“สุขุมพันธุ์” เปิดนโยบายเอาใจผู้หญิง มีทั้งความปลอดภัย ติดซีซีทีวีเพิ่ม เชื่อมต่อกล้องเอกชน แก้ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและชุมชน ดูแลสุขภาพ ตรวจมะเร็งเต้านม และปากมดลูกฟรี ให้ความรู้เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน พร้อมตั้งศูนย์ฮอตไลน์ให้คำปรึกษา ท้องไม่พร้อม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำได้เปิดตัวนโยบายดูแลผู้หญิง ที่ลานพระแม่ธรณี ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวถึงความสำคัญของผู้หญิงว่ามีศักยภาพในการสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศ เพราะมีความเข้มแข็งมากกว่าผู้ชายในการสู้กับชีวิตเพื่อครอบครัว ถือว่ามีความเข้มแข็งกว่าผู้ชาย เพียงแต่ด้านกายภาพอาจมีจุดอ่อนถูกรังแกทำร้ายโดยผู้ชายค่อนข้างง่าย การแก้ปัญหาให้ผู้หญิงจึงเป็นนโยบายที่มีความสำคัญมากที่จะต้องดูแลพัฒนาสตรีอย่างครบวงจรในพื้นที่ กทม.แม้ว่าความรับผิดชอบส่วนหนึ่งจะอยู่ที่รัฐบาลก็คงรอให้รัฐบาลมทำทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้ แต่คนที่จะเป็นผู้ว่า กทม.ต้องดูแลทุกข์สุขทุกชีวิตของ กทม.ก็ต้องใช้ทุกอย่างที่มีทั้งสติปัญญา ความรู้ ประสบการณ์ และทรัพยากร งบประมาณ บุคลากรของ กทม.ในการดูแลพัฒนาสตรีให้ดีที่สุด
โดยตนได้ดำเนินการไปแล้ว อาทิ การใช้เงินกองทุนลดความรุนแรงในครอบครัว 50 ล้านบาท เมื่อใช้ไป กทม.จะเติมให้ครบเท่าเดิม จึงเห็นว่าควรใช้กองทุนนี้อย่างเต็มศักยภาพ และจะต้องขยายเครือข่ายเพิ่มเติมด้วย ในสมัยเป็น ผู้ว่าฯ กทม.ยังเดินหน้ากองทุนเศรษฐกิจพอเพียงสร้างรายได้ให้กับสตรีในชุมชนด้วย และมีบางแคสองเพื่อให้ผู้หญิงที่ไม่มีผู้ดูแลไปพักอาศัยได้ประมาณ 140 คน จึงต้องมีการขยายผลต่อยอดเพิ่มเติมต่อไป
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ตนนำเสนอนโยบายสตรีอย่างครบวงจรคือ เรื่องความปลอดภัยในชีวิต กล้องซีซีทีวี ติดตั้งแล้ว 2.4 หมื่นตัว ในพื้นที่สาธารณะมากกว่าชุมชนจึงยังไม่เพียงพอต่อจากนี้จะขยายผล สภา กทม.ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อจัดซื้อกล้องวงจรปิดอีก 2.4 หมื่นตัวติดตั้งเพื่อความปลอดภัยของคน กทม.ตั้งใจติดทุกตรอกซอกซอย หากงบไม่พอก็ต้องขอจากสภา กทม.เพิ่ม เพื่อดูแลทุกข์สุขชุมชนโดยตรง และจะเชื่อมโยงสัญญาณกล้อง กทม.กับเอกชนที่มีกว่าสองแสนตัวเฉพาะนอกอาคาร
นอกจากนี้จะมีอาสาสมัครดูแลความปลอดภัยของชุมชน โดยจะมีการฝึกอบรมให้อยู่กับชุมชนและสอนให้ชุมชนเฝ้าระวัง รวมถึงการเพิ่มทักษะระวังภัยและป้องกันตัวเอง ด้วยการจัดหลักสูตรการเรียนการสอนในโรงเรียนของ กทม.บนพื้นฐานหลักสามัญสำนึกด้วย คือ ให้ผู้หญิงป้องกันตัวเองได้ สิ่งที่จะเน้นคือ วิธีการป้องกันตัวเองที่ดีที่สุดคือ วิ่งหนี เพราะไม่อยากให้ฮึกเหิมว่าได้รับทักษะป้องกันตัวแล้วจะสู้กับผู้ชายที่มีอาวุธ รวมทั้งจะเพิ่มหลักสูตรในการให้ความรู้เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ เพื่อไม่ให้หลงผิดหรือหากมีความผิดพลาดจากการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมจะได้สามารถแก้ปัญหาได้แทนการคิดสั้นด้วยการฆ่าตัวตาย สานต่อนโยบายของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยออกมติ ครม.ห้ามไม่ให้ไล่เด็กท้องออกจากโรงเรียน เพื่อให้เด็กดูแลและเลือกทางเดินที่ตนต้องการได้ ตั้งศูนย์ฮอตไลน์ให้คำปรึกษาท้องไม่พร้อมเชื่อมีอาสาสมัครที่พร้อมจะช่วยเหลือโดย กทม.จะสร้างระบบขึ้นมารองรับ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวถึงความรุนแรงทางเพศและครอบครัวว่า มีผู้หญิงอายุระหว่าง 15-49 ถูกคู่ชีวิตทำร้ายร่างกายกว่าสามแสนราย ซึ่งจะต้องวางแนวทางในการแก้ปัญหาอย่างครบวงจรคือ ให้ความรู้ตั้งแต่เด็ก โรงเรียน กทม.มีนโยบายใหม่ อิ่มท้อง สมองดี มีวินัย โตไปไม่โกง จะสอนให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม เคารพต่อสิทธิของผู้อื่น คุณค่าความเป็นมนุษย์ ซึ่งจะมีการขยายผลโครงการที่มีอยู่แล้วให้เยาวชนตระหนักสิทธิและความมีคุณค่าของผู้อื่น รวมถึงสตรีและเพศที่สามด้วย
นอกจากนี้ยังต้องให้ความสำคัญกับการให้ความรู้ผู้ปกครอบควบคู่กับเด็กด้วย โดยที่ผ่านมามีโครงการอบรมผู้ปกครองเพื่อให้เข้าใจพัฒนาการของเด็ก จิตวิทยาเด็กและรู้วิธีพัฒนาเด็ก ซึ่งสามารถขยายผลให้มีการแก้ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและชุมชนด้วย โดยจะมีการเพิ่มบทบาทสำนักอนามัย กทม.ให้บุคลากรพัฒนาองค์ความรู้ในการดูแลและให้คำปรึกษา เยียวยา ผู้หญิงที่ถูกทำร้ายได้ และการให้คำปรึกษากับสามีและคู่ชีวิตด้วย
สำหรับด้านสุขภาพสตรีนั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ผู้หญิงมีปัญหาสุขภาพเฉพาะโดยเฉพาะมะเร็งเต้านม และปากมดลูก แต่โรคเหล่านี้ตรวจสอบได้ง่าย เพียงแต่ผู้หญิงต้องตรวจต่อเนื่องทุกปี กทม.มีนโยบายตรวจสุขภาพฟรี 4 ปีที่ผ่านมาดำเนินการไปแล้วในการตรวจมะเร็งเต้านมแต่ยังไม่มีมะเร็งปากมดลูก ซึ่งจะเพิ่มเติมเข้าไปหากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.โดยสามารถตรวจฟรีที่โรงพยาบาลในสังกัด กทม.และสำนักงานอนามัยของ กทม.โดยไม่ได้ตรวจฟรีเฉพาะคน กทม.เท่านั้น แต่ให้บริการกับคนไทยทั้งหมด
ทั้งนี้จากสถิติพบว่าอายุของผู้ชายเฉลีย 71.1 ปี ส่วนผู้หญิง 78.1 ปี มีอายุยืนกว่าผู้ชาย 7 ปีที่มีแนวโน้มว่าชีวิตที่เหลือจะต้องอยู่คนเดียว ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาผู้หญิงที่ไม่มีคนดูแลก็มีบ้านบางแคสองรองรับ และสร้างโรงพยาบาลผู้สูงอายุสี่มุมเมืองรองรับด้วย และมีนโยบายปรับสถานภาพอาสาสมัครเป็นลูกจ้าง เพิ่มเงินเดือนวุฒิปริญญาตรี 1.5 หมื่นบาท ปวส.1 หมื่นบาท และ ปวช. 8,600 บาท เพราะคนเหล่านี้ได้มีโอกาสพัฒนาทักษะมาแล้วตลอดสี่ปีที่ผ่านมา จึงถือเป็นบุคลากรที่มีประสบการณ์และความรู้ที่ต้องได้รับการดูแลในเรื่องขวัญกำลังใจ ไม่ได้ทำเพียงแค่การให้เงินเพียงอย่างเดียว และจะยกระดับศูนย์ฝึกอาชีพของกทม.รวมถึงเพิ่มจำนวนด้วย โดยสี่ปีที่ผ่านมาฝึกอบรมไปแล้ว 1 แสนคน จะเพิ่มอีก 1 แสนคน ซึ่งสิ่งที่กล่าวทั้งหมดตนมีหัวใจที่จะทำร่วมกับ กทม. เพราะตนรักผู้หญิงอย่างสร้างสรรค์