“อภิสิทธิ์” เผยหนักใจเหตุร้ายชายแดนใต้รายวัน ร้องรัฐบาลหาทางออก มีท่าทีชัด-เป็นเอกภาพ ให้บีอาร์เอ็นแสดงจุดยืน ชี้เหตุผลเลื่อนเพราะมาเลย์มีเลือกตั้งฟังไม่ขึ้น เพราะมี สมช.มาเลย์ อยู่แล้ว เชื่อรัฐบาลหวังผลการเมืองจึงออกมาเละเทะ เห็นด้วยแนวคิด “ถวิล” ชี้การเจรจาเป็นแค่ส่วนหนึ่ง ร้องนายกฯ จัดกระบวนทัศน์กันใหม่ หวั่นยิ่งปล่อยไปยิ่งแก้ยาก
วันนี้ (11 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ตนหนักใจ เพราะเห็นชัดว่า การก่อเหตุเกิดขึ้นรายวัน โดยมีรูปแบบรุนแรง และมีเป้าหมายโดยเฉพาะในส่วนของเจ้าหน้าที่ ฉะนั้นตนก็ยังยืนยันเรียกร้องให้รัฐบาลต้องหาทางออกกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะการที่จะต้องเรียกร้องให้กลุ่มบีอาร์เอ็นที่มาพูดคุยนั้นแสดงจุดยืน ความรับผิดชอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับกรณีต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการพูดคุย และต้องยืนยันว่าจะต้องเดินหน้าต่อในวันที่ 29 เม.ย.นี้
ทั้งนี้ ตนอยากให้รัฐบาลมีท่าทีที่ชัดเจน เป็นเอกภาพ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีก็ควรจะเรียกประชุมทุกฝ่ายและให้มีข้อสรุปที่เป็นจุดยืน เพื่อแสดงออกมาชัดเจนจากส่วนของรัฐบาลไทย ว่าจะดำเนินการอย่างไรในเรื่องนี้ ส่วนที่มีการอ้างว่าต้องเลื่อนการเจรจาออกไปเพราะมาเลเซียมีการเลือกตั้งนั้น ตนคิดว่าไม่เป็นเหตุผลที่จะเลื่อน เพราะหน่วยงานที่ทำหน้าที่นี้เขาเป็นหน่วยงานประจำ ก็คือ สมช.มาเลเซีย ซึ่งไม่เกี่ยวกับปัญหาว่าเขาต้องไปจัดการเลือกตั้ง จึงสามารถที่จะมาดำเนินการเรื่องนี้ได้ แต่หากบอกว่าต้องรอความชัดเจนในทางนโยบายทางการเมืองของมาเลเซียก่อน ถ้าอย่างนั้นก็จะยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ เพราะแสดงว่านโยบายของการพูดคุยที่จะต้องมีความต่อเนื่อง กลับต้องไปอิงอยู่กับสถานการณ์การเมืองของมาเลเซีย ซึ่งไม่เป็นเหตุเป็นผล
“ฝ่ายนโยบายต้องประเมินว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเราเคยเตือนว่าเชื่อมโยงกับความไม่ระมัดระวังในการดำเนินนโยบายเรื่องการพูดคุยจะเป็นปัญหา เพราะฉะนั้นฝ่ายนโยบายต้องประเมินหลายสิ่งหลายอย่างที่ผิดพลาดมาแล้ว เมื่อรัฐบาลไม่ฟังเสียงท้วงติง แล้วก็อยากจะเดินนโยบายซึ่งหวังผลทางการเมือง ผลที่กลับมา มันก็เป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นมันก็เป็นเรื่องของฝ่ายการเมืองที่ต้องมาประเมิน แล้วก็ทบทวนกันใหม่” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าการเจรจานี้เข้าลักษณะกลับไม่ได้ไปไม่ถึงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก ซึ่งเราก็เคยเตือน แต่ก็ถูกฝ่ายรัฐบาลคิดแต่ในแง่มุมตอบโต้ทางการเมือง ก็มาหาว่าขัดขวาง หรือกลัวตกขบวน ทั้งที่จริงไม่ใช่ เพราะเราเตือนว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น ก็ขอให้กลับไปดู ไปทบทวน และหาทางแก้ไข ต้องผ่าทางตันไป
ส่วน นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ บอกว่ารัฐบาลอย่ามุ่งเจรจาอย่างเดียว ยังมีงานด้านความมั่นคงอื่นที่จะต้องทำเพื่อที่จะแก้ปัญหาประชาชน อย่าให้ความสำคัญกับกลุ่มก่อเหตุ และไม่ควรเน้นประชาสัมพันธ์การตลาดอย่างเดียวนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเห็นด้วย 1.ปัญหาปัจจุบันการพูดคุย หรือการเจรจานั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของมาตรการที่ต้องแก้ไขปัญหาทั้งหมด และการแก้ที่ต้นเหตุในเรื่องของการอำนวยความยุติธรรม ในการสร้างโอกาสการพัฒนานั้นสำคัญ และต้องให้ความสำคัญกับเสียงของประชาชนคนธรรมดาด้วย อย่าไปฟังเฉพาะกลุ่มที่ก่อเหตุ ส่วนเรื่องของการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การตลาดนี่ก็ชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งตนก็ได้บอกไปแล้วว่าเรื่องการพูดคุยที่เขาทำกันมาในหลายรัฐบาล เขาก็พยายามดำเนินการกันอย่างระมัดระวัง แต่ความพยายามที่จะใช้เรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง เรื่องการตลาด ก็เลยทำให้รัฐบาลตัดสินใจอย่างนี้ แล้วก็ผลที่ตามมา ขณะนี้ก็คือสิ่งที่ต้องมาตามแก้กัน
“อยากให้นายกรัฐมนตรีจัดกระบวนทัศน์กันใหม่ ซึ่งเรื่องนี้ทั้งหมด ตั้งแต่ฝ่ายการเมืองลงมา อย่างที่เราก็ต้องมานั่งพูดคุย วิพากษ์ วิจารณ์ กันทุกวันเรื่องรองนายกฯ บ้าง เรื่องอะไรบ้าง ผมว่ามันถึงเวลาแล้ว อย่าปล่อยให้เหตุการณ์รายวันแบบนี้เกิดขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วก็เกิดแต่ความสูญเสีย แล้วก็ความเสียหายที่ยิ่งปล่อยไปก็จะยิ่งแก้ยากขึ้น” นายอภิสิทธิ์ กล่าว