“นายกฯ ปู” เรียก 9 รมต.ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาภาคใต้ประชุมขันนอตบูรณาการข้อมูลข่าวสารให้มีเอกภาพ หลังพบไม่ค่อยประสานงานกัน เฉ่งบัวแก้วสุดเฉื่อยเมินชี้แจงประเทศมุสลิมหลังเกิดเหตุรุนแรง เช่นเดียวกับมหาดไทยที่ไม่กระตือรือร้นงานด้านพัฒนาและดูแลประชาชน ยันพบ “จิ๋ว” ไม่หารือเรื่องไฟใต้ ส่วนที่ “เฉลิม” ตั้ง 9 วาดะห์กุนซือแก้ใต้เป็นการแต่งตั้งส่วนตัวไม่เกี่ยว ศปก.กปต. สำหรับ พ.ร.บ.ความมั่นคงรอหน่วยงานศึกษารายละเอียดก่อนเสนอ ศปก.กปต.สรุป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (19 ก.พ.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 9 กระทรวง พร้อมด้วย พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช. ที่ห้องรับรองตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง
นายกรัฐมนตรีเปิดเผยหลังการประชุมว่า ได้เชิญกระทรวงที่เกี่ยวข้องนอกเหนือจากฝ่ายความมั่นคงประชุมเพื่อเน้นย้ำประเด็นความห่วงใยที่อยากให้เร่งดำเนินการและประสานงานในพื้นที่ให้เร็ว โดยเฉพาะการบูรณาการเรื่องการให้ข้อมูลข่าวสารในพื้นที่เชิงการวิเคราะห์เพื่อให้เกิดเอกภาพในการทำงาน และให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทำงานให้ชัดเจน ซึ่งรวมถึงกระทรวงการต่างประเทศที่ต้องแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้องให้รับทราบไว้เป็นระยะ แต่ไม่ได้มีการทำหนังสือไปถึงประเทศมุสลิม พร้อมกันนี้ต้องเร่งรัดในส่วนของงานพัฒนาที่อยู่ภายใต้งานของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งการดูแลในพื้นที่ต้องทำงานร่วมกับท้องถิ่นด้วย จึงอยากเห็นกลไกลกระทรวงมหาดไทยเป็นหลักในการทำงานร่วมกับท้องถิ่น และดูแลประชาชนเรื่องการบรรจุอัตรากำลังพล ทั้งเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร ตำรวจ
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะบูรณาการลงพื้นที่กับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ ตนในฐานะนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิมเป็น ผอ.ศปก.กปต.อยู่แล้ว ซึ่งก็ดูภาพรวม และวันนี้ที่คุยก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เป็นการย้ำภายใต้กระทรวงให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน และทุกกระทรวงต้องไปทำงานร่วมกับ ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งก็ได้มีการประชุมกันไปครั้งหนึ่งแล้ว และคงจะมีการประชุมให้บ่อยขึ้น เพื่อให้การบูรณาการเร็วขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ ร.ต.อ.เฉลิมบอกว่าจะลงพื้นที่ภาคใต้หลังเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.จะช้าไปหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การลงพื้นที่ในทันทีที่เกิดเหตุทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ทำงานอยู่แล้ว ขณะเดียวกันกระทรวงที่เกี่ยวข้องก็ลงไปทำหน้าที่ของตนเอง ส่วนกรณีของ ร.ต.อ.เฉลิมจะลงไปในลักษณะบูรณาการ
ส่วนที่ได้พบ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ท่านแนะนำแนวทางแก้ปัญหาอย่างไรนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ไม่ได้มีโอกาสคุย และเร็วๆ นี้ทางผู้บัญชาการทหารบกจะลงพื้นที่ ขอเรียนว่ามีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่อยู่แล้ว เมื่อถามว่าการตั้งกลุ่มวาดะห์ร่วมแก้ไขปัญหาภาคใต้คิดว่าจะมีประโยชน์ด้านไหน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นเรื่องส่วนตัวของ ร.ต.อ.เฉลิมที่จะให้ทำหน้าที่ติดตามให้ข้อมูล ร.ต.อ.เฉลิม แต่ไม่เกี่ยวกับ ศปก.กปต.ซึ่งมีหน่วยงานและกระทรวงที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว
ต่อข้อถามว่าการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ แทน พ.ร.ก.ฉุกเฉินมีความชัดเจนหรือยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ยังแต่เป็นแนวคิดที่เราอยากเห็นหากพื้นที่ไหนสามารถดูแลได้ดีขึ้น เราก็อยากให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตแบบปกติ จึงจะมีการปรับระดับจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาเป็น พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ซึ่งต้องดูรายละเอียดของพื้นที่ ตรงนี้เป็นการพูดในหลักการว่าอยากเห็นการลดระดับการดูแล สิ่งสำคัญต้องดูความพร้อมของพื้นที่ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ และมาตรการต่างๆ เพียงพอหรือไม่
ส่วนการนำมาตรา 21 มาใช้ในบางพื้นที่เพื่อให้ผู้ก่อเหตุเข้ามอบตัวจะเป็นการสุ่มเสี่ยงหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือก่อน ตรงนี้เป็นเหมือนกรอบโครง แต่การจะทำอะไรอย่างไรที่ไหนต้องดูพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งวันนี้ เรื่องการบูรณาการด้านกฎหมาย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม จะดูรายละเอียดเรื่องนี้ทั้งหมด โดยทั้งหมด ต้องนำกลับมาเสนอยังที่ประชุม ศปก.กปต.
