นายกฯ เยี่ยมฟาร์มโคนมในนิวซีแลนด์ ก่อนบินไปปาปัวนิวกินี รมว.พลังงานเผย “ทักษิณ” เคยมาที่นี่แต่ไม่เกี่ยวแอบซื้อก๊าซธรรมชาติ “นิวัตน์ธำรง” อ้างรัฐบาลไม่กังวลแจงกู้ 2.2 ล้านล้าน โวเสียงส่วนมากหนุน โอดถ้าใช้งบประมาณปกติเงินมาไม่แน่นอน
วันนี้ (24 มี.ค.) ภารกิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการเดินทางเยือนประเทศนิวซีแลนด์เป็นวันสุดท้าย โดยเมื่อเวลา 10.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (เร็วกว่าประเทศไทย 6 ชม.) นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินทางไปยังฟาร์มโคนม Shaw Dairy Farm ที่อยู่ทางตอนใต้ของเมืองโอ๊คแลนด์ เพื่อเยี่ยมชมการบริหารจัดการและการใช้เทคโนโลยีภายในฟาร์มโคนม ซึ่งอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้และมีชื่อเสียง รวมทั้งเป็นสินค้าสำคัญและส่งออกของนิวซีแลนด์
โดยนายกรัฐมนตรีแสดงความสนใจการผลิตนมและผลิตภัณฑ์จากนม ซึ่งมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการพัฒนาและรักษาคุณภาพของนม รวมทั้งการเลี้ยงวัวเพื่อให้ได้น้ำนมที่มีคุณภาพและสารอาหารครบ ซึ่งนมถือเป็นอาหารสำคัญทีมีสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเติบโตและพัฒนาในทุกช่วงอายุ โดยเทคโนโลยีการผลิต การรักษา รวมทั้งการเลี้ยงโคนม ที่ได้ศึกษาดูงานในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับอุตสาหกรรมโคนมของไทย รวมทั้งการรณรงค์ให้มีการบริโภคนมให้มากขึ้น และมีการผลิตที่ได้คุณภาพและเพียงพอต่อความต้องการ
ต่อมาเวลา 17.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (เร็วกว่าประเทศไทย 3 ชม.) นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางถึงกรุงพอร์ตมอร์สบี ประเทศปาปัวนิวกินี โดยเครื่องบินพิเศษ และเมื่อไปถึงจะมีพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ซึ่งการเดินทางเยือนปาปัวนิวกินี ครั้งนี้เป็นไปตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีปาปัวนิกินี และถือเป็นนายกรัฐมนตรีไทยคนแรกที่ได้มีโอกาสเดินทางเยือนอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ ประชาชนชาวปาปัวนิวกีนีได้ให้ความสนใจมาต้อนรับอยู่บนรอบนอกของสนามบินและต่างถ่ายภาพเป็นระลึกกันอย่างคึกคัก
ขณะที่ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล รมว.พลังงาน กล่าวยอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยเดินทางไปประเทศปาปัวนิวกินีแล้ว แต่หลายปีแล้วในช่วงหลังจากปฏิวัติรัฐประหารใหม่ๆ ซึ่งไม่เห็นมีผลอะไร เพราะหลังจากการเยือนของ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีการซื้อขายก๊าซธรรมชาติกันได้เลย เราต้องแยกออกจากกันระหว่างการเดินทางไปเยี่ยมและพบปะผู้นำประเทศ กับการเจรจาค้าขายคนละเรื่องกัน อย่างครั้งนี้รัฐบาลเดินทางเยือนประเทศปาปัวนิวกินี เพื่อมองหาแหล่งทรัพยากรธรรมชาติสำหรับประเทศไทย โดยเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ก่อนที่เอกชนจะดำเนินการเจรจาเพื่อให้เกิดประโยชน์และทำให้เกิดความมั่นคงทางด้านพลังงานให้กับประเทศไทยต่อไป
ส่วนนายนิวัตน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการชี้แจงร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท ในวันที่ 28-29 มี.ค.นี้ ว่า รัฐบาลไม่รู้สึกกังวลใจการชี้แจงต่อสภา ที่ผ่านมารัฐบาลได้จัดนิทรรศการเพื่อชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบ และได้มีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนด้วย โดยประชาชนจำนวนมากให้การสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เพราะโครงสร้างพื้นฐานไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเริ่มคิด มีคนคิดมาหลายหยุดหลายสมัย แต่ไม่มีคนทำจริงจัง ซึ่งโครงการเหล่านี้หากรัฐบาลใช้งบประมาณปกติ ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา หรือมีเงินเหลือค่อยทำและไม่มีความแน่นอน แต่เมื่อออกเป็น พ.ร.บ.แล้ว ถือว่าเป็นกฎหมายที่รัฐบาลต้องดำเนินการ
