เกาะกระแส
00 เรียกเสียงฮือฮากันไม่น้อยกับสุนทรพจน์ของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่จู่ๆ เกิดความเชี่ยวชาญทางด้านประชาธิปไตยขึ้นมาเอาดื้อๆ ชนิดที่เรียกว่าอึ้งทึ่งเสียวกันไปเลย เพราะไม่นึกว่าคนอย่างเธอจะเชี่ยวชาญเพียงแค่การแต่งตัวสวยงาม เสื้อผ้าไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน กลายเป็นว่ามีความเชี่ยวชาญในเรื่องทางการเมืองอย่างน่าอัศจรรย์ ใครจะนึกว่าคนอย่างเธอที่ก่อนหน้านี้เคยท่องแต่คำว่า "บูรณาการ" มาคราวนี้ได้เพิ่ม "ประชาธิปไตย" เข้ามาอย่างน่าแปลกใจ
00 อย่างไรก็ดี หากมองในมุมการเมือง ถือว่าคนที่สั่งให้เขียนสคริปต์ดังกล่าวถือว่าอำมหิตมาก นอกจากเป็นการบังคับให้น้องสาวตัวเองต้องออกมาเปิดศึกรอบตัวเป็นครั้งแรก เพราะงานนี้หากพิจารณาตามตัวอักษร แน่นอนว่านี่มันไม่ต่างจากการ "ขายชาติ" อีกแบบหนึ่ง และที่สำคัญยังเป็นการ "โกหก"ครั้งใหญ่ ไม่อยากใช้คำว่า "ตอแหล" เพราะจะไม่สุภาพ และเมื่อบอกว่า "น้องสาว"ก็แน่นอนว่าคนที่อยู่เบื้องหลังก็ต้องเป็น "พี่ชายตัวดี" คือ ทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละ แต่ก็พอเข้าใจได้ เพราะนี่คือการต่อสู้ที่มีเดิมพันสูง การเปิดศึกกับ ศาลรธน.คราวนี้ถือว่าถ้าแพ้หนทางข้างหน้าการฉีกรัฐธรรมนูญแล้วร่างใหม่ตามใจชอบในอนาคตแทบจะเป็นหมันไปเลย นี่แหละถึงได้บอกว่า กำลังเข้าสู่โหมด "เหี้ยม" ขึ้นเรื่อยๆ
00 แล้วก็ระทึกจริงๆ เมื่อศาลรธน.เริ่มพิจารณากำหนดแนวทางว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร หลังจากที่บรรดา ส.ส.และส.ว.จำนวน 312 คน ดื้อแพ่งไม่ยอมส่งหนังสือชี้แจงกลับมาภายใน 15 วัน หลังจากที่ ศาลรธน.รับคำร้องว่าการแก้ไข ม. 68 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และเมื่อเห็นหน้า วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ จรัญ ภักดีธนากุล สองในเก้าตุลาการฯ ทำให้เห็นคำตอบในใจแล้วว่าทำไมคนอย่างแม้ว ถึงได้หนาว และป่วนกันถึงขนาดนี้
00 การสร้างความปั่นป่วนของเครือข่าย แม้ว เที่ยวนี้หากมองในแง่ของ "ความเห็นแก่ตัว" ก็คงเข้าใจกันได้ไม่ยาก เพราะมันเดิมพันสูงอย่างที่ว่า เพราะเมื่อทุ่มออกมาสุดตัวแบบนี้ ถึงขนาดสั่งให้ "น้องปู" ออกมาชนเต็มตัว มองอีกมุมถือว่านี่อาจเป็นอีกหนึ่งไม้ตายแล้วก็ได้ อย่างไรก็ดี ด้วยวาทะ"ประชาธิปไตยมาจากการเผาเมือง" และ "ครอบครัวชินวัตร" ถูกรังแกนี่สิมันอาจจะทำให้เกิด"กระแสหมั่นใส้" ลุกลามจนอ๊วกก็ได้ อย่าคิดว่าคนไทย "โง่" ทุกคนนะโว้ย เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
00 สำหรับสถานการณ์ชายแดนใต้ นับจากนี้ถือว่าน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งว่าจะหลุดลอยออกไปจาก"ปลายด้ามขวาน"ในอีกไม่ช้า หากพวก "ครอบครัวชินวัตร" ยังควบคุมรัฐบาลนี้อยู่ สังเกตหรือไม่ว่าหลังเสร็จสิ้นการสุมหัวกับพวก "บีอาร์เอ็น" พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาฯสมช. หัวหน้าทีมเจรจาบอกว่า คราวต่อไปจะให้มาเลเซียเปลี่ยนสถานะจาก "ผู้อำนวยความสะดวก" มาเป็น "ผู้ไกล่เกลี่ย" เป็นคนกลาง และดึงองค์กรภายนอกเข้ามาร่วมในการเป็นสักขีพยาน นั่นก็หมายความว่า ปัญหาชายแดนใต้ถูก "ยกระดับ" ขึ้นมาสู่ระดับสากลแล้ว โดยเกิดขึ้นจากการสมัครใจจากฝ่ายรัฐนั่นเอง และน่าสังเกตก็คือ เกิดขึ้นหลังจากที่พวกบีอาร์เอ็น ได้ออกแถลงการณ์แข็งกร้าว 5 ข้อ ต้องการแยกมาตั้ง "รัฐใหม่" ไม่นาน ชัดหรือยังละทีนี้ว่านี่คือการสุมหัวกัน "แยกแผ่นดิน"ออกไป อย่างเป็นขั้นเป็นตอน และเชื่อว่าอีกไม่นานเราก็จะได้เห็นการขายชาติที่ชัดเจนมากกว่านี้อีก !!
00 จะเรียกว่านี่คือธาตุแท้ความเห็นแก่ตัวของ ทักษิณ ชินวัตร ที่แสดงออกมาให้เห็นอีกครั้ง จากการสไกป์เข้ามาในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย สั่งการให้เปิดเกมรุกเต็มเหนี่ยวทั้งชนกับศาลรธน. และการสนับสนุนให้ผลักดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดองของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แทนที่จะเป็น ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษฯของ ส.ส.เสื้อแดง วรชัย เหมะ เหตุไม่มีอะไรมากไปกว่า ร่างแรกนั้นครอบคลุมมาถึงตัวเอง นั่นคือ บอกโต้งๆ ชัดเจนว่าลบล้างความผิดให้หมดจด แถมต่อไปยังสามารถเอาทรัพย์สินที่ถูกยึดคืนไปกลับมาได้ ขณะที่ร่างหลังมันไม่ชัด "ต้องตีความ" แต่ประเด็นก็คือ ในเมื่อรู้ว่าถ้าดันร่างของเหลิมเข้ามาแล้วมีปัญหา ถูกสังคมต่อต้าน แล้วทำไมไม่คิดช่วยมวลชนเสื้อแดงก่อนล่ะ และนี่ก็เป็นการชี้ให้เห็นสันดานความเห็นแก่ตัวของคนที่ชื่อ ทักษิณ ที่ไม่เคยเสียสละ คิดแต่จะทำให้ตัวเองได้กำไรอย่างเดียวเท่านั้น ทุด !!
