ผ่าประเด็นร้อน
หลังจากร่วมกันแสดงความยินดีกับทีมทนายความของไทยที่นำโดย วีรชัย พลาศรัย อย่างไร้ข้อกังขา ต้องชื่นชมกับการเตรียมการในเรื่องข้อมูลเอกสารหลักฐาน ทั้งในเรื่องคำพูดทางประวัติศาสตร์ เอกสารด้านแผนที่มาหักล้างความพยายามของฝ่ายกัมพูชาที่่ "ซ่อนเล่ห์" อุทธรณ์แฝงมากับการยื่นตีความคำพิพากษาของศาลโลกเมื่อปี 2505
เพราะเป้าหมายที่รับรู้กันแล้วในนาทีนี้ก็คือ ฝ่ายกัมพูชาต้องการฮุบพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรของไทยเป็น "อาณาบริเวณรอบปราสาท" โดยฝ่ายไทยได้ยอมรับ และยอมเดินเข้าสู่กระบวนการการต่อสู้ในศาลโลก เพราะมีการนำข้อมูลและเอกสารมาต่อสู้และหักล้างอย่างเต็มที่
แม้ว่าทีมทนายความที่นำโดย วีรชัย จะทำหน้าที่ได้ดีไม่มีที่ติ จนได้รับคำชมจากคนไทยทั่วประเทศ และอาจจะปลุกกระแสความตื่นตัว ซึ่งในที่นี้อาจจะไม่ใช่ รักชาติ แบบหวงแผ่นดินขึ้นมาได้เต็มร้อย เพราะลักษณะเท่าที่ห็น ออกไปในทาง "ฟีเวอร์" กับภาพของ "ทนายคนสวย" อย่าง "เอลินา มิรอง" ทนายความสาวร่วมทีมของไทย ที่ทำหน้าที่งัดหลักฐานเด็ดในเรื่อง "แผนที่ใหญ่" มาหักล้างความมั่วของแผนที่กัมพูชาในอัตรา หนึ่งต่อสองแสน ได้จนแทบไปไม่เป็น เพราะเอาเข้าจริงถ้าใช้แผนที่หนึ่งต่อสองแสนดังกล่าว ที่ไม่อาจใช้ได้จริงตามสภาพทางภูมิศาสตร์ในพื้นที่และที่สำคัญถ้านำมาใช้จริง ก็จะทำให้กัมพูชาต้องเสียพื้นที่ราบเพิ่มไปอีก
นั่นเป็นความเก่งกาจของทีมทนายความฝ่ายไทย ที่ปลุกกระแสความชื่นชมจากคนไทยไปทั่ว จนกระทั่งรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย แม้กระทั่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล จากพรรคเพื่อไทย ที่ก่อนหน้านี้เป็นคนชงรื่องให้ปลด วีรชัย พ้นจากองค์ประกอบในคณะกรรมาธิการชายแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2554 โดยเสนอให้นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงนามปลดทันที เมื่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเข้ารับตำแหน่งเพียงหนึ่งเดือน หลังจากก่อนหน้านี้ นพดล ปัทมะ เมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีว่ากระทรวงการต่างประเทศที่ปลด วีรชัย พ้นจากอธิบดีกรมสนธิสัญญามาแขวนเอาไว้ในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมายประจำกระทรวง
อีกทั้งก่อนหน้านี้ทั้งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อย่าง จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ก็หลุดปากพูดแบบไม่คิดว่า ถ้าไทยแพ้คดี รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ต้องรับผิดชอบ พูดเหมือนกับ สุรพงษ์ ที่พูดว่าไทยใช้ทนายความชุดเดิมสู้คดี แต่ในความหมายเดียวกันคือ โยนให้รัฐบาลก่อนรับผิดไปเต็มๆ ขณะที่รัฐบาลชุดนี้ "ลอยตัว"
แต่บังเอิญผลออกมาตรงกันข้าม วีรชัย ทำหน้าที่สมกับทนายตัวแทนของชาติทำทุกทางทั้งตอบโต้กระชากหน้ากากฝ่ายกัมพูชาได้อย่างเจ็บแสบ และแข็งกร้าว ไม่ใช่ "เล่นลิเก" อย่างที่ "สามเกลอหัวขวด" คือ สุรพงษ์-สุกำพล-พงศ์เทพ ไปค้อมหัวนอบน้อมกับศัตรูของชาติอย่าง ฮอร์นัมฮง หัวหน้าทีมฝ่ายกัมพูชา ให้เกิดภาพบาดใจกับคนไทยทั่วประเทศ
เพราะคนที่ติดตามสถานการณ์อย่างเข้าใจ และรู้ทันก็จะดูออกว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องการใช้ศาลโลกมาปิดปากคนไทย ไม่ให้เคลื่อนไหวหลังมีคำตัดสินออกมาแล้ว เนื่องจากได้ย้ำมาตลอดว่า "ต้องยอมรับ" และให้คำนึงถึงความสัมพันธ์ระว่างประเทศเป็นหลัก
นั่นเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์เช่นเดียวกัน ว่าใครเคยมีท่าทีอย่างไร เคยทำอย่างไรเอาไว้ ด้วยระบบการสื่อสารและเทคโนโลยีสมัยใหม่ สามารถบันทึกเอาไว้ได้หมด แม้ว่าจะพยายามบิดเบือนให้เป็นตรงข้ามอย่างไรก็ตาม เหมือนอย่างที่ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เคยบอกว่า จะไม่เดินทางไปกรุงเฮก ไปศาลโลก หรือพูดว่าให้คนไทยทำใจ เพราะผลทางคดีจะออกมาแบบ "เจ๊ากับเจ๊ง" เท่านั้น
ขณะเดียวกันตาม "กำหนดการมงคล" ในกลางเดือนหน้า ก็จะมีการ "วิวาห์ข้ามชาติ"ระหว่าง หลานสาวของ ทักษิณ ชินวัตร ลูกสาวของ สมชาย-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ กับลูกชายของนักการเมืองคนใกล้ชิดของฮุนเซน ถึงได้บอกว่าให้ระวังความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือเปล่า
ดังนั้นนาทีนี้แม้ว่าจะไม่มีข้อกังขาว่าทีมทนายความของไทยที่นำโดย วีรชัย พลาศรัย จะทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ไม่มีข้อกังขา แต่ความหมายก็คือ เราต้องรอลุ้นคำพิพากษาของศาลโลกว่าผลจะออกมาอย่างไร แค่เจ๊า หรือว่าต้องเสียแผ่นดินเพิ่ม และถ้าเสียแผ่นดินเพิ่มจริง คนไทยจะทำอย่างไร จะนิ่งเฉย คำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเมื่อศาลโลกตัดสินออกมาอย่างไรคนไทยก็ต้องยอมรับอย่างนั้นหรือ
คนไทยต้องรอลุ้นชะตากรรมแบบนั้นหรือ !!