รายงานการเมือง
ความหวังที่จะนำสันติสุขคืนสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังมีอยู่หรือไม่ และจะเกิดขึ้นระหว่างรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังบริหารประเทศอยู่หรือไม่ เค้าลางแห่งความหวังน่าจะมีคำตอบตามสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นและเห็นกันอยู่ในปัจจุบันแบบคาตา
โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลเลือกเอา “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกรัฐมนตรี ผู้ซึ่ง “ไม่มีใจ” และปฏิเสธมาตลอดว่า ไม่พร้อมจะรับตำแหน่งดังกล่าว มาเป็นหัวเรือใหญ่ในตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) ที่เป็นตำแหน่งสูงสุดสำหรับฝ่ายบริหารในการบัญชาการดับไฟใต้
ท่าทีของ “เฉลิม” ชัดเจนมาตั้งแต่ต้นว่า ไม่คุ้นเคยกับงานด้านนี้ และพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด แต่ก็มิวายดิ้นไม่รอด เมื่อถูกไฟต์บังคับ เพราะมีการปรับ “ครม.ปู 3” ปรากฏว่าไร้หัวหมู่ที่จะทำเรื่องนี้ต่อจาก "บิ๊กอ๊อด - พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา" อดีตรองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ที่ถูกเขี่ยออกแบบไม่รู้ตัว เนื่องด้วยสาเหตุเคาะโควตากันไม่ลงตัว
แม้จะรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการแล้ว “เฉลิม” ก็หาได้กระตือรือร้นจะทำหน้าที่แบบเป็นกิจจะลักษณะ ชนิดมีข่าวทีก็ให้สัมภาษณ์ที จะมากระโตกกระตากเอาก็ตอนที่เกิดเหตุการณ์ใหญ่ๆ ขึ้นแบบถี่ยิบ ตั้งแต่คาร์บอมเจ้าหน้าที่ทหารที่ อ.รามัน จ.ยะลา ยิงพ่อค้าชาวระยองที่มารับซื้อผลไม้เสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยมที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา ถึงจะเทกแอ็คชั่นทำมาดเป็นจะประกาศ “เคอร์ฟิว”
แต่กระนั้นก็เป็นเพียงไอเดียที่ไม่ได้มีการทำการบ้านมาอย่างดี เพียงแต่แอ็คชั่นเพื่อให้สังคมรับรู้ว่า “เฉลิม” เป็น “ผอ.ศปก.กปต.” ไม่ได้นิ่งนอนใจ ขยับเขยื้อนและมีการเสนอไอเดียออกมาเรื่อยๆ
แถมยังมีเสียงนินทาลอยออกมาอีกว่า ในที่ประชุม ศปก.กปต.เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งมีการประชุมว่าจะเอาหรือไม่เอาแนวคิด “เคอร์ฟิว” ของ “เฉลิม” นั้นปรากฏว่า เจ้าตัวอ้างในที่ประชุมว่า จริงๆ แล้วไอเดียที่ปล่อยออกมารู้อยู่แล้วว่า อย่างไรหน่วยงานความมั่นคงก็ไม่เอา แต่แค่หาเรื่องไปตอบกระทู้ฝ่ายค้านในสภาเท่านั้น
และพอเสร็จศึก “เคอร์ฟิว” ก็มีคิวให้ “เฉลิม” ได้เล่นการเมืองอีกรอบ หลังมีกระแสข่าวว่า กำลังมีการเคลื่อนไหวแบบลับๆเกิดขึ้นระหว่าง “นายใหญ่” และ “บิ๊กจิ๋ว-พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ" อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อทาบทามให้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาเรื่องภาคใต้ ซึ่งกำลังเป็นจุดอ่อนของรัฐบาลขณะนี้
เท่านั้นล่ะ “เหลิม ณ บางบอน” ดิ้นพล่านออกมาเทกแอ็คชั่น สารภาพเลยว่าถูก “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ดุเข้าให้หลังแสดงอาการไม่อยากทำงานดับไฟใต้ แถมยังถูกบังคับให้ลงไปสัมผัสพื้นที่ในดินแดนด้ามขวานเข้าเสียด้วย
แต่ก็ดันยังเล่นการเมืองไม่เลิก เมื่อมีข้อแม้ทึกทักบอกจะลงก็ต้องเมื่อเสร็จศึกชิงเก้าอี้ “ผู้ว่าฯ กทม.” ไปแล้วเท่านั้น
ตามจังหวะอ้างแบบนั้น เลยถูกสังคมลด แลก แจก แถม คำวิพากษ์วิจารณ์กันแบบยกใหญ่ โทษฐานลำดับความสำคัญโดยให้น้ำหนัก “การเมือง” มากกว่า “บริหารบ้านเมือง”
ทว่าก็ดูเหมือน “เฉลิม” จะมีของเล่นมาให้ได้หวือหวาตลอด ด้วยการเซ็นคำสั่งแต่งตั้ง “กลุ่มวาดะห์” มาเป็นที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ในการช่วยให้คำปรึกษาเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ตามอาการจรดน้ำหมึกกตั้ง “วาดะห์” ก็หวังสร้าง “น้ำหนัก” ให้เห็นถึงความตั้งใจในการบริหารประเทศ เพราะได้ภาพดึงคนในพื้นที่เข้ามาช่วย
แต่กระนั้นก็มีความน่าสนใจไม่น้อยเพราะต้องอย่าลืมว่า กลุ่มดังกล่าวล้วนแล้วแต่เป็นอดีตลูกพรรคของ “บิ๊กจิ๋ว” สมัยยังอยู่พรรคความหวังใหม่ทั้งสิ้น การดึงเข้ามามองตามนัยการเมือง จึงแบ่งได้เป็นสองแบบคือ
หากดึง “วาดะห์” มาแล้วยังล้มเหลวอยู่ “เฉลิม” ก็เสมอตัวเพราะไม่ได้เป็นคนคิดไอเดีย แต่กลับเป็น “วาดะห์” เองที่จะถูกตอกย้ำว่าเขาเหล่านี้หมดพลังและศักยภาพในพื้นที่แล้ว
แน่นอนว่า หากเป็น “บิ๊กจิ๋ว” เข้ามาคุมก็ต้องดึง “กลุ่มวาดะห์” เข้ามาช่วยงานเช่นกัน
และอีกแบบคือ เป็นการสร้างขุมพลังอำนาจของ “เฉลิม” ในพรรคเพื่อไทยให้ขยายมากขึ้น เพราะต้องอย่าลืมเช่นกันว่า ทุกวันนี้สถานะของ “เฉลิม” ในพรรคไม่ได้มีกลุ่มก๊กที่ใหญ่ ไม่มีส.ส.อยู่ในกำมือ และหากเทียบกับบรรดาก๊กอื่นๆ โดยเฉพาะกลุ่ม กทม.ของ “หญิงหน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ที่มีอยู่ในมือนับสิบคน ต้องถือว่า “กลุ่มบ้านริมคลอง” ดูด้อยไปเลย
อย่างไรก็ดี นอกจากการแก้ปัญหาด้วยวิธีทางการเมืองข้างต้นแล้ว อีกดอกล่าสุดที่ดูจะเป็นชนิดแบบ “การเมืองจ๋า” ก็หนีไม่พ้นข้ออ้างเรื่องของสาเหตุที่เจ้าตัวไม่ยอมลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยอ้างว่า เนื่องจากมีผู้ก่อการดีจ้องจะสร้างสถานการณ์ด้วยการวางระเบิดจุดนั้นจุดนี้กว่า 40 - 50 จุด หลังจาก “เฉลิม” เดินทางกลับ กทม. เพื่อแสดงให้เห็นว่าคนภาคใต้รังเกียจ และไม่ยินดีต้อนรับ “หัวหมู่ฝั่งธน” เพื่อเป็นการดิสเครดิต
หากเป็นอย่างที่ “เฉลิม” อ้างจริง หมดสมัยรัฐบาลนี้บริหารประเทศ พี่น้องชาวด้ามขวานก็ยังไม่ได้เห็นหน้าตาผู้ที่ดูแลรับผิดชอบพวกเขาโดยตรงแน่นอน
ตามเกมการเมืองคิวล่าสุด ที่ “เฉลิม” กำลังเล่นกลอยู่ คือการส่งการ์ดเทียบเชิญ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ “ถาวร เสนเนียม” ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ให้เข้าร่วมประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อให้ทั้งคู่ได้แสดงวิสัยทัศน์และบอกถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่และเปิดเผย
ตามหมากกระดานนี้ที่ “เฉลิม” วางเกมเอาไว้ว่า จะให้ทั้งคู่ได้ใส่กันแบบเต็มที่ ซึ่งหลังจากการประชุมผ่านไปและพบว่า มีการปฏิบัติตามแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์แต่ภารกิจดับไฟใต้ไม่สำเร็จ
“เฉลิม” ก็จะเอาแผลนี้ไว้ตอกลิ่ม “ค่ายสีฟ้า” ว่า เป็นพรรคที่ดีแต่ค้าน ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นเจ้าของพื้นที่ก็ยังแก้ไขไม่สำเร็จ และจากนี้ทุกครั้งที่ “ค่ายสีฟ้า” ออกมาตำหนิรัฐบาลในเรื่องนี้ ก็จะถูกบลั๊ฟกลับว่าเป็นพวกที่ “ดีแต่พูด”
ตามแนวทางถนัด “นักการเมือง” ที่ชอบเล่น “การเมือง” แบบ “เฉลิม”
อีกสิ่งที่ตอกย้ำถือความไม่ใส่ใจอย่างจริงจัง ก็คือคิวปฏิเสธร่วมคณะไปมาเลเซียกับ “ยิ่งลักษณ์” ที่เจ้าตัวอ้างว่าติดปราศรัยช่วย “จูดี้” หาเสียง ทั้งๆที่ทริปนี้มีวาระสำคัญอย่างเรื่องไฟใต้เป็นหัวข้อหลัก แต่รองนายกฯที่รับผิดชอบกลับไม่ไปเสียอย่างนั้น
มองภาพรวมปฏิกิริยาของ “เฉลิม” ตั้งแต่รับหัวโขนในตำแหน่ง “ผอ.ศปก.กปต.” เป็นต้นมาทั้งหมด ตอกย้ำได้ชัดหลักการที่มีมีแต่ “การเมือง” ล้วนๆ
และจะมีอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ใหญ่ๆ หรือสำคัญ แต่สิ่งเหล่านั้นก็ยากจะจับต้อง ทำได้เพียงหวือหวาชั่วคราวเท่านั้น
เหนือสิ่งอื่นใดคนที่รับชะตากรรมก็คือ “คนปลายด้ามขวาน”