ผ่าประเด็นร้อน
แม้ว่าจะดูภายนอกฉาบฉวยก็เห็นท่าทางขึงขังของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ส่วนใหญ่มาจากแกนนำคนเสื้อแดง ร่วมกันลงชื่อเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมเข้าสภา โดยยื่นต่อ สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว และรับปากว่าจะนำเข้าบรรจุในระเบียบวาระภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งทำให้สังคมเริ่มจับตามอง ขณะเดียวกันบรรยากาศการเมืองที่เคยลดดีกรีลงมานานหลายเดือน ทำท่าเพิ่มความร้อนแรงขึ้นมาอีกครั้ง
แน่นอนว่าเป็นเวลานานนับปีแล้วที่สังคมส่วนใหญ่เริ่มมีความคิดตกผลึกแล้วว่าการเสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมี “เจตนาซ่อนเร้น” เพื่อช่วยเหลือ “ทักษิณ ชินวัตร” และแกนนำคนเสื้อแดงให้พ้นผิดเท่านั้น โดยใช้ชาวบ้านที่เป็นคนเสื้อแดงระดับรากหญ้าเป็นตัวประกัน หรือขอพ่วงแอบอยู่ข้างหลังคนพวกนี้นั่นแหละ ซึ่งชาวบ้านรู้ทัน ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่พอมีความเคลื่อนไหวในเรื่องดังกล่าวขึ้นมา ก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวจากมวลชนที่ไม่เห็นด้วยทันควัน เพราะพวกเขาเห็นว่าการเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นการเอาเปรียบ และทำลายหลักนิติธรรม อีกทั้งยังไม่มีการค้นหาความจริงว่าถูกผิดเป็นอย่างไร ยังไม่ผ่านการชี้ขาดจากกระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอน นั่นคือการชี้ขาดจากศาลยุติธรรม
ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมาทั้ง ทักษิณ ชินวัตร รวมไปถึงบรรดาแกนนำที่ปลุกระดมชาวบ้านเข้าร่วมชุมนุมต่างก็มั่นใจว่าตัวเองบริสุทธิ์ ถูกกลั่นแกล้ง ก็ทำไมไม่ใช้กระบวนการทางศาลพิสูจน์ความจริงอย่างยุติธรรม อีกทั้งเวลานี้ฝ่ายของตัวเองก็เป็นรัฐบาลกุมกลไกอำนาจรัฐอยู่ในมือพร้อมสรรพจะไปกลัวอะไร หรือว่าการทำเช่นนี้ต้องการหนีความจริง ซึ่งตัวเองรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว
ล่าสุด กลุ่มมวลชนที่ประกาศท่าทีชัดเจนว่าจะคัดค้านการเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษฯรวมถึงเรียกร้องให้ถอนร่างนิรโทษฯรวมไปถึงร่างในชื่ออื่นที่คาอยู่ในสภา 4 ฉบับออกมาด้วย ไม่เช่นนั้นจะชุมนุมทันที และจะต่อต้านทุกรูปแบบ ซึ่งรวมไปถึงการขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรด้วย
อย่างไรก็ดี เมื่อบรรยากาศเริ่มตึงเครียดอย่างที่เห็น ทำให้เราได้เห็นอีกมุมหนึ่งที่เริ่มมีความเคลื่อนไหวเข้ามาพร้อมกันอย่างผิดสังเกต และคึกคักเป็นพิเศษ นั่นคือมหกรรมการกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาทของรัฐบาลที่นำโดยยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยอ้างว่านำมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยเฉพาะระบบราง และถนน อ้างว่าเพื่อลดต้นทุนการขนส่งและพลังงานในอนาคต
การกู้เงินดังกล่าวรัฐบาลจะเสนอเป็นร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อนำมาใช้สำหรับการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ดังกล่าว แต่ที่น่าสังเกตก็คือการกู้เงินครั้งนี้จะไม่ผ่านร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี แต่แยกออกมาต่างหากทำให้มองว่านี่คือการเลี่ยงเลี่ยงจากตรวจสอบจากสภา อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มหนี้สาธารณะอีกจำนวนมหาศาล
ตามตารางปฏิทินแล้วรัฐบาลจะอนุมัติและนำเข้าพิจารณาในสภาภายในเดือนนี้ เพื่อให้ทันก่อนปิดสมัยประชุมสภานิติบัญญัติวันที่ 20 เมษายน
เมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นการโหมโรงจัดนิทรรศการใหญ่โตสร้างกระแส อ้างว่าเพื่อชี้แจงกับสังคม และดึงดูดนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศเข้ามาร่วมลงทุนก็ต้องบอกว่า “เอาแน่” และเดินหน้าเต็มกำลัง เป็นเรื่อง “เร่งด่วน” ที่มีตารางเวลากำหนดเอาไว้แล้ว
แม้ว่าในเรื่องของการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่เป็นโครงสร้างหลักจะยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าได้ประโยชน์คุ้มค่าหรือไม่ หรือการที่เสนอเป็นร่างพระราชบัญญัติแยกออกมาจากร่างพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปีเพื่อต้องการตกแต่งบัญชีหนี้สาธารณะและเลี่ยงการตรวจสอบก็ตาม แต่สิ่งที่ต้องจับตาตามมาก็คือ นี่คือการทำมาหารับประทานจาก “ค่าหัวคิว” แบบ “ร้อยชักยี่สิบหรือร้อยชักสามสิบ” กับโครงการมูลค่ามหาศาลที่จ่อลงทุนตลอดทั้ง 7-10 ปีข้างหน้านี้
กลายเป็นว่านี่คือการทำมาหากินจากงบประมาณที่สังคมกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด และเป็นเรื่องเร่งด่วนกว่าเรื่องใดทั้งหมดของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ในตอนนี้ ขณะเดียวกันเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับการเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมที่บรรดา ส.ส.ที่เป็นอดีตแกนนำคนเสื้อแดงเสนอเข้าสภาและยังค้างคาอยู่ในสภาในชื่อต่างๆ อีก 4 ฉบับ แม้ว่าจะเป็นเรื่องด่วนไม่แพ้กัน แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ภายนอกสภาแล้วถือว่าการเดินหน้าเรื่องกู้เงินเป็นเรื่องใหญ่และเร่งด่วนกว่า เพราะนั่นเป็นเรื่องผลประโยชน์ เป็นการทำมาหากินที่ควบคู่กันมาและทำได้ทันที โดยมีความเสี่ยงน้อยกว่า เมื่อเทียบกับการผลักดันเรื่องนิรโทษเพื่อลบล้างความผิดให้กับตัวเองและพวกพ้อง
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากท่าทีของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ต้องการเดินหน้าบริหารบ้านเมืองต่อไปจนครบวาระ คงไม่อยากเสี่ยงทำให้เสียบรรยากาศ เสี่ยงทำให้รัฐบาลสั่นคลอนโดยไม่จำเป็น ซึ่งล่าสุดก็มีความชัดเจนอีกครั้งว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่มีการพิจารณาเรื่องพระราชบัญญัตินิรโทษฯ ในช่วงนี้ ความหมายก็ชัดเจนว่ามีการจัดลำดับความสำคัญเรื่องพระราชบัญญัติเงินกู้เร่งด่วนกว่า
ดังนั้นเมื่อพิจารณาในภาพรวมทั้งหมดที่เป็นอยู่ก็พอมองเห็นว่าเป็นอย่างไร และอีกด้านหนึ่งยังเป็นการมองว่าการเคลื่อนไหวของ ส.ส.เสื้อแดงในการเสนอพระราชบัญญัตินิรโทษฯ อาจเป็นละครอีกฉากหนึ่งเพื่อตบตาคนเสื้อแดงก็เป็นได้ เพราะถ้าจะช่วยเหลือให้ระดับเสื้อแดงรากหญ้าที่กระทำความผิดถูกคุมขังก็อาจจะใช้วิธีใช้ตำแหน่ง ส.ส.ของตัวเองไปยื่นขอประกันตัวออกมาก็เป็นได้ แต่ที่ผ่านมากลับไม่ดำเนินการ!!