กัดฟันโหวตส่อตายหมู่

สะเก็ดไฟ

ไม่เหนือความคาดหมายเท่าไร สำหรับมติ 3 ต่อ 2 ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ให้มีคำสั่งรับคำร้องของ “สมชาย แสวงการ” ส.ว.สรรหา ที่ร้องให้ยับยั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68-237 ของรัฐสภาในขณะนี้ และให้ “ผู้ร้อง - ผู้ถูกร้อง” ยื่นคำชี้แจงต่อศาลภายใน 15 วัน

แต่ยังดีที่ไม่ออกคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราว เพราะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องฉุกเฉิน ทำให้การพิจารณาและลงมติของที่ประชุมร่วมรัฐสภายังสามารถดำเนินการต่อไปได้ ออกมารูปนี้อย่างน้อยก็อาจจะทำให้พลพรรคเพื่อไทยหายใจโล่งไปเปราะหนึ่ง

แต่ก็ใช่ว่าจะสบายใจไปทั้งหมด

เพราะดูจากอาการตั้งแต่มีข่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญเรียกประชุมด่วนในช่วงบ่ายวานนี้ (3 เม.ย.) บรรดา ส.ส.เพื่อไทย กับ ส.ว.ฝ่ายรัฐบาล ดูจะหวาดหวั่นเป็นพิเศษ บางออกมาขู่ฟ่อว่า หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง อาจต้องถึงขั้นนองเลือด หลายคนก็ใช้เวลาในการอภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมารุมถล่ม “ส.ว.สมชาย” โดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องการเปิดช่องให้ “ฝ่ายตุลาการ” เข้ามาล้วงลูกการทำหน้าที่ของ “ฝ่ายนิติบัญญัติ”

ตราหน้าราวกับว่าเป็น “ไส้ศึก” เปิดประตูเมืองให้ “ฝ่ายตรงข้าม” บุกมาตีเอาไปเป็นเมืองขึ้น

ขณะที่อีกด้านก็ต้องเรียกบรรดากุนซือตัวกลั่นทั้งหลายเข้าสุมหัวกันใน “วอร์รูม” ประเมินความน่าจะเป็นของคำสั่งศาลว่าจะออกมารูปใดตลอดคืนวันที่ 2 เม.ย.ต่อเนื่องถึงช่วงเช้าก่อนมติศาลจะออกมา

เรียกว่าออกอาการหลอนเกรงว่า ศาลจะสั่งระงับการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกครั้ง เหมือนที่ทำให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ต้องค้างเติ่งอยู่ในตอนนี้ อีกทั้งข้อหาจำกัดสิทธิของประชาชน เข้าข่ายการล้มล้างการปกครองที่ “ส.ว.สมชาย” ใช้ในการยื่นคำร้องครั้งนี้ ถือว่าหนักหนาสาหัส และมีโทษถึงที่สุด “ยุบพรรค” ซึ่งบรรดา “คนเพื่อไทย” เข็ดขยาด ทำเอาหลายคนเริ่มถอดใจไม่อยากเอาคนไปพาดอยู่บนเขียงด้วย

เพราะไม่ทันไรฝ่ายค้านพรรคประชาธิปัตย์ก็ออกมา “ดักคอ” ทันทีว่า ส.ส.-ส.ว.คนไหนยกมือสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.68 - 237 หนีไม่พ้นถูกยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่งได้ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง

ถึงวันนั้นก็เท่ากับลาภยศสรรเสริญที่มีอยู่ในตอนนี้ก็ต้องมลายหายไปกับตา

หลายคนก็ภาวนาให้พักการพิจารณาวาระนี้ออกไปก่อน ไม่อยากเสี่ยงโหวตรับหลักการ ม.68-237 ในวาระแรก ที่อาจจะเข้าข่ายการกระทำความผิดสำเร็จแล้วตามคำร้องที่อยู่ในพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ โดยพูดคุยกันว่า ให้โหวตรับหลักการร่างแก้ไขมาตรา 190 และในส่วนของที่มา ส.ว.ไปพลางก่อน

แต่ก็ได้แต่คิด เพราะพลันเมื่อมติ 3 ต่อ 2 ออกมาไม่นาน ก็มี “ฮอตไลน์” สายตรงจากต่างแดนทุบโต๊ะเปรี้ยงสั่งให้ต้องเดินหน้าโหวตวาระแรกไปก่อน ราวกับเดาออกว่าบรรดาลิ่วล้อของตัวเองจะทิ้งทุ่นไม่เอาด้วยกับเกมนี้แล้ว

ที่สุด “ลิ่วล้อ” ก็ต้องจำใจยกมือโหวตผ่านตามคำสั่งจากแดนไกล

ทั้งๆที่รู้ดีว่าจะเป็นชนักติดหลังไป ที่สุดท้ายอาจต้อง “ตายหมู่” กันอย่างอเนจอนาถ