“เรืองไกร” เตรียมยื่นประธาน กกต.สอบ “วัชระ-ศุภชัย” ใช้อำนาจ กมธ.เรียก “ธาริต” แจง ส่อใช้ตำแหน่งก้าวก่ายเพื่อประโยชน์ตน อ้างเช็กแล้วไม่พบมติที่ประชุมเชิญตัว พร้อมจี้ชงศาล รธน.รื้อ ตรา ม.135 วรรค 2 มิชอบ
วันนี้ (16 มี.ค.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา กล่าวว่า วันที่ 18 มีค.นี้ จะยื่นเรื่องต่อประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายศุภชัย ศรีหล้า ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ ว่ามีการใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นส.ส.เข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 266 (1) หรือไม่ จากกรณีนายวัชระและนายศุภชัย ในฐานะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เรียกนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าชี้แจง โดยอ้างว่าเป็นมติเอกฉันท์ของคณะกรรมาธิการฯ แต่จากเอกสารเชิญประชุมกลับไม่พบข้อความใดที่บ่งบอกถึงมติดังกล่าว พฤติการณ์ที่แสดงออกมาอาจแสดงให้เห็นและเข้าใจได้ว่านายวัชระและนายศุภชัยมีการกระทำในทางใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็น ส.ส. เข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงการปฏิบัติราชการ หรือดำเนินงานในหน้าที่ประจำของข้าราชการระดับอธิบดี
นายเรืองไกรกล่าวว่า หากพิจารณาอำนาจของคณะกรรมาธิการฯ ชุดนี้ตามข้อบังคับการประชุมก็ไม่ควรมีอำนาจสอบสวนหรือศึกษาเรื่องที่อาจเกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่อยู่ ระหว่างการดำเนินคดีของดีเอสไอ หากนายธาริต เปิดเผยหรือให้ข้อมูลที่อาจเกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่อยู่ระหว่าง การดำเนินคดี จะเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 164 ฐานเปิดเผยความลับในราชการหรือไม่ และจะถือว่ากรรมาธิการฯที่ร่วมลงมติมีส่วนกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คำสั่ง เรียกฯ มาตรา 12 ด้วยหรือไม่ ซึ่งจะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้มีข้อสังเกตว่าจากการตรวจสอบรายงานการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ครั้งที่ 31/2550 วันที่ 23 มิ.ย. 2550 ระหว่างการพิจารณามาตรา 135 วรรคสอง อาจเป็นการตราโดยไม่ชอบ และไม่มีผลใช้บังคับมาตั้งแต่ต้น จึงขอให้ กกต.พิจารณาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป
