“อภิสิทธิ์” ซัด “นิคม” มีอคติ ชี้ “สมศักดิ์” ส่อฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญชัด คาดหลังสงกรานต์ชัดเจนถอดหรือไม่ หนุน กมธ.เดินหน้าต่อ แต่ปัญหาอยู่ที่การแปรญัตติ จวก “นช.แม้ว” อย่าทำให้สับสน หยันเลือกตั้งสไกป์ไม่กู้แต่วันนี้จะเป็นหนี้ โอ่ ปชป.สำรองเงินจ่ายหนี้ไอเอ็มเอฟได้ ระวังถลำเข้าสู่ความเสี่ยงวิกฤต
วันนี้ (8 เม.ย.) ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ เพื่อเปิดตัวหนังสือมองมาร์ค 2 ที่ บูธร้านนายอินทร์ พร้อมกันนี้ยังได้แจกลายเซ็นแก่ผู้ที่มาร่วมงานและซื้อหนังสือด้วย
ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ กล่าวตอบโต้ นายนิคม ไวรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ที่กล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์ต้องการตีรวน เรื่องกระบวนการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สมบูรณ์ กรณียังมีญัตติเรื่องแปรญัตติ 60 วัน ค้างอยู่ว่า นายนิคม ก็ทำตัวเป็นกลางแบบนายนิคม คือมีอคติกับผู้พยายามรักษาความถูกต้อง ความจริงคนเป็นประธานต้องรักษากฎระเบียบไม่ใช่ผลประโยชน์ของตนเอง ในฐานะผู้เสนอญัตติ เพราะข้อเท็จจริงปฏิเสธไม่ได้ว่าญัตติมีการเสนอรับรองถูกต้องแล้ว ประธานกำลังขอมติ แต่องค์ประชุมไม่ครบ ญัตติจึงยังค้างอยู่ ข้อบังคับเขียนไว้อย่างนี้ ดังนั้นหากนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ไม่เรียกประชุมรัฐสภาเพื่อลงมติก็จะต้องถือว่ามีเจตนาที่จะฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ซึ่งเข้าข่ายยื่นถอดถอนได้ เพราะการประชุมสภาต้องมีองค์ประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง แต่ประธานสรุปข้อยุติของญัตติโดยที่องค์ประชุมไม่ครบ ซึ่งหลังสงกรานต์คงจะมีความชัดเจน โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้านติดตามเรื่องนี้อยู่ สำหรับการทำงานของกรรมาธิการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญคิดว่ายังเดินต่อไปได้ เพราะในส่วนการตั้งกรรมาธิการถูกต้องแล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่การแปรญัตติ ตนถือว่ายังไม่ได้กำหนดวันที่ชัดเจนเพราะมีญัตติ 60 วันค้างอยู่ ดังนั้นหากมีการแปรญัตติหลังวันที่ 15 ก็คงเกิดการโต้แย้งตามมา
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เขียนข้อความบนเว็บไซต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณี พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่อ้างจะใช้หนี้ได้ก่อน 50 ปี ว่า ตัวเลขหนี้ 50 ปีออกมาจากรัฐบาล ตนไม่อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ สร้างความสับสน เพราะเป็นผู้สไกป์เข้ามาก่อนการเลือกตั้งว่าจะทำโครงการต่างๆ โดยไม่ต้องกู้ แต่วันนี้กลับกู้เงินและไม่อยากให้ซ้ำรอยที่เคยเชิญชวนคนทั้งประเทศว่าต้องเป็นหนี้ก่อนถึงจะรวย สุดท้ายคนส่วนใหญ่เป็นหนี้ แต่ยังยากจน หรือแย่กว่าเดิม และไม่อยากให้สร้างความสับสนเรื่องประวัติศาสตร์ที่พูดว่าพรรคประชาธิปัตย์มีแต่ใช้จ่าย ทั้งที่เราคือพรรคที่สะสมเงินสำรองจนใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนด เพียงแต่ไม่ได้ทำในรัฐบาลในพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากไม่อยากเสียค่าปรับ ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ไปกู้เงินเพื่อใช้หนี้ ตามที่ นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกฯ ยอมรับในสภา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า แม้ในปัจจุบันสัดส่วนหนี้สาธารณะในประเทศจะยังไม่สูง แต่อย่าลืมว่า ตอนที่รัฐบาลชุดที่แล้วพ้นตำแหน่ง สัดส่วนหนี้สาธารณะอยู่ที่ 40% แต่ในปีนี้มีโอกาสสูงขึ้นไปถึง 46-47% ซึ่งยังไม่รวมการกู้เงิน 3.5 แสนล้าน และ 2 ล้านล้านบาท รัฐบาลจึงไม่ควรประมาท เพราะการที่เศรษฐกิจไทยมีคนทำรากฐานเอาไว้อย่างแข็งแกร่ง แต่อีกคนหนึ่งเข้ามาทำอะไรตามใจชอบ เป็นความไม่รับผิดชอบ
“พ.ต.ท.ทักษิณ เคยบอกว่าเป็นนักธุรกิจเข็ดแล้วเรื่องเป็นหนี้ แต่ทำไมตัวเองเข็ดแล้วกลับมายุให้คนอื่นสร้างหนี้ เพราะหากมีการใช้จ่ายเงินไม่ระมัดระวัง และไม่มีประสิทธิภาพ มีการทุจริตคอร์รัปชันหนี้ก็จะสะสม ความเชื่อมั่นจะหายไป ซึ่งไทยมีความเสี่ยงไม่ต่างจากประเทศอื่นๆ ที่วิกฤตขณะนี้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว