“ดร.เสรี-สุเทพ” แจงอนุกรรมการสอบสวน กกต.กทม. หลังถูกร้องเรียนใส่ร้ายคู่แข่ง “สุขุมพันธุ์” ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. “ดร.เสรี” ยันไม่เกี่ยว ปชป. ข้อความที่โพสต์เป็นการแสดงความเห็นส่วนตัวที่วิเคราะห์จากข้อเท็จจริงอย่างมีเหตุมีผล แต่ถูกนำมาตัดต่อแล้วเผยแพร่ ด้าน “เทพเทือก” ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ชี้ทุกเรื่องที่ปราศรัยเป็นความจริงที่มีการตรวจสอบแล้ว มั่นใจพิสูจน์ได้แม้คดีจะถูกนำขึ้นสู่ศาลฎีกา
วันนี้ ( 23 เม.ย.) ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาและชี้แจงกรณีถูกนายวิญญัติ ชาติมนตรี สมาชิกพรรคเพื่อไทย และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ร้องเรียนว่าในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ได้รับเลือกตั้งนั้น นายเสรีได้โพสต์ข้อความในลักษณะชี้นำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ขณะที่นายสุเทพถูกกล่าวหาว่าได้ปราศรัยใส่ร้ายด้วยความเท็จเพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ให้เลือก พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจากพรรคเพื่อไทยในขณะนั้น ต่อคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนของคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร
ภายหลังการชี้แจงคนละ 1 ชั่วโมง นายเสรีได้ยืนยันว่า ข้อความตามคำร้องดังกล่าวนั้นเป็นการเผยแพร่โดยเว็บไซต์ M-thai ที่มีการตัดบางช่วงบางตอนของข้อความมานำเสนอทำให้ได้บริบทของข้อความที่ไม่ครบถ้วน ซึ่งข้อความฉบับเต็มที่ตนโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวได้ระบุชัดเจนว่าเป็นเรื่องของความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ควรนำมาประเมินกัน ซึ่งการกระทำครั้งนั้นกระทำในฐานะนักวิชาการสื่อสารมวลชนที่ได้วิเคราะห์โดยใช้ข้อเท็จจริงมีเหตุมีผล ไม่ได้ต้องการช่วยหรือเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งไม่ได้เป็นการใส่ร้ายตัวผู้สมัครในนามของพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด เพียงแค่มองว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ นั้นเป็นคนของพรรคเพื่อไทย
“ได้ยืนยันต่ออนุกรรมการฯ ว่า การร้องเรียนต่อ กกต.ของผู้ร้องในครั้งนี้เป็นการร้องเแบบสองมาตรฐาน เนื่องจากมีบุคคลที่โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในทำนองเดียวกันเป็นจำนวนมาก และข้อมูลที่โพสต์ก็อยู่ในพื้นที่ส่วนตัว เว็บไซด์ที่นำไปเผยแพร่ก็ไม่ได้ขออนุญาตก่อน และหากข้อความที่โพสต์นั้นโน้มน้าวประชาชนจริงตามมาตรา 57 (5) ของ พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่น เหตุใดผลโพลจึงไม่มีการเปลี่ยนแปลง”
ด้านนายสุเทพกล่าวว่า ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาต่ออนุกรรมการสืบสวนฯ และยืนยันว่าถ้อยคำที่ปราศรัยนั้นมีแต่ข้อเท็จจริงที่ได้รับรู้และรับทราบ และมีการตรวจสอบแล้วว่าเป็นข้อเท็จจริง อีกทั้งมีหลักฐานที่เป็นทั้งพยานบุคคล และพยานเอกสารที่สามารถนำมายืนยันความจริงนั้นได้
ทั้งนี้ ทางคณะอนุกรรมการสืบสวนฯ ได้ตั้งประเด็นกล่าวหาตนอย่างกว้างขวาง รวม 3 ประเด็น ได้แก่ 1. กล่าวหาว่าตนปราศรัยใส่ร้ายพรรคเพื่อไทยว่ามีความคิดเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เปลี่ยนเป็นการปกครองในระบอบอื่นโดยมีรูปแบบรัฐไทยใหม่ซึ่งมีประธานาธิบดีเป็นประมุข 2. กล่าวหาว่าตนปราศรัยใส่ร้ายว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และพรรคเพื่อไทย เป็นขบวนการเดียวกัน ที่ได้กระทำการยึดพื้นที่กรุงเทพฯ บางส่วนเพื่อใช้เป็นฐานก่อการร้าย ทำร้ายประชาชนและเจ้าหน้าที่ และ 3. กล่าวหาว่าตนปราศรัยใส่ร้ายในลักษณะเปรียบเปรยให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้บงการพรรคเพื่อไทย แม้ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ก็ชักชวนให้คนที่เชื่อถือในตัว พ.ต.ท.ทักษิณออกมาช่วยหาเสียงให้ พล.ต.อ.พงศพัศให้ได้รับเลือกตั้ง และหากได้รับเลือกตั้งก็จะเป็นผู้ว่าฯ กทม.ที่เป็นเหมือนหนังตะลุง ซึ่งต้องคอยมีคนเชิด
อย่างไรก็ตาม ข้อกล่าวหาทั้งหมดตนได้ขออนุกรรมการสืบสวนฯ ที่จะจัดทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งจะยื่นพร้อมพยานหลักฐานและพยานบุคคลในวันอังคารที่ 14 พ.ค. นี้ ซึ่งทางคณะอนุกรรมการฯ สืบสวนก็ไม่ขัดข้องแต่อย่างใด
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยยังมีความมั่นใจว่าจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ใหม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าจะสามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงทั้งหมดต่อ กกต.ได้ แม้ต้องสู้คดีในศาล แต่เชื่อว่าหลักฐานที่มีสามารถนำมาใช้พิสูจน์ความจริงได้ อย่างไรก็ตาม การเข้าชี้แจงของบุคคลทั้ง 2 ก็ได้มีประชาชน และกลุ่มเสื้อหลากสีมาคอยให้กำลังใจโดยมีการมอบดอกไม้และร้องเพลงกำลังใจให้ด้วย