เชียงใหม่แซงเมืองคอน อุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ มท.สั่งผู้ว่าฯ ดูแล ปภ.แนะจอดพัก

รองปลัด มท.เผยวันที่ 5 ของ 7 วันอันตรายสงกรานต์ เชียงใหม่ยอดอุบัติเหตุแซงนครศรีธรรมราช แถมแชมป์ยอดบาดเจ็บ กาญจน์-ประจวบฯ ตายสูงสุด 11 ราย กำชับผู้ว่าฯลดเหตุขากลับ กทม. อธิบดี ปภ.แนะขับรถแวะพักกันอ่อนล้า อย่าขับเร็วเหตุช่วงฝนตก

วันนี้ (16 เม.ย.) ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เมื่อวันที่ 16 เมษายน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานแถลงข่าวผลการปฏิบัติงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2556 กล่าวถึงสถิติอุบัติเหตุในรอบ 24 ชั่วโมง ของวันที่ 15 เมษายน 2556 (วันที่ 5 ของการรณรงค์) พบว่าเกิดอุบัติเหตุจำนวน 393 ครั้ง สะสมรวม 5 วันจำนวน 2,290 ครั้ง จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ 86 ครั้ง รองลงมาได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช 80 ครั้ง และจังหวัดนครสวรรค์ 77 ครั้ง

“ผู้เสียชีวิตจำนวน 37 ราย สะสม รวม 5 วันจำนวน 255 ราย จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดละ 11 ราย รองลงมาได้แก่ จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดขอนแก่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดร้อยเอ็ด และจังหวัดสงขลา จังหวัดละ 8 ราย ผู้บาดเจ็บจำนวน 419 ราย สะสมรวม 5 วันจำนวน 2,439 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ 87 ราย รองลงมา ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช 83 ราย และจังหวัดนครสวรรค์ 79 ราย”

ม.ล.ปนัดดากล่าวอีกว่า วันอังคารที่ 16 เมษายน คาดว่าประชาชนจำนวนมากอยู่ในระหว่างเดินทางกลับ จึงได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนผสานกำลังปฏิบัติการลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างเข้มข้น เน้นหนักถนนสายหลักเป็นพิเศษ โดยบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัดในข้อหาเมาแล้วขับ และขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นเส้นทางเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ขอให้ปรับแผนการปฏิบัติงานโดยเน้นเส้นทางขาเข้ากรุงเทพฯ เพื่อระบายการจราจรให้มีความคล่องตัว อำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนและสร้างความปลอดภัยในการเดินทาง

ขณะที่นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ฝากเตือนประชาชนการขับรถติดต่อกันหลายวันจะทำให้เกิดอาการอ่อนล้าได้ง่าย ก่อให้เกิดอุบัติเหตุจากการง่วงหลับในได้ จึงขอให้ผู้ขับขี่จอดรถพักทุก 2 ชั่วโมง หรือทุกระยะ 150 กิโลเมตร บริเวณสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง หรือจุดบริการของหน่วยงานต่างๆ เพื่อป้องกันอาการอ่อนล้าที่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน นอกจากนี้ จากการติดตามสภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่าหลายพื้นที่ของประเทศมีฝนตกกระจาย จึงขอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเพิ่มความระมัดระวังในการขับรถเป็นพิเศษ ไม่ขับรถเร็ว เพราะสภาพถนนที่เปียกลื่นจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้