โฆษก ปชป.สวนกลับ พท.เล่นการเมืองไม่สร้างสรรค์ ทั้งสาดโคลน ดิสเครดิตในการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แบบไม่มีหลักฐาน นโยบายขายฝัน บังคับ ขรก.ให้เลือกข้าง ตบตาประชาชนด้วยการเลี่ยงสีแดง เชื่อไม่มีใครลืมเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยอ้างว่า พรรคประชาธิปัตย์มุ่งโจมตีพรรคเพื่อไทยช่วงโค้งสุดท้ายในการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ว่า สิ่งที่พรรคเพื่อไทยออกมาพูดนั้นเป็นพฤติกรรมของพรรคเพื่อไทยเองทั้งสิ้น เพราะพรรคเพื่อไทยเล่นการเมืองแบบไม่สร้างสรรค์ มุ่งสาดโคลนใส่ร้ายป้ายสี หลอกลวง บิดเบือนข้อเท็จจริง โดยจะเห็นได้จาก 4 พฤติกรรมของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้
1. การสาดโคลน ดิสเครดิตแบบไม่มีหลักฐาน บิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นพฤติกรรมถนัดของพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ประเด็นเรื่องกล้อง CCTV ก็เป็นการสร้างเรื่องดิสเครดิต หลอกลวงประชาชน และสร้างความเสียหายให้แก่ กทม. เพราะในที่สุดแล้วเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชัน และมีเรื่องของอุโมงค์ระบายน้ำ ที่โฆษกพรรคเพื่อไทยพยายามพูดว่าใช้งานไม่ได้ แต่สุดท้ายเวลาที่มีน้ำท่วมอุโมงระบายน้ำก็สามารถระบายน้ำได้ นอกจากนั้นก็มีเรื่องถุงทรายในท่อระบายน้ำที่เป็นการป้องกันน้ำจากแม่น้ำ และเรื่องสร้างโรงพัก ที่พรรคเพื่อไทยหวังจะกลั่นแกล้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แต่สุดท้ายกลับไปตัดคอ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญเอง จึงทำให้พรรคเพื่อไทยเงียบ
2. เรื่องนโยบาย ตนยังไม่เห็นนโยบายใดของ พล.ต.อ.พงศพัศ ที่ปักใจเชื่อได้ว่าทำได้จริง แต่นโยบายส่วนใหญ่ กลับเป็นการขายฝัน และเป็นการหาเสียงเกินอำนาจผู้ว่าฯ กทม. ทั้งโครงการรถเมลล์ฟรี เรือฟรี และนโยบายประชานิยมอื่นๆ รวมทั้งการแก้หนี้นอกระบบ ทั้งที่เรื่องเหล่านี้อยู่นอกเหนืออำนาจผู้ว่าฯ กทม.จึงเป็นการการหาเสียงไม่สร้างสรรค์ เป็นการโฆษณาที่เกิดจริงและหวังผลทางการเมือง ซึ่งแตกต่างจากพรรคประชาธิปัตย์ที่นโยบายแต่ละอย่างมีการทำมาแล้วและจะทำต่อ
3. การใช้อำนาจรัฐแบบกดดัน บังคับขู่เข็น ข้าราชการให้มีการเลือกข้าง โดยมีการให้สายสืบตามขบวนหาเสียงของพรรค และมีการส่งผู้กำกับในพื้นที่ตามถ่ายรูปเวลาที่นายอภิสิทธิ์หาเสียง และต้องรายงานสถานการณ์โดยตลอด ซึ่งเป็นการใช้อำนาจรัฐเกินขอบเขต นอกจากนั้นก็มีการซื้อเสียงทางอ้อม จากการมีข่าวจากกรมการพัฒนาชุมชนเรื่องการรับเงินช่วยเหลือ
และ 4. พรรคเพื่อไทยพยายามตบตาประชาชน โดยพยายามเปลี่ยนสีตัวเองใหม่ จากสีแดงเป็นสีอื่น เพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุ้นความทรงจำคน กทม. เพราะป้ายหาเสียงของ พล.ต.อ.พงศพัศกลับไม่มีป้ายสีแดงเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลจะมีป้ายหาเสียงที่มีพื้นหลังเป็นสีแดง และเวลาที่ พล.ต.ท.พงศพัศลงพื้นที่หาเสียงก็ไม่มีคนเสื้อแดงมาสนับสนุน เพระถูกสั่งให้อยู่ในที่ตั้ง หรือหากจะออกมาสนับสนุนให้ถอดเสื้อแดงออก เป็นการกระโดดหนีสีแดง แต่เชื่อว่าหาก พล.ต.อ.พงศพัศทำสำเร็จในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ก็จะถูกอาบไปด้วยสีแดงแน่นอน
ส่วนที่บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์พูดเรื่องเก่าโดยเฉพาะเรื่องเผาบ้านเผาเมืองนั้น นายชวนนท์กล่าวยืนยันว่า เรื่องการเผาห้างสรรพสินค้า สถานที่ราชการในปี 2553 นั้นอยู่ในใจคนไทยทั้งประเทศ และคนที่เรียกร้องให้ลืมนั้นความจำสั้นเกินไป เพราะเหตุการณ์เพิ่งผ่านมาแค่ 2 ปี ยังไม่มีคนผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้น ผู้เสียหายยังไม่ได้รับการเยียวยาที่เหมาะสมก็อย่าหวังให้คนไทยลืมเลย และอย่าหวังว่าจะลืมเพราะกรุงศรีอยุธยาถูกเผาหลายร้อยปีแล้ว คนไทยก็ยังไม่ลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนั้นตนจึงอยากบอกนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดงว่า ต่อให้ผ่านไปถึงลูกหลานอีก 3-4 รุ่น คนไทยก็ไม่ลืมสิ่งที่พวกคุณทำไว้