“สุขุมพันธุ์” เสียน้ำตาแถลงเปิดใจ ขอบคุณชาว กทม.ให้โอกาสทำงาน รับฝันที่เป็นจริง ลั่นลุยงามเต็มที่แม้บางคนบอกไม่เข้าตา ภูมิใจตอบบรรพบุรุษได้ ทำงานสุจริต รับประชาสัมพันธ์ไม่ครบ แต่ทำครบทุกนโยบาย แจงสานงานต่อ “อภิรักษ์” และสานต่องานที่ตัวเองทำ ชูใช้ความรัก กทม.บริหาร จงรักภักดีสถาบัน ชมอิสระมีเสน่ห์ แต่พรรคหลักประกันดีกว่า
วันนี้ (28 ก.พ.) ที่ลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม พรรคประชาธิปัตย์ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของพรรค ได้แถลงเปิดใจ โดยมีแกนนำพรรคมาให้กำลังใจอย่างคับคั่ง อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายชํานิ ศักดิเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรค นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ผอ.ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ของพรรค นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรค นางสาวิตรี บริพัตร ภรรยา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ พร้อมด้วยผู้สนับสนุนร่วมให้กำลังใจจำนวนมาก
ทั้งนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ตนขอขอบคุณคน กทม.ที่ให้โอกาสตนได้เข้ามาทำหน้าที่บริหาร กทม.4 ปีที่ผ่านมา และขอขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์ และผู้สนับสนุนที่ส่งตนลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตนถือว่างานที่ได้ทำมาตลอด 4 ปีนั้นคือความฝันที่เป็นจริง ตนดีใจที่ได้ทำงานเพื่อ กทม.อย่างทุ่มเท ซื่อสัตย์ และไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคที่เกิดขึ้น แม้จะมีบางคนบอกว่าไม่เข้าตาก็ตาม แต่สำหรับตนแล้วถือว่าทำงานเต็มร้อย ซึ่งการทำงานตนต้องตอบคำถามกับสื่อมวลชน หน่วยงานของรัฐ หรือแม้แต่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แต่สิ่งที่ตนต้องตอบให้ได้คือตอบคำถามกับบรรพบุรุษของตนว่า ได้ทำงานเพื่อ กทม.อย่างทุ่มเท เสียสละ และสุจริตแล้วหรือยัง และต้องขออภัยประชาชนและพรรค ที่ตนอาจมีข้อบกพร่องในการทำงาน ไม่ประชาสัมพันธ์เรื่องต่างๆ ได้ดีเท่าที่ควร แต่ตนก็ได้ทำงานตามสัญญาที่หาเสียงไว้ครบถ้วนเกือบทั้งหมด
“ถ้าผมจะหยุดหายใจในวันนี้ชีวิตผมก็คุ้มค่า ที่ได้ทำงานให้คน กทม.เพราะผมเป็นคน กทม. บรรพบุรุษของผมก็เป็นคน กทม.ได้ร่วมสร้าง กทม.มาแล้วกว่า 200 ปี และผมก็รัก กทม.แม้จะไปเรียนที่ต่างประเทศ แต่วันที่ผมนั่งเครื่องบินมาถึงดอนเมืองเห็นกรุงเทพฯแล้วผมร้องไห้ ซึ่งวันนี้ผมก็ดีใจที่ได้ทำงานเพื่อคน กทม.” ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยน้ำตาคลอ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า 4 ปีที่ผ่านมาในการทำงานของตนนั้น เป็นการสานต่องานจากที่ นายอภิรักษ์ได้วางเอาไว้ และ 4 ปีต่อจากนี้หากได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม.ตนก็จะสานต่องานเก่า และมีงานใหม่เพิ่มเข้ามาด้วย ซึ่งนโยบายที่ตนได้นำเสนอไปนั้น เป็นนโยบายที่ตน และพรรคประชาธิปัตย์ได้ร่วมกันคิดขึ้นซึ่งเป็นนโยบายที่ตนอยากทำจริงๆ และสามารถทำได้ ทั้งนี้ตนยืนยันว่าตนบริหาร กทม.โดยใช้ความรัก กทม.เป็นตัวตั้ง ตนบริหารงานแบบสุจริต เพราะมีความสุจริตในสายเลือด และตนก็มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ในส่วนของผู้สมัครอิสระตนมองว่า ก็มีเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ไม่เกี่ยวพรรคการเมือง แต่ผู้สมัครพรรคการเมืองเองก็มีเสน่ห์เช่นกัน เพราะหากตนเป็นผู้ว่าฯแล้วไม่ทำตามสัญญา หนีงาน ซึ่งต่อให้ตนหนีไปอยู่ที่ไหนก็ตาม ก็จะมีคนต้องรับผิดชอบงานอยู่ ซึ่งก็คือพรรคประชาธิปัตย์ แต่หากเป็นผู้สมัครอิสระก็จะไม่มีหลักประกันเรื่องนี้