ผู้ประสานกลุ่มกรีน ชี้ผลผู้ว่าฯ สะท้อนสมการการเมืองระดับชาติ ประเด็นทักษิณยังขายได้ ทั้งคนชอบและไม่ชอบ แนะ ปชป.สร้างกรุงเทพฯ เป็น “ต้นแบบปฏิรูป” เผยเพื่อไทยแพ้ตั้งแต่ “ทักษิณ” ปลุกยึด กทม. ระบุรอยต่อใหญ่คือพรรคเพื่อไทยกับชนชั้นกลาง
วันนี้ (4 มี.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน เผยถึงผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ระบุว่าสะท้อนสมการการเมืองระดับชาติที่ถูกย่อส่วนมาเผชิญหน้ากันในสนามเลือกตั้งท้องถิ่นอย่าง กทม. แม้คะแนนจัดตั้งของ 2 พรรคใหญ่จะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันคือ 6-7 แสน คะแนน แต่คะแนนชี้ขาดเป็นคะแนนสวิงโหวต ที่เอาประเด็นปัญหาการเมืองระดับชาติมาเป็นปัจจัยประกอบการตัดสินใจ ส่งผลให้การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ไม่ได้แข่งกันทางนโยบายอย่างแท้จริง แต่กลายเป็นสนามประลองกำลังกันของ 2 ขั้วความคิดทางการเมืองไปแล้ว ทำให้โอกาสของผู้สมัครอิสระตีบตันและหมดลุ้นไปในที่สุด
นายสุริยะใสระบุต่อว่า ฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนใหญ่ก็โหวตเพราะรักเพราะชอบ ฝ่ายที่โหวตให้ประชาธิปัตย์ก็ต้องการแสดงเจตจำนงทางการเมืองเพื่อถ่วงดุล และต้องการบอกว่าไม่เห็นด้วยกับบทบาททางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือที่เรียกว่า vote against นั่นหมายความว่าประเด็นทักษิณยังเป็นประเด็นที่รณรงค์และขายได้กับทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ ซึ่งชัยชนะของพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ทีมยุทธศาสตร์ก็คงต้องยอมรับความจริงว่าคะแนนพรรคเพื่อไทยสูงขึ้นมากเหมือนกัน แม้ปัญหาน้ำท่วมใหญ่จะกระทบกับคนกรุงเทพฯ แต่ดูเหมือนคะแนนนิยมรัฐบาลก็ไม่ได้กระทบตามไปเท่าที่ควร
“Vote against อาจยังใช้ได้ในสนาม กทม. แต่ในระดับชาติแพ้มาแล้ว ฉะนั้นถ้าพรรคประชาธิปัตย์จะออกแบบบริหารกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองต้นแบบของการปฏิรูปแบบจริงจัง เพื่อสร้างตัวแบบที่แตกต่างจากการเมืองระดับชาติ พรรคประชาธิปัตย์ก็สามารถขยายฐานและไม่ต้องพึ่งพิงคะแนน Vote against เสมอไป” นายสุริยะใสระบุ
ผู้ประสานกลุ่มกรีนกล่าวอีกว่า บทเรียนของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ตอกย้ำว่า รอยต่อที่สำคัญและเป็นปัญหาของพรรคเพื่อไทยมากที่สุด คือ รอยต่อระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับคนกรุงเทพฯ และชนชั้นกลาง ไม่ใช่รอยต่อระหว่างรัฐบาลกับผู้บริหาร กทม.เท่านั้น ความผิดพลาดสำคัญเริ่มตั้งแต่หลังสมัครรับเลือกตั้งใหม่ๆ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินไปที่คนเสื้อแดง จ.อุบลฯ แล้วปลุกระดมคนอีสานใน กทม.ให้ช่วยกันยึดกรุงเทพฯ