ตำรวจควบคุมตัวนักวิชาการด้านการศึกษา สังกัด กทม. เดินติดสติกเกอร์ “เราไม่เลือกผู้ว่าฯ สร้างภาพ-เผาบ้านเผาเมือง” บนป้ายหาเสียงพงศพัศ สารภาพทำคนเดียวไม่มีใครจ้าง เหตุเพราะไม่ชอบพรรคเพื่อไทย ด้าน “พร้อมพงษ์” เชื่อมีคนอยู่เบื้องหลัง จี้เจ้าหน้าที่สอบสวนขยายผล
ช่วงค่ำของวานนี้ 20 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ ร.ต.ท.นิติธร พิมพ์คำ รอง สวป.สน.พหลโยธิน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจออกตรวจพื้นที่เฝ้าระวังป้องกันเหตุช่วงการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระหว่างออกตรวจไปถึงบริเวณป้ายรถประจำทางปากซอยลาดพร้าว 45 ถ.ลาดพร้าว แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. พบเห็นชายท่าทางมีพิรุธบริเวณป้ายหาเสียงของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.สังกัดพรรคเพื่อไทย จึงเข้าตรวจสอบพบว่าชายดังกล่าวกำลังติดแผ่นสติกเกอร์ซึ่งมีข้อความว่า “เราไม่เลือกผู้ว่าฯ สร้างภาพ” และ “เผาบ้านเผาเมือง” บริเวณป้ายหาเสียง จึงเข้าควบคุมตัวทราบชื่อต่อมาคือ นายหทัยวุฒิ สายทอง อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 189/170 ต.หนองจ๊อม อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เป็นนักวิชาการศึกษา 5 สำนักงานเขตพื้นที่ (สพท.) กรุงเทพมหานคร เขต 2 โรงเรียนพิบูลย์อุปถัมภ์
ภายในกระเป๋าสะพายยังพบแผ่นสติกเกอร์ขนาดต่างๆ มีข้อความ “เราไม่เลือกผู้ว่าฯ สร้างภาพ, เผาบ้านเผาเมือง” และรูป พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมข้อความ “ทักษิณติดคุก” อยู่ในกระเป๋าประมาณ 50 แผ่น เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวไปสอบสวนที่ สน.พหลโยธิน
โดยนายหทัยวุฒิให้การว่า เป็นนักวิชาการด้านการศึกษา สติกเกอร์ดังกล่าวทำคนเดียว ไม่มีใครว่าจ้าง ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด โดยเพิ่งเริ่มทำได้ 4-5 วัน ใช้เวลาช่วงเย็นหลังเลิกงานนั่งทำข้อความและพรินต์ใส่แผ่นสติกเกอร์อยู่ที่ทำงาน และเพิ่งนำสติกเกอร์มาติดที่ป้ายหาเสียงพรรคเพื่อไทยเวลาประมาณ 20.00 น. ที่ทำนั้นรู้ว่าผิดกฎหมาย แต่ไม่ชอบพรรคเพื่อไทย จึงต้องการแสดงออกลักษณะนี้เพื่อให้คนได้รับรู้ ถ้าไม่ทำหรือไปติดที่อื่นก็จะไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็น
ต่อมาเวลา 22.00 น. นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมายัง สน.พหลโยธิน เพื่อติดตามเรื่องดังกล่าว
นายพร้อมพงษ์กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นความผิดซึ่งหน้า ที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งแน่นอน ตามมาตรา 57 โดยเป็นการใส่ร้ายป้ายสี อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นจะต้องหารือกับ พล.ต.อ.พงศพัศ ซึ่งเป็นผู้เสียหายโดยตรง เนื่องจากเป็นผู้ลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ว่าจะเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ด้วยตัวเอง หรือจะมอบหมายมอบอำนาจให้คนภายในพรรคมาดำเนินการแทน และส่วนตัวเชื่อว่านายหทัยวุฒิไม่น่าจะทำเรื่องนี้เพียงลำพังคนเดียว น่าจะมีขบวนการหรือมีผู้อยู่เบื้องหลัง จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบสวน และสืบขยายผลให้ชัดเจน