เกาะกระแส
00 แน่นอนแล้วว่า หลังจากไม่ได้เป็นผู้ว่าฯกทม.ตามประสงค์ของ ทักษิณ ชินวัตร ทำให้ “จูดี้” พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ต้องย้อนกลับไปนั่งในตำแหน่งเดิมนั่นคือรองผบ.ตร.ควบเลขาฯปปส.โดยเฉพาะเก้าอี้รองผบ.ตร.โดยมีเป้าหมายสูงสุดที่วางเอาไว้นั่นคือ ผบ.ตร.คนต่อไปสืบแทน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่จะเกษียณอายุในปี 57 ขณะที่ พงศพัศ จะเกษียณฯในปี 59 ซึ่งเชื่อว่าหากรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ยาวจนครบวาระหรือเกือบครบ
00 จะชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้ว่าฯกทม.ก็ดี ไม่ได้เป็นผู้ว่าฯก็ได้ เพราะนาทีนี้สำหรับ “จูดี้” ถือว่าเขาได้เลือกขั้วสนิทแนบแน่นจนกลายเป็น “เด็กดี” ของ ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว สามารถเข้าไปอยู่ใน “วงใน” เรียบร้อยแล้ว และสำหรับคนอย่างเขา พงศพัศ นาทีนี้หลังจากพลาดเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.แล้ว คงเว้นวรรคยังไม่เดินต่อในทางการเมือง แต่เลือกที่จะก้าวหน้าใน “ตำแหน่ง ผบ.ตร.” ตามเส้นทางเดิมที่ตัวเองทำทุกทางไต่เต้าขึ้นมาจนถึงเก้าอี้ รองผบ.ตร.และต่อไปนี้มองตามรูปการแล้วถือว่า “ทางสะดวก” กว่าใคร ตามที่ตัวเองได้แย้มเอาไว้ว่าการเป็นตำรวจสามารถรับใช้คนกรุงเทพฯในเรื่องแก้ปัญหายาเสพติด และอาชญากรรมได้
00 เมื่อผ่านศึกชิงเมืองหลวงไปแล้ว แน่นอนว่า “ศึกแม้ว” กำลังเริ่มขึ้น ซึ่งก็เป็นเรื่องเดิมๆ “ความเห็นแก่ตัว” เอาเปรียบแบบเดิมๆ นั่นคือเริ่มมีความเคลื่อนไหวเรื่อง “นิรโทษกรรม” การแก้ไขรธน.มีเป้าหมายอย่างที่รู้กันดีคือช่วยเหลือ ทักษิณ ชินวัตร ให้พ้นผิดและกลับมามีอำนาจทางการเมืองแบบ “ไร้รอยต่อ” เท่านั้น แต่เมื่อมีปัญหาอุปสรรคมาหลายครั้ง มันก็ยิ่งมีปรับปรุงวิธีการให้แนบเนียนยิ่งขึ้นกว่าเดิม
00 แต่งานใหญ่อีกเรื่องที่กำลังเดินหน้าเต็มกำลังก็คือ พ.ร.บ.กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท โดยมี รมว.คลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นโต้โผใหญ่ เชื่อว่าในราวสัปดาห์หน้าก็อาจเห็นวาระด่วนอยู่ในสภาก็เป็นได้ และเมื่อเสร็จสมอารมณ์หมายนั่นก็เท่ากับว่าเราๆท่านๆทุกคนที่เป็นคนไทยจะต้องมีหนี้สินติดตัวเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าคนละ 1 แสนบาทไม่น้อยกว่า 50 ปี และที่สำคัญเสียงท้วงติงจาก “คนเคยกันเอง” อย่าง อดีต รมว.คลัง ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ที่ให้ระวังการ “งาบ” เพราะเป็นเงินกู้นอกงบประมาณ การตรวจสอบทำได้ลำบาก ซึ่งด้วยเหตุผลตรวจสอบได้ยากนี่แหละจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ต้องใช้วิธีแบบนี้ไงละ เข้าใจปะ !!
00 สถานการณ์ชายแดนใต้เวลานี้ถือว่าน่าเป็นห่วงจริงๆ ทุกอย่างเป็นเพราะฝ่ายการเมืองทำเละเทะแก้ปัญหาแบบสร้างภาพฉาบฉวย เน้นแต่เรื่องการตลาด เพื่อหวังผลทางการเมืองเฉพาะหน้าเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น “ปาหี่” ลงนามสันติภาพกับโจรหลงยุค หมดบทบาทไปตั้งแต่ปีมะโว้ แต่ก็ยังไม่วายนำมาปัดฝุ่นปั่นราคากันใหม่ และเมื่อเป็นของปลอม มันก็ต้องมี “ของจริง” ออกมาแสดงให้เห็น เหตุการณ์ป่วนทำให้เจ็บตายเป็นรายวัน หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ
00 ปัญหาไฟใต้เวลานี้ หากพิจารณาจากแนวโน้มแล้ว อีกมุมหนึ่งเหมือนกับว่าเป็นการเขียนบทสร้างเรื่องกันเอาไว้ล่วงหน้าให้เดินไปตามนั้น เพราะถ้ามองในแง่ร้ายดูแล้วเหมือนมีเจตนาทำให้เสียดินแดน หรือเพื่อจัดตั้งเขตปกครองพิเศษขึ้นมาใหม่ก็ตาม หลังจากมีการลงนามความเข้าใจแบบกึ่งๆสันติภาพ ความหมายก็คือเป็นการ “ยกฐานะ” กลุ่มโจรขึ้นมาเป็น “คู่เจรจา” โดยตรงกับรัฐ หลังจากนั้นเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย หากมีการแบ่งแยก หรือตั้งเป็นเขตปกครองใหม่ มันก็ง่ายสำหรับเข้าไปเจรจาตักตวงผลประโยชน์ การตั้งข้อสังเกตแบบนี้แม้อาจดูเลื่อนลอย น่าหัวร่อ แต่ดูแล้วมันเข้าเค้าและกำลังเดินไปทางนั้นจริงๆ อีกทั้งก็ยังเห็น “คนหน้าเหลี่ยม” ยืนเป็นเงาทะมึนอยู่ข้างหลังชัดเสียด้วยซี
00 ส่วน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯในฐานะผู้อำนวยการ ศปก.กปต. ดูแลงานด้านยุทธศาสตร์ชายแดนใต้บอกว่าหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.แล้วจะลงไปในพื้นที่นั้น นาทีนี้สมควรเปลี่ยนใจใหม่ได้แล้ว และทางที่ดี “ควรไปให้พ้น” หรือไปให้ไกลๆจะดีกว่า ว่ามั๊ย เพราะขืนไปก็ยิ่งสร้างความรำคาญไร้ประโยชน์ เป็นภาระเจ้าหน้าที่เขาเปล่าๆ !!