่ใช่ต้องการอำนาจอธิปไตย ต้องการระบบเศรษฐกิจที่ในหลวงทรงพระราชทาน เศรษฐกิจพอเพียงนำมาใช้”
พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ส่วนตัวรู้สึกเสียดายวันแรกที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มีความพยายามในการแก้ปัญหาบ้านเมืองในเรื่องนี้ ท่านน่ารักมาก วันที่ท่านสวมอิสยาห์สีแดงแล้วประกาศว่ามีแนวความคิดจัดตั้งมหานครปัตตานี ตอนนั้นพี่น้องภาคใต้ดีใจมาก แต่พออีก 2-3 วันต่อมาพรรคเพื่อไทยก็ประกาศว่าไม่เอาแนวคิดนี้แล้ว แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าสถานการณ์ไม่ได้รุนแรงขึ้น เพราะต้องดูที่การปฏิบัติ
พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ส่วนตัวขอตั้งข้อสังเกตว่าที่ผ่านมารัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่อาจปล่อยให้กลุ่มคนเหล่านี้นำเครื่องเจาะถนนมาเจาะถนนในพื้นที่ในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งชาวบ้านบริเวณนั้นก็ได้ยินกันหมด และนำระเบิดแบบประดิษฐ์เองมาหยอดใส่เพื่อรอเวลาช่วงเช้า ผู้คนผ่านมาก็กดระเบิด ทำให้มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ ถามว่าทำไมเขาถึงทำได้
“วิธีแก้ก็คือ เป็นไปได้หรือไม่ในเวลากลางคืน เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจจะต้องเข้มงวดมากกว่าในเวลาเช้า เพื่อป้องกันเหตุ อาจต้องมีการจัดกำลังแบบเต็มรูปแบบ เน้นในเวลากลางคืนมากกว่าเวลาเช้า ซึ่งเจ้าหน้าที่อาจบอกว่าเราก็กำลังดำเนินการอยู่แล้วก็เป็นได้ แล้วที่ผ่านมาก็ยังไม่เห็นว่ากลุ่มผู้ไม่หวังดีดังกล่าวมีการรวมกำลังปฏิบัติการเข้าตีตรงไหน ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงมันก็จะออกมาอีกรูปแบบอื่น ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ลดภารกิจของทหารที่ตอนนี้มีมากกว่า 2,300 ภารกิจในพื้นที่ และนำกำลังเจ้าหน้าที่มาปฏิบัติการดังกล่าวน่าจะได้ผลมากกว่าหรือไม่”
พล.อ.ชวลิตกล่าวถึงการเจรจากับแกนนำบีอาร์เอ็นกับรัฐบาลในขณะนี้ว่าก็ต้องทำไป เป็นเรื่องธรรมดา ทั้งทางปกปิดและเปิดเผย แต่ต้องมีความเข้าใจความคิดของเขา แล้วฝ่ายเราก็ไม่ใช่เจรจาทั้งที่ไม่รู้ความคิดของฝ่ายเขา แต่เจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ตอนนี้ก็มีความสามารถ พี่น้องสื่อมวลชนเป็นผู้มีความสำคัญต่อสังคมมาก
ส่วนคำถามที่ว่าที่เราไม่สามารถทำงานในพื้นที่ได้ผล เพราะไม่สามารถใช้กฎหมายพิเศษ หรืออัยการศึกได้มากเท่าที่ควรนั้น พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ส่วนตัวไม่อยากไปวิพากษ์วิจารณ์เรื่องปลีกย่อย เรื่องหลักคือต้องแก้ปัญหาทางการเมือง เหมือนเรื่องปรองดองก็เหมือนกัน ต้องแก้ทางการเมือง ไม่ใช่ไปตั้งหน่วยงานอะไรขึ้นมาแล้วแก้ อันนี้หมายถึงเรื่องปรองดอง แต่ไม่ใช่กรณีกฎหมายปรองดองที่ผลักดันเข้าสภาฯ ที่รัฐบาลกำลังจะดำเนินการ ที่ผ่านมาที่ทำก็ทำไปเถอะ แต่ที่พูดก็เพื่อเตือนว่า อะไรคือหัวใจของปัญหาก็แก้ไขตรงนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากรัฐบาลมีการเชิญไปช่วยแก้ปัญหาภาคใต้อีก จะตอบรับหรือไม่ พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ตอนนี้คงไม่ไหวเพราะแก่แล้ว หากถึงกับต้องอุ้มไปแก้ไขปัญหากันก็คงไม่ไหว